ตอนที่ 2481

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,481 : การล่มสลายของเครือข่ายธุลีแดง

 

“ท่านแม่!!”

 

ต้วนซือหลิงที่นั่งบ่มเพาะพลังอยู่โดยไม่ถึงขั้นปิดด่านจนจมจ่อมสู่ภวังค์ตัดสิ่งรอบข้าง ย่อมสัมผัสถึงสภาพแวดล้อมรอบกายได้ชัดเจน…

 

เมื่อมีเสียงเรียกหาดังขึ้น นางจึงตื่นขึ้นมาจากการบ่มเพาะและสามารถยืนยันได้ทันทีว่า…

 

เจ้าของเสียงเรียกหา ก็คือมารดาที่จากไปหลายปี!

 

ปึง!

 

หลังได้ยินสียงเรียก ต้วนซือหลิงก็ไม่รอช้าลุกขึ้นไปจากเตียงใช้มือผลักเปิดประตูอย่างแรง ก่อนที่จะเหินร่างพุ่งออกไปในหุบเขาน้ำแข็ง

 

“ท่านพ่อ! ท่านแม่!”

 

หลังมาถึงได้ไม่ทันไร ต้วนซือหลิงก็ได้เห็นใบหน้าบิดามารดาที่คิดถึงทุกคืนวัน เพียงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็เหินร่างเข้าหาทั้งสองคนด้วยความตื่นเต้นยินดีทั้งน้ำตา

 

ความคิดถึงที่กักเก็บไว้ตลอดหลายปีที่ผ่าน ปะทุออกมาหมดสิ้น

 

“ซือหลิง!”

 

ซือหลิงเหินร่างมาได้แค่ครึ่งทาง เค่อเอ๋อก็พุ่งสวนไปหาลูกสาวก่อนที่จะสวมกอดนางไว้กลางอากาศแนบแน่นไม่อยากปล่อย

 

“ซือหลิง…”

 

มองไปยังดรุณีน้อยร่างบางที่กำลังสวมกอดกับเค่อเอ๋อ ความสงบบนใบหน้าแววตาต้วนหลิงเทียนก็มลายหาย ถูกความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ มุมปากยังเผยรอยยิ้มอบอุ่นขึ้นมาทันที

 

ผ่านไปไม่กี่ปี ลูกสาวของเขาก็เติบโตขึ้นมาขนาดนี้แล้ว…

 

ตอนนี้ต้วนซือหลิงก็มีอายุได้ 16 ปีแล้ว บนแก้มงามกระจ่างที่ได้เค่อเอ๋อกับเขามาของนาง…คงเหลือความไร้เดียงสาของเด็กน้อยอยู่นิดเดียวเท่านั้น

 

หากความไร้เดียงสาของเด็กน้อยนี้หายไปหมด ก็เท่ากับว่านางโตเป็นสาวแล้วจริงๆ…

 

เฟิ่งเทียนหวู่ที่ยืนอยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน เมื่อมองไปยังต้วนซือหลิงที่กำลังกอดกับเค่อเอ๋ออยู่ สองตาก็เผยความอิจฉาให้เห็นจางๆ…

 

หากเป็นไปได้

 

นางก็อยากมีลูกของตัวเองกับพี่ใหญ่ต้วนบ้าง…

 

หานเฉวี่ยไน่ เฉินอี้หรูและคนอื่นๆที่พึ่งออกมาจากประตูมิติด้านหลังต้วนหลิงเทียน ก็เฝ้าดูแม่ลูกกอดกันอย่างเงียบงัน ไม่มีใครส่งเสียงอะไรด้วยกลัวจะเป็นการรบกวน

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่หากแต่ผู้เฒ่าพยากรณ์ และผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟชิงหั่ว  ก็ได้ปรากฏตัวนอกบ้านไม้ 2 หลัง เมื่อทั้งคู่เห็นพวกต้วนหลิงเทียนกลับมาปลอดภัยไร้เรื่องราวครบคน ต่างก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความโล่งอกทั้งมีความสุขจากใจ

