เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1758
ไม่ด้อยกว่าอาหารเพื่อสุขภาพของประเทศอู่อานเลย
กินไปคุยไป ไม่นานโครงกระดูกถามลู่ฝานว่าทำไมถึงโดนผู้ฝึกชั่วร้ายตามจับทั้งใต้หล้า
อันที่จริงช่วงนี้โครงกระดูกถามคำถามนี้มาหลายครั้งแล้ว ลู่ฝานพูดอ้อมๆ ไม่ได้พูดชัดเจน
วันนี้โครงกระดูกถามอีกแล้ว ลู่ฝานอารมณ์ดีจึงพูดออกมาว่า “สหายหนานกง นายรู้แค่ว่าบนตัวฉันมีของที่ผู้ฝึกชั่วร้ายต้องการก็พอแล้ว”
“อาวุธเทพ? ยา? วิชาหรือเคล็ดวิชาบู๊?”
โครงกระดูกถามอย่างสงสัย
ลู่ฝานส่ายหน้าพูดว่า “บอกไม่ได้ๆ! สหายหนานกงไม่ต้องถามมากแล้ว ถ้านายรู้เรื่องนี้ ไม่เพียงแต่จะไร้ประโยชน์ ยังทำให้ลำบากเพิ่มขึ้นด้วย นายคงไม่อยากโดนผู้ฝึกชั่วร้ายทั้งใต้หล้าตามฆ่าเหมือนกันใช่ไหม”
โครงกระดูกพยักหน้าพูดว่า “เอาเถอะ สหายลู่ฝานพูดสิ่งนี้กับฉันอย่างตรงไปตรงมา แสดงว่านายเชื่อใจฉันแล้ว ต่อไปฉันไม่ถามอะไรมากแล้วล่ะ”
ลู่ฝานยิ้มแล้วพูดว่า “แบบนี้ยิ่งดีเลย สหายหนานกง ฉันไม่อยากโกหกเพื่อนจริงๆ ดังนั้นจึงพูดได้เพียงเท่านี้ ช่วงนี้ฉันอาจต้องอยู่ที่ประเทศฉิงเทียน รบกวนสหายหนานกงช่วยดูแลด้วยนะ!”
โครงกระดูกหัวเราะคิกคักแล้วพูดว่า “ได้เลยๆ สหายลู่ฝาน ฉันเป็นคนซื่อสัตย์ ของที่เคยพูดกับนายที่เขตโลหิต ฉันจะให้นายอย่างครบถ้วน นายกลับเมืองฉิงเทียนไปกับฉัน แค่ฉันกลับไปที่วัง เจอเสด็จพ่อทุกอย่างก็จบแล้ว นายอยู่ในประเทศฉิงเทียนได้อย่างสบายใจ เพราะภารกิจของนาย เหอะๆ เหมือนมันไม่มีอะไรเลย”
ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ
ใช่ ภารกิจที่ธิดาเทพแห่งไฟให้เขาทำ เหมือนไม่มีอะไรเลย
เรื่องตามหาคนเหมือนเรื่องเจอโชคดี เป็นสิบปีหาไม่เจอก็เป็นเรื่องปกติ ใครจะต่อว่านายไม่หาก็ไม่ได้ ดังนั้นเมื่อผู้ฝึกชั่วร้ายได้ยินว่าสามารถเอาคำสั่งเทวทูตออกไปตามหาคนได้ จึงพากันกระตือรือร้นขนาดนั้น นี่เป็นการออกไปเที่ยวอย่างเปิดเผยชัดๆ
รองลงมาคนที่ลู่ฝานต้องตามหาก็คือตัวเขาเอง เขาจะโง่จนเอาตัวเองไปมอบให้เหรอ นั่นคงเป็นเรื่องที่ตลกสุดๆ ไปเลย
ด้วยเหตุนี้เขามาประเทศฉิงเทียน เพราะต้องการมาเที่ยวเฉยๆ
เมื่อทั้งสองกินเสร็จก็ทิ้งเงินไว้แล้วออกไป
ประเทศฉิงเทียนไม่ค่อยให้ความสนใจกับเงินเท่าไรนัก เหรียญหัวสัตว์ของประเทศตัวเองก็รับ ยา สมุนไพรหรือหินแร่ก็ได้ แค่เป็นของมีค่า สามารถเอาออกมาจ่ายได้หมด
แต่โครงกระดูกพูดเตือนลู่ฝานว่าจ่ายแบบนี้เยอะเกินไป คนประเทศฉิงเทียนร่ำรวย ขายของถูกมาก ดังนั้นยาที่ลู่ฝานทิ้งไว้ อันที่จริงสามารถเอาไปแลกเป็นเหรียญหัวสัตว์ที่สำนักเงินปาฟางได้ตั้งเยอะ
เมื่อลู่ฝานได้ยิน เขาทำเพียงยิ้ม เขาคิดไม่ถึงว่าคนเป็นองค์ชายอย่างหนานกงสิงจะคิดเล็กคิดน้อยมากกว่าเขา
