ตอนที่ 2,480 : หวนคืนสู่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า
คำพูดของต้วนหลิงเทียนทำให้ความคิดของชายชราชุดแดงวิ่งพล่านไม่หยุด
เพราะในหัวของมัน
ในเมื่อชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเป็นเพียงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ที่ไม่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนมา เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะมีพลังความแข็งแกร่งเทียบมันติด…
อย่างไรก็ตามที่ท่าสงบไม่นำพาของชายหนุ่มชุดม่วงกลับทำให้มันอดบังเกิดความหวั่นหวาดในใจไม่ได้…
ว่าที่แท้เป็นอีกฝ่ายเสแสร้งวางมาดลึกลับ หรือมีพลังฝีมือกล้าแข็งจนไม่กลัวมันจริงๆกันแน่?
จากที่หาญกล้าก็แปรเปลี่ยนเป็นลังเลในเสี้ยวพริบตา…
‘ช้าก่อน! หรือว่า…’
ชั่วเวลาพริบตาดุจฟ้าแลบ ชายชราชุดแดงคล้ายนึกอะไรได้ขึ้นมา สองตามันหดเล็กลงทันใดยังหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความหวาดกลัวทันที
“เจ้า…หรือว่าเจ้าคือต้วนหลิงเทียน ที่ฆ่าเซียนอมตะสเพล 7 ทัณฑ์อันมียอดสมบัติสวรรค์ในครอบครอง?”
เมื่อไม่นานมานี้ชายชราเองก็ได้รับทราบข่าวลือมาบ้าง
ในข่าวลือที่ว่า ครึ่งก้าวเซียนอมตะนามต้วนหลิงเทียน ได้เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย…
ตอนนั้นที่ได้ยินข่าวลือมันเองก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
‘เมื่อครู่…ไอ้แฝดตัวพูดมากนั่นมันเรียกไอ่หนุ่มนี่ว่า ‘สหายต้วนหลิงเทียนของข้า’ หรือจะเป็นคนๆเดียวกัน…’
ด้วยความที่ชายชราชุดแดงได้ยินหนานกงยี่เรียกหาต้วนหลิงเทียนแบบนั้น ทำให้มันเชื่อมโยงชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเข้ากับต้วนหลิงเทียนในข่าวลือทันที กระทั่งทำให้มันรู้สึกว่า…
ข่าวลืออาจเป็นจริง!
และเบื้องหน้าของมันก็คือต้วนหลิงเทียนในข่าวลือนั่น!!
แน่นอนว่าหากข่าวที่ลือกันเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนที่อยู่เบื้องหน้าก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นกลัวมันเลย…
เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนที่เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ทั้งๆที่มียอดสมบัติสวรรค์ในมือจนเรียกว่าพลังทัดเทียมกับมันมาได้อย่างง่ายดาย…
เช่นนั้นไยต้องหวาดกลัวมันด้วย!? เพราะตัวมันก็ไม่มียอดสมบัติสวรรค์อะไร ทำให้ถึงแม้มันจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แต่มันก็แข็งแกร่พอๆกับยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์เท่านั้น!!
“ต้วนหลิงเทียน…ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์?”
ทันทีที่ชายชราชุดแดงพูดจบคำ คู่แฝดหนานกงถึงกับอึ้งไปทันที
เพราะพวกมันไม่เคยได้ยินข่าวลือเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์มาก่อนเลย
แดนลับต่างสวรรค์นั้นกว้างใหญ่ไพศาลนัก ผู้คนก็กระจัดกระจายอยู่กันไปทั่ว
ดังนั้นถึงแม้ข่าวลือเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้จะแพร่ออกไปเป็นวงกว้าง และมีคนที่รู้อยู่ไม่น้อย แต่คนบางส่วนที่อยู่ในบางพื้นที่ก็ยังไม่ได้รู้ข่าวนี้หากไม่มีผู้ใดใช้ป้ายหยกสื่อสารแจ้งเตือน…
ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั้งคู่อดตกตะลึงไปไม่ได้เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าวของชายชราชุดแดง!
“ใช่แล้วอย่างไร? ไม่ใช่แล้วอย่างไร?”
ได้ยินคำถามของชายชราชุดแดง ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวตอบออกไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
สังหารเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์?
เมื่อไม่นานมานี้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ในมือก็ตกตายด้วยน้ำมือเขามาแล้ว!