 

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกมันสังเกตเห็นบรรยากาศอันสงบเงียบ ทั้งพบว่าแม่ลูกกำลังกอดกันด้วยความคิดถึง ถึงแม้พวกมันรีบร้อนอยากสอบถามเรื่องราวเพียงใด แต่ก็เงียบไว้ไม่พูดจา

 

ห้วงเวลาคล้ายหยุดเดินลงชั่วขณะ

 

หลังผ่านไปราวๆ 10 ลมหายใจ เค่อเอ๋อกับซือหลิงแม่ลูกคล้ายสัมผัสได้ถึงความเงียบรอบกาย จากนั้นทั้งคู่ค่อยสัมผัสได้ถึงสายตาหลายคู่ที่มองมาด้วยความอบอุ่น…

 

แก้มแม่ลูกพลันขึ้นสีระเรื่อทันที จากนั้นเค่อเอ๋อก็ผละออกจากซือหลิงก่อนที่จะจูงมือพากันเหินกลับไปอยู่ข้างกายต้วนหลิงเทียน

 

“ท่านพ่อ”

 

ต้วนซือหลิงมองไปยังบิดาอย่างต้วนหลิงเทียนที่ใบหน้าไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อยด้วยรอยยิ้ม ความสุขเอ่อล้นขึ้นมาเต็มพวกแก้มอ่อนวัยที่หลงเหลือความไร้เดียงสาของเด็กน้อยอยู่นิดหน่อย

 

สำหรับบิดาเบื้องหน้าแล้ว ตัวนางทั้งชื่นชมและเคารพ

 

“ไม่เห็นลูกไม่กี่ปีเจ้ากลับโตขนาดนี้แล้ว…ดูสิ สูงเกือบเท่าแม่เจ้าแล้ว…”

 

ต้วนหลิงเทียนเอื้อมมือไปลูบศีรษะต้วนซือหลิงอย่างอ่อนโยน สองตาเต็มไปด้วยประกายเอ็นดู

 

ต้วนซือหลิงตอนนี้รูปร่างผอมเพรียว ตัวนางสูงขึ้นจนห่างกับเค่อเอ๋อแค่ครึ่งศีรษะเท่านั้น เรียกว่าอีกราวๆ 1-2 ปีไม่พ้นนางต้องสูงทันเค่อเอ๋อแน่

 

“ซือหลิง…”

 

เฟิ่งเทียนหวู่ที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็มองไปยังซือหลิงด้วยใบหน้าเปี่ยมยิ้ม ถามออกด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เจ้า…ยังจำข้าได้หรือไม่?”

 

“ท่านอาเทียนหวู่!”

 

ต้วนซือหลิงก้าวเขยิบไปสองก้าวจนหยุดเบื้องหน้าเฟิ่งเทียนหวู่ ค่อยพุ่งมือไปกอบกุมมือของเฟิ่งเทียนหวู่อย่างเป็นธรรมชาติ กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “ท่านอาล้อข้าเล่นหรือไร ไหนเลยซือหลิงจะจำท่านอาไม่ได้? ท่านยังคงสวยไม่สร่างเหมือนเคย ให้เทียบกับเมื่อหลายปีก่อนท่านก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย…”

 

ก่อนที่เฟิ่งเทียนหวู่จะเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ แม้นางจะไม่ได้ใช้เวลากับต้วนซือหลิงมากนัก แต่นางก็รักและเอ็นดูบุตรีของชายคนรักอย่างพี่ใหญ่ต้วนไม่ต่างลูกสาวแท้ๆ

 

ทำให้ต้วนซือหลิงเองก็ชมชอบนางเหมือนกัน

 

“ซือหลิงยิ่งโตยิ่งปากหวานแล้ว”

 

ได้ยินวาจากล่าวชมของต้วนซือหลิงเฟิ่งเทียนหวู่ก็หัวเราะออกมาเล็กน้อย แววตายังเต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่น

 

“ซือหลิงๆ แล้วข้าเล่า เจ้าคงยังไม่ลืมข้าหรอกนะ?”