ประเทศใหญ่ขนาดนี้ หนานกงสิงเป็นถึงองค์ชาย น่าจะรวยกว่าเขาเยอะ
หนานกงสิงไม่น่าจะมีความคิดเกี่ยวกับเงินทอง อย่าบอกนะว่าเขาเป็นคนชอบคิดเล็กคิดน้อย
ทั้งสองคนออกเดินทางจากหมู่บ้าน ครั้งนี้ไม่หาสัตว์อสูรจำพวกเม่นมาเป็นตัวช่วยเดินทางอีกแล้ว ภายใต้การนำทางของโครงกระดูก ลู่ฝานตั้งใจมาซื้อนกเพลิงยักษ์ที่หอฝึกสัตว์
ปีกของนกเป็นเปลวไฟรวมตัวกัน บนหัวมีไฟสีน้ำเงินเข้ม
ส่วนลำตัวของนกคงไม่ต้องพูดถึง สร้างหมู่บ้านบนหลังมันได้สบายๆ
นกตัวนี้ลู่ฝานจ่ายด้วยยาหนึ่งขวด ทั้งสองคนนั่งบนหลังนกแล้วบินออกไป
หลังจากทั้งสองคนออกจากหมู่บ้าน ยักษ์สวมชุดเขียวแดง ใบหน้าดูลามกเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาเดินมาที่มุมมืดของหมู่บ้าน จากนั้นปรบมือตัวเอง ตราประทับที่ฝ่ามือสว่างขึ้น ม่านแสงปรากฏขึ้นข้างหน้าเขา
ม่านแสงสีดำ ไม่เห็นเงาคนข้างใน
ผู้ชายคำนับแล้วพูดว่า “เฉินซง ผู้ดูแลระดับหนึ่ง นายกองทหารม้ากระบวนทัพที่แปด มีเรื่องรายงาน”
เสียงเย็นชาดังออกมาจากม่านแสงสีดำ
“ว่ามา!”
เฉินซงรีบพูดว่า “มีโครงกระดูกปรากฏตัวที่หมู่บ้านจิ่วเจียเหอนอกเมืองฉิงเทียน สูงประมาณสิบเมตร กระดูกเหมือนหยก มีชี่ทรงพลังอยู่ในนั้น ระหว่างพูดคุย มีการพูดถึงหนานกง วัง เหมือนหนานกงสิง องค์ชายใหญ่ที่หายตัวไป เขาน่าจะใช้วิชาสละร่างที่บรรพบุรุษตระกูลหนานกงถ่ายทอดให้ จึงกลายสภาพเป็นแบบนี้ ยังมีผู้ชายอยู่กับโครงกระดูกด้วย เหมือนไม่ใช่คนในประเทศนี้!”
เสียงในม่านแสงสีดำแปรเปลี่ยนเป็นตกใจทันที
“นายแน่ใจแล้วเหรอ”
เฉินซงตอบว่า “มองดูจากไกลๆ แม้ไม่ได้เห็นพวกเขาอย่างละเอียด แต่น่าจะไม่ผิด”
“ดี จำความดีความชอบครั้งนี้ไว้ ค่อยกลับมารับรางวัล ห้ามพูดเรื่องนี้กับคนอื่นเด็ดขาด!”
เสียงในม่านแสงสีดำรีบพูด
เฉินซงสีหน้ายินดี เขาคำนับแล้วพูดว่า “ขอบพระทัยเตี้ยนเซี่ย!”
ม่านแสงสีดำหายไป ตราประทับร่วงลงในมือเฉินซงอีกครั้ง
เฉินซงรีบเดินออกไปทันที
ตอนนี้ในเมืองฉิงเทียน
ในร้านน้ำชางดงามแห่งหนึ่ง ผู้ชายสูงสิบกว่าเมตร ใบหน้าหล่อเหลา เล่นกระบี่ยาวในมือแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่กลับมาแล้ว ฉันจะด่าพี่ยังไงดีเนี่ย!”
ผู้อาวุโสเคราขาวสูงประมาณสองเมตรที่อยู่ด้านหลังยื่นหน้าเข้ามาพูดเบาๆ ว่า “เตี้ยนเซี่ยจะให้ฉันลงมือไหม”
ผู้ชายส่ายหน้าพูดว่า “ไม่ต้อง ส่งข่าวไปให้พวกผู้ดูแล เรื่องที่พวกเขายังทำไม่เสร็จ ให้พวกเขาทำต่อให้เสร็จเถอะ!”
ผู้อาวุโสยิ้มบางๆ ปรบมือเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉลาดยิ่งนัก นับวันวิธีของเตี้ยนเซี่ยยิ่งชาญฉลาดขึ้นเรื่อยๆ”
ผู้ชายฉีกยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างหนานกงฉวน ชื่อเสียงสมคำร่ำลืออยู่แล้ว!”