ซูว ซูว ซูว
…
ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน สีหน้าของชายชราชุดแดงแปรเปลี่ยนสลับกลับกลายไปมาหลายรอบ สุดท้ายใบหน้ามันก็อัปลักษณ์ปั้นยากนัก!
จะอย่างไรมันก็คือเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่มีครึ่งก้าวเซียนอมตะหาญกล้าเหิมเกริมต่อหน้าเช่นนี้?
อย่างไรก็ตามมันไม่อาจลงมือ!
“หึ!!”
สุดท้ายชายชราชุดแดงก็ไม่ลงมือใดๆ เพียงพ่นลมสบถด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ สุดท้ายก็หันหลังจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ…
“นับว่าเป็นคนฉลาด”
เห็นชายชราชุดแดงเลือกจะเหินร่างจากไปดื้อๆแบบนี้ คิ้วข้างหนึ่งของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้นเล็กน้อย
เพราะสุดท้ายแล้วเขากะว่า…
หากชายชราชุดแดงกล้าลงมือใดๆ เขาก็ไม่คิดเมตตามัน!
ตอนนี้พลังของเขาทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์แล้ว ไหนเลยจะยังเห็นเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์อยู่ในสายตา!
เห็นชายชราชุดแดงจากไปดื้อๆแบบนั้น คู่แฝดหนานกงอดไม่ได้ที่จะตะลึงไปอีกรอบ
ต้วนหลิงเทียน ไม่ทันลงมืออะไรก็ข่มขู่เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ให้กลัวจนต้องเปิดตูดหนี?
นี่มัน…
ใช่กำลังฝันไปอยู่รึเปล่า?
“เฉิน…ใช่พวกเรากำลังฝันไปอยู่หรือไม่?”
หนานกงยี่อดหันไปมองถามหนานกงเฉินข้างๆไม่ได้
หนานกงเฉินก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่รู้
เรียกว่าตอนนี้สองตาคู่แฝดได้แต่เหม่อมองเรื่องราวอย่างเลอะเลือน…
“ฮั้ย! เห็นพวกเจ้าพี่น้องทำหน้างงเป็นเด็กน้อยไม่รู้ความข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ นี่พวกเจ้าทั้งคู่อยู่รอดมาได้ยังไงกันฮึ? กระทั่งไม่เพียงเอาตัวรอดมาได้กว่า 3 ปี แถมพวกเจ้ายังได้รับยอดสมบัติสวรรค์กันมา 2 ชุดอีก…”
จนเมื่อเสียงหานเฉวี่ยไน่ดังขึ้น คู่แฝดหนานกงค่อยฟื้นคืนสติ
อย่างไรก็ตามทั้งคู่ไม่ได้สนใจหานเฉวี่ยไน่ เพียงหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาว่างเปล่า
สุดท้ายเป็นหนานกงยี่ที่อดไม่ไหวกล่าวถามออกมา “เจ้าต้วน…ที่ตาแก่เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์เมื่อครู่บอกว่า เจ้าฆ่าได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์นี่…มันเรื่องจริงหรือ?”
“เรื่องจริง”
ได้ยินคำถามของหนานกงยี่ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มพลางพยักหน้ารับ
สำหรับเขาแล้วหนานกงยี่ไม่ใช่แค่สหายเก่าเท่านั้น แต่ยังเป็นคน 7 ทวาราเที่ยงแท้ของเขาอีกด้วย
เรียกว่าสำหรับหนานกงยี่แล้ว ไม่ได้มีแค่คำมิตรภาพเท่านั้น แต่ยังมีความผูกพันแน่นแฟ้นอีกด้วย เขาย่อมไม่ละเลยอีกฝ่ายเพียงเพราะพลังฝีมือแตกต่างกันมากแน่นอน
“เรื่องจริงเหรอเนี่ย…ให้ตายเถอะเจ้าต้วน!”