 

ตอนนี้เองหานเฉวี่ยไน่ก็เข้ามาทักซือหลิงด้วย

 

หลังจากกล่าวทักทายหานเฉวี่ยไน่ จากนั้นต้วนซือหลิงก็เดินไปหาก่านหรูเยี่ยนก่อนที่จะกอบกุมมือก่านหรูเยี่ยนเอาไว้ด้วยความคิดถึงเช่นกัน…

 

ส่วนอีกด้าน ต้วนหลิงเทียนได้เดินไปหยุดเบื้องหน้าผู้เฒ่าพยากรณ์กับชิงหั่วตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ

 

“เข้าไปท่องในแดนลับเซียนกระบี่ครานี้ เจ้าได้ผลลัพธ์เลิศล้ำอันใดมาหรือ?”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์มองถามต้วนหลิงเทียนอย่างคาดหวัง

 

“อาจารย์ลุงพยากรณ์…อันที่จริงมันไม่มีแดนลับเซียนกระบี่ที่ว่าเลย”

 

ต้วนหลิงเทียนคล้ายจะรู้ว่าผู้เฒ่าพยากรณ์ต้องถามเรื่องนี้แต่แรก ทำให้พออีกฝ่ายเอ่ยถามออกมาเขาก็ตอบกลับไปทันที

 

“ไม่มีแดนลับเซียนกระบี่รึ…เจ้าหมายความว่าอะไร?”

 

ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียนผู้เฒ่าพยากรณ์ก็อดงุนงงไปไม่ได้

 

“สิ่งที่เรียกว่าแดนลับเซียนกระบี่ที่พวกเราเข้าไป…ที่จริงมันไม่ใช่แดนลับเซียนกระบี่ แต่เรียกว่าแดนลับต่างสวรรค์…”

 

ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมมาแต่แรก ก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่พบเจอภายในแดนลับต่างสวรรค์ออกไปให้ผู้เฒ่าพยากรณ์ฟัง

 

ทำให้ผู้เฒ่าพยากรณ์ได้รู้ว่า

 

เบื้องหลังหลุมดำกลางอากาศไม่ใช่แดนลับเซียนกระบี่ แต่มันคือแดนลับต่างสวรรค์!

 

แน่นอนว่าในระหว่างที่เล่าเรื่องราว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมบอกผู้เฒ่าพยากรณ์เรื่องที่ผู้อาวุโสฟงชิงหยางได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนในการเปิดออกของแดนลับต่างสวรรค์ครั้งก่อนในปีนั้น

 

“แดนลับต่างสวรรค์…”

 

“เชื่อมต่อกับระนาบโลกียะทั้ง 5 อีกทั้งนอกเหนือจากระนาบเซียนของพวกเราแล้ว อีก 4 ระนาบที่เหลือ ล้วนเป็นมหาระนาบโลกียะทั้งสิ้น…”

 

“ภายในมหาระนาบโลกียะมียอดฝีมือดั่งหมู่เมฆ…เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่แทบไม่ปรากฏในระนาบเซียนของพวกเรา แต่ในมหาระนาบโลกียะเหล่านั้นกลับมีไม่เคยขาด? กระทั่งบางขุมพลังยังมีมากกว่าคนสองคน?”

 

“ผู้อาวุโสฟงชิงหยาง…เพราะได้รับมรดกต้าหลัวจินเซียนในการเปิดออกของแดนลับต่างสวรรค์ครั้งก่อน ถึงมีความสามารถสังหารเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้…ทั้งๆที่มีพลังฝึกปรือครึ่งก้าวเซียนอมตะ!?”