หลังได้รับฟังคำยืนยันจากปากต้วนหลิงเทียน หนานกงยี่ก็ทราบได้ทันทีว่าเป็นเรื่องจริงไม่ผิดแน่แล้ว! คนคล้ายกลับกลายเป็นหินไปทันที ด้านหนานกงเฉินที่ไม่พูดไม่จาอะไรก็นิ่งค้างไปเหมือนกัน
ในขณะที่คู่แฝดทั้งคู่อึ้งไปจนคล้ายกลายเป็นหินสักพัก พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกันออกมาเฮือกใหญ่ เพราะพวกมันพลันนึกถึงฉากเรื่องราววันที่พบกันกับต้วนหลิงเทียนครั้งแรกขึ้นมา…
ตลอดหลายปีที่ผ่าน พวกมันก็พยายามจนพลังฝีมือก้าวหน้าขึ้นกว่าเดิมมากมายแล้ว จนคิดว่าในที่สุดก็สามารถเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียนได้เสียที…
แต่มาตอนนี้กลับถูกต้วนหลิงเทียนทิ้งห่างไปอีกครั้ง
แต่ต้นจนจบคู่แฝดหนานกงย่อมไม่คิดแคลงใจสงสัยวาจาของต้วนหลิงเทียนเลยว่าจริงเท็จแค่ไหน
เพราะพวกมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดหลอกพวกมันแน่นอน กระทั่งยังไม่มีความจำเป็นต้องหลอกลวงพวกมันด้วย
“โอ๊ย! แค่นี้พวกเจ้าก็ตกใจกันตาตั้งแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าคู่แฝดหนานกงถึงกับตะลึงอึ้งค้าง จนคนคล้ายจะกลายเป็นหินเพียงเพราะได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ได้…
หานเฉวี่ยไน่ที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมา พลางกล่าวออกฉะฉาน “อย่าว่าแต่เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์เลย…”
“เมื่อไม่นานมานี้ กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ พี่ใหญ่หลิงเทียนข้ายังเชือดทิ้งมาแล้ว!!”
ตอนหานเฉวี่ยไน่พูดสีหน้านางเผยความตื่นเต้นคึกคักไม่น้อย
ทำราวกับคนที่สังหารเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ไป ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนแต่เป็นตัวนางเอง!
“ยิ่งไปกว่านั้นนะ เจ้าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์นั่น เห็นว่ามันยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1 ของระนาบโหมหลัวอีกด้วย!”
“แต่ให้มันเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์อันดับ 1ของระนาบโหมหลัวแล้วไงเล่า! สุดท้ายก็ไม่ใช่เอาชีวิตมาทิ้งเพราะกล้าหือกับพี่ใหญ่หลิงเทียนรึไง?”
หานเฉวี่ยไน่กล่าว
“อะไร!?”
และพอได้ยินวาจาประโยคนี้ของหานเฉวี่ยไน่ คู่แฝดหนานกงที่พึ่งจะพึ่งจะดึงสติได้ไม่ทันไรก็มีอันต้องอึ้งไปอีกครั้ง!
จังหวะนี้พวกมันรู้สึกล่องลอย เสมือนฝันไปแล้วจริงๆ
“ต้วนหลิงเทียน…เจ้า…จริงเรอะ!?”
หนานกงยี่หันไปมองต้วนหลิงเทียนตาโต ทำราวกับมีเพียงได้ยินคำยืนยันจากปากต้วนหลิงเทียนก่อนเท่านั้น มันถึงจะเชื่อเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้ได้ลงคอ
“อะไรกัน! ดูพวกเจ้าทำเข้า คำพูดของข้ามันไม่น่าเชื่อถือนักรึไง?!”
เห็นดังกล่าวหานเฉวี่ยไน่ก็ทำท่าไม่พอใจออกมา
“ก็จริงนั่นล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
ทันใดนั้นใจของคู่แฝดหนานกงก็เสมือนมีมรสุมเข้า
“บะ…บ้าไปแล้ว เป็นไปได้ยังไงกัน!?”
“แต่เมื่อครู่เจ้าไม่ได้พูดเองเหรอ…ว่าเจ้าไม่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนมา แล้วไฉนเจ้า…เจ้าถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้เล่า!?”