 

 

ได้ฟังเรื่องราวจากปากต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงผู้เฒ่าพยากรณ์เท่านั้นที่ตกใจ กระทั่งชิงหั่วที่ยืนข้างๆยังตกตะลึงไปไม่น้อย

 

หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเล่าเรื่องราวการเดินทางในแดนลับต่างสวรรค์ที่เขาพบเจอให้ผู้ชราทั้ง 2 ฟัง

 

“ยอดฝีมือในแดนลับต่างสวรรค์…มีมากมายขนาดนี้เชียวหรือ!?”

 

“กระทั่งแทบทุกขุมพลังชั้นยอด ยังส่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เข้ามา?”

 

 

ยิ่งได้ฟังมากเท่าไหร่ ผู้เฒ่าพยากรณ์กับชิงหั่วก็ยิ่งตกตะลึงมากขึ้นเท่านั้น และตอนนี้พวกมันทั้งคู่ก็ตระหนักได้ว่าพวกมันไม่ต่างอะไรจากกบน้อยก้นบ่อแม้แต่น้อย!

 

“อาจารย์ลุงพยากรณ์…เห็นว่าตอนนี้เผ่าปีศาจบุกมาถึงภูมิภาคเบื้องบนแล้วงั้นเหรอ เช่นนั้นสถานการณ์ภูมิภาคเบื้องบนเป็นยังไงบ้างเล่า?”

 

เมื่อได้รับทราบว่าเผ่าปีศาจได้บุกขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนตั้งแต่ 2-3 ปีก่อน ต้วนหลิงเทียนที่เร่งรุดกลับมาถึงระนาบเซียน จึงอยากฟังสถานการณ์โดยรวมในภูมิภาคเบื้องบนไม่น้อย

 

เพราะสุดท้ายแล้ว

 

มีเพียงรู้เขารู้เราเท่านั้น รบร้อยครั้งถึงจะชนะร้อยครั้ง!

 

“มิผิด…หากแต่เมื่อราวๆหนึ่งปีก่อนข้าได้สูญเสียข่าวจากโลกภายนอกไป การเชื่อมต่อระหว่างข้ากับเครือข่ายธุลีแดงอยู่ๆก็ถูกตัดขาดไปอย่างประหลาด”

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนผู้เฒ่าพยากรณ์ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มขื่นขมว่า “ตอนนี้ข้าสงสัยว่าเครือข่ายธุลีแดง หากไม่ถูกผู้อื่นควบคุมไว้ก็สมควรถูกถอนรากถอนโคนหมดสิ้น…หาไม่แล้วเป็นไปมิได้เลยที่จักไร้ผู้ใดส่งข่าวกลับมาแบบนี้”

 

ตั้งแต่อาจารย์ของหานเฉวี่ยไน่ตกตาย ผู้กุมเครือข่ายธุลีแดงเอาไว้ก็คือผู้เฒ่าพยากรณ์

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์คิดจะส่งมอบเครือข่ายธุลีแดงให้ผู้สืบทอดอย่างหานเฉวี่ยไน่หลังจากที่นางกลับออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์…

 

แต่ไม่คิดไม่ฝันเลย

 

ว่าปีที่แล้ว อยู่ๆเครือข่ายธุลีแดงก็ถูกตัดขาดไปอย่างสิ้นเชิง!

 

“ไม่ทราบสถานการณ์ภายนอกเลยงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วหน้าเคร่ง “อาจารย์ลุงพยากรณ์แล้วท่านได้ออกไปตรวจสอบเรื่องราวด้านนอกหรือไม่?”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์ได้แต่ส่ายหัวไปมา “ข้าเองก็อยากออกไปตรวจสอบเรื่องราวนัก…ทว่าตั้งแต่ที่ข้าพบว่าเผ่าปีศาจที่บุกขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนล้วนมีแต่ตัวตนที่พลังฝึกปรือเหนือข้าแทบทั้งสิ้น เช่นนั้นก็อย่าว่าแต่ข้ากระทั่งเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่อยู่ในภาคเหนือยังไม่กล้าเคลื่อนไหว…”

 

ประโยคนี้ของผู้เฒ่าพยากรณ์เผยให้เห็นความทดท้อประการหนึ่ง

 

เดิมทีมันก็แค่ผู้ชราที่ไม่แม้แต่จะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนด้วยซ้ำ ด้วยพลังฝึกปรือของมันเรียกว่าไม่นับเป็นอะไรต่อหน้าเผ่าปีศาจที่บุกขึ้นมาเลย อย่าว่าแต่จะยากเคลื่อนไหวกระดิกตัว กระทั่งหากเปิดเผยร่องรอยเพียงนิดก็ไม่พ้นถูกฆ่า!

 

“หลังเครือข่ายธุลีแดงล่มสลายลงเมื่อปีที่แล้ว ข้ายังกังวลมาตลอด…ว่าอย่างดีก็คงไม่เกินอีกปีสถานที่แห่งนี้ไม่พ้นต้องถูกเปิดเผย จนสุดท้ายพวกปีศาจคงได้บุกมาเข่นฆ่ามาถึงที่นี่แน่…”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวสืบต่อ “ตอนนี้พอเห็นพวกเจ้ากลับออกมาอย่างปลอดภัย ข้าจึงค่อยโล่งใจ…”

 

“ยิ่งไปกว่านั้นพอได้รับทราบว่าเบื้องหลังหลุมดำนั่น เป็นแดนลับต่างสวรรค์ เช่นนั้นก็ไม่สำคัญสืบไปว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกเปิดเผยหรือไม่…ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ผู้นำกล่าวว่ามรดกต้าหลัวจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์ครานี้มีผู้ได้รับสืบทอดไปแล้ว พวกเราก็มิต้องกลัวว่าจักมีอัจฉริยะจากเผ่าปีศาจได้มันไปครอง…”

 

ผู้เฒ่าชรากล่าว

 

“ไม่เกินปี สถานที่แห่งนี้จะถูกเปิดเผย?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “ไฉนท่านคิดแบบนั้นล่ะ?”

 

คล้ายล่วงรู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนต้องถามเรื่องนี้แน่ ผู้เฒ่าพยากรณ์จึงกล่าวตอบออกมาได้ทันที “นั่นเพราะเครือข่ายธุลีแดงของ 7 ทวาราเที่ยงแท้ของพวกเราแม้จะซับซ้อนและซ่อนตัวอยู่ในหมู่ผู้คนทั่วไป แต่สุดท้ายจะอย่างไรยังต้องมีช่องทางติดต่อประสานงาน…”

 

“และด้วยความที่ตัวข้าอยู่ที่นี่ ในฐานะที่ทุกข่าวสารจะถูกส่งมารวมกันที่ข้า เช่นนั้นหมายความว่าข้าจำต้องเปิดเผยช่องทางติดต่อให้กับคนในเครือข่ายธุลีแดงกลุ่มหนึ่งอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง”

 

“จึงกล่าวได้ว่าหากเครือข่ายธุลีแดงถูกผู้ใดยึดไปควบคุมจริงๆ และคนผู้นั้นคิดสืบสาว…ต่อให้จะปกปิดมิดชิดเพียงใด แต่แม่น้ำทุกสายล้วนไหลลงสู่ทะเล อย่างดีก็ไม่เกินหนึ่งปี…ข้าและสถานที่แห่งนี้ไม่พ้นต้องถูกเปิดโปงแน่นอน”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวตอบต้วนหลิงเทียนออกไปเสียงเครียด

 

“แบบนี้นี่เอง”

 

ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ไม่ยาก

 

‘ลองแบบนี้…หากข้าคิดรับทราบสถานการณ์ของภูมิภาคเบื้องบน ก็มีแต่ต้องออกไปตามข่าวด้วยตัวเอง’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