ถึงแม้หนานกงยี่จะไม่สงสัยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้
“เรื่องนี้จะให้ข้าเล่ามันก็ยาว…ไว้มีโอกาสค่อยว่ากันทีหลังเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าพลางยิ้มกล่าว “ตอนนี้พวกเรากำลังรีบกลับไประนาบเซียน…พวกเจ้าพี่น้องถ้าไม่อยากอยู่แดนลับต่างสวรรค์ต่อ ไม่สู้กลับไปพร้อมพวกเราเถอะ”
หลังกล่าวจบคำก็ไม่รอให้คู่แฝดหนานกงตอบสนองอะไร ต้วนหลิงเทียนเพียงหันไปทักเค่อเอ๋อข้างกาย “เค่อเอ๋อพวกเรากลับกัน”
“อื้อ”
เค่อเอ๋อพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
“เทียนหวู่”
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็หันไปพยักหน้าให้เฟิ่งเทียนหวู่
จากนั้นทั้ง 3 ก็เหินร่างไปพร้อมๆกัน ก่อนที่จะวูบหายเข้าไปในหลุมดำกลางอากาศเบื้องหน้า หายไปจากสายตาของทุกคนทันที
ราวกับถูกหลุมดำกลืนกินไปจนหมด
“ข้าแนะนำให้พวกเจ้ากลับไปกับพวกเราเลยจะดีกว่า…ด้วยพลังความแข็งแกร่งของพวกเจ้า แค่เอาตัวรอดในแดนลับต่างสวรรค์มาได้ถึงตอนนี้ก็น่าชื่นชมแล้ว มาตอนนี้พวกเจ้าได้รับยอดสมบัติสวรรค์มาครอง หากไม่อยากให้ยอดสมบัติสวรรค์ที่พวกเจ้าฉกฉวยมาได้อย่างลำบากต้องกลายเป็นการตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น พวกเจ้าก็ควรออกจากแดนลับต่างสวรรค์เหมือนพวกเรา”
ห่านเฉวี่ยไน่ มู่อีอี เฉินอี้หรูและคนอื่นๆ ที่เหินร่างตามพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 ไปอย่างไม่รอช้า ก็ไม่ลืมหันกลับไปกล่าวเตือนคู่แฝดหนานกงก่อนที่จะวูบหายไปในหลุมดำ
ทันใดนั้นเบื้องหน้าหลุมดำที่เป็นประตูเข้าออกอันเชื่อมต่อระหว่างแดนลับต่างสวรรค์กับระนาบเซียน ก็คงเหลือคู่แฝดหนานกงลอยล่องอยู่กัน 2 คนเท่านั้น…
“พวกเราก็กลับกันเถอะ”
ทั้งสองได้แต่หันมามองหน้ากันครู่หนึ่ง ก่อนเป็นหนานกงยี่ที่กล่าวขึ้น จากนั้นร่างทั้ง 2 ก็เหินเข้าสู่หลุมดำ หายไปจากแดนลับต่างสวรรค์โดยสมบูรณ์
ระนาบเซียน…
ณ หุบเขาน้ำแข็งที่ถูกม่านหมอกปกคลุมไว้มิดชิด ทางตอนเหนือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องบน
วูบ! วูบ! วูบ!
…
แว่วเสียงสายลมแผ่วเบาดังขึ้นในอากาศ ภายในหุบเขาน้ำแข็ง
หลังจากนั้น ภายในหุบเขาน้ำแข็งพลันปรากฏร่างผู้คนกลุ่มหนึ่งขึ้นกลางอากาศติดๆ มองไปประหนึ่งทัพสวรรค์ลงมายังแดนมนุษย์
“กลับมาแล้ว!”
หลังจากไปไม่กี่ปี เมื่อได้กลับมาอีกครั้งต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆสูดรับกลิ่นอายของระนาบเซียนแห่งนี้ฟอดหนึ่ง
ถึงแม้ว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเซียนจะเบาบางกว่าแดนลับต่างสวรรค์
อย่างไรก็ตามพอกลับมาถึงที่นี่เขาก็บังเกิดความรู้สึกชวนให้รำลึกถึง ‘มาตุภูมิ’ อันแรงกล้า ที่ภายในแดนลับต่างสวรรค์ไม่อาจมีให้เขาได้
“ซือหลิง!”
เค่อเอ๋อที่อยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียน ทันทีที่ร่างบางมาปรากกฏตัวภายในหุบเขาน้ำแข็ง สำนึกเทวะของนางก็แผ่ออกไปก่อนใดอื่น สุดท้ายจึงพบว่าบุตรสาวอย่างต้วนซือหลิงกำลังบ่มเพาะพลังอยู่ หากแต่ไม่ใช่การปิดด่านบ่มเพาะอะไร ก็ไม่คิดรั้งรอเพียงตะโกนเรียกหาออกมาเสียงดังทันที
แน่นอนว่าที่ตะโกนเรียกแบบนี้เพราะนางรู้ว่าบุตรีไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะ
หาไมแล้วนางไม่มีทางเรียกหาลูกสาวตัวเองอย่างวู่วาม..
เพราะต่อให้นางคิดถึงลูกสาวคนเดียวมากแค่ไหน ก็ไม่คิดทำให้เกิดปัญหาใดๆในการบ่มเพาะของลูกสาวเด็ดขาด…