ตอนที่ 2482

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 2,482 : กลับฐานที่มั่น

 

ตอนนี้ในเมื่อพวกต้วนหลิงเทียนกลับมากันแล้ว ผู้เฒ่าพยากรณ์และคนอื่นๆก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่ๆแม้กระทั่งนกยังไม่อยากแวะเวียนมาขับถ่ายแห่งนี้สืบไป

 

“ไป! กลับไปฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เรา!”

 

ภายใต้การนำพาของต้วนหลิงเทียน ทุกคนก็เริ่มเหินร่างเดินทางย้อนกลับไปยังที่ตั้งฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้อันตั้งอยู่บนขุนเขาไร้นามลูกหนึ่ง

 

ช่วงแรกการเดินทางก็สงบราบรื่นดี

 

แต่หลังจากเดินทางไปได้ไม่นานก็พบชาย 2 คนที่มีหัวเป็นสุนัขเร่งรุดเข้ามาขวางทาง และพอพวกมันมาถึงก็เอาแต่มองจ้องเค่อเอ๋อ เฟิ่งเทียนหวู่ หานเฉวี่ยไน่และสตรีคนอื่นๆด้วยสายตาละโมบทั้งมากล้นไปด้วยตัณหา

 

“ปีศาจสุนัข?”

 

เพียงมองจากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าพวกมันสมควรเป็นปีศาจสุนัขของเผ่าพันธุ์ปีศาจแน่นอน

 

อย่างไรเขาก็เคยอาศัยอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างมาพักหนึ่ง จึงรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ปีศาจไม่น้อย

 

ในบรรดาเผ่าปีศาจก็มีสายพันธุ์ปีศาจสุนัขอยู่ด้วย

 

ถึงแม้เผ่าปีศาจสุนัขจะไม่ร้ายกาจถึงขั้นเป็นเผ่าพันธุ์ทรงพลังระดับต้นๆของเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งมวล แต่ก็นับเป็นเผ่าที่ทรงพลังรองลงมา

 

“เหมือนเดิม! บุรุษฆ่าให้หมดเหลือสตรีไว้!!”

 

ปีศาจสุนัขทั้งสองหันมามองสบตากล่าวออกเสียงเหี้ยมพร้อมเพรียง

 

พูดจบก็ไม่รอช้า ร่างพวกมันคล้ายเปลี่ยนเป็นสายลมหอบหนึ่งพุ่งไปทางต้วนหลิงเทียนกับพวกทันที และเห็นชัดว่ามันคิดลงมือเข่นฆ่าผู้ชายโดยเฉพาะ!

 

“เหอะ!”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่ร่างหัวสุนัขพุ่งทะยานเข้ามา พลันมีเสียงพ่นลมสบถเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้น

 

เจ้าของเสียงสบถเยียบเย็นไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเฉินอี้หรูเอง ร่างมันพุ่งไปดั่งลูกเกาทัณฑ์พ้นคันศร พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าปีศาจหัวสุนัขทั้ง 2!

 

ซูว ซูว

 

ความแข็งแกร่งของปีศาจสุนัขทั้งสองไม่แม้แต่จะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนด้วยซ้ำ พอมาเห็นชายชราคนหนึ่งอยู่ๆก็มาปรากฏตัวในอากาศแบบนี้ หน้าจึงเปลี่ยนสีไปทันที!

 

ถึงสารรูปพวกมันจะแลดูไม่ต่างอะไรจากสัตว์ประหลาด แต่อย่างน้อยๆสติปัญญาของพวกมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามนุษย์

 

พอเห็นว่าชายชราเบื้องหน้ากลับวูบร่างมาปรากฏตรงหน้าพวกมันได้อย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ พวกมันไหนเลยจะไม่รู้ความหมาย…

 

ชายชราเบื้องหน้าแข็งแกร่ง! ยังทรงพลังกว่าพวกมันมากนัก!!

 

“เดียรัจฉานอุบาทว์สองตัวกล้ามาเห่าหอนต่อหน้านายข้า…หาที่ตาย!!”

 

ในขณะที่สีหน้าท่าทีของปีศาจสุนัขทั้ง 2 กำลังแปรเปลี่ยน เฉินอี้หรูพลันกล่าวออกเสียงเรียบ

 

และไม่ทันกล่าวจบคำดี มือขวาที่เร่งเร้าพลังขึ้นมาผนึกควบรวมจนทอประกายสว่างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ก็ตวัดฟันออกไปต่างดาบ!

 

ซู่ม!!

 

รังสีดาบดั่งเสี้ยวจันทร์สายหนึ่งพุ่งออกไปฉับไว ยังทิ้งรอยแตกดำมืดเส้นเล็กเอาไว้ตามรายทาง!

 

พริบตาต่อมา!

 

ฉัวะ! ฉัวะ!

 

เสี่ยงสะบั้นเลือดเนื้อดังขึ้นแผ่วเบา เป็นศีรษะปีศาจสุนัขทั้ง 2 ถูกฟันจนกุด! เรียกว่าจวบจนวินาทีที่กำลังจะตกตายสายตาพวกมันยังไม่อาจทราบเรื่องราว!!

 

ปงงง!

 

หลังตัดศีรษะสุนัขทั้ง 2 ไปแล้วเฉินอี้หรูพลันพลิกฝ่ามือดาบสะบัดออกไปอีกครั้งตามติด เปล่งพลังไร้สภาพขุมหนึ่งให้ปะทุออกไปดั่งเพลิงไฟ ผลาญเผาซากร่างของปีศาจสุนัขทั้ง 2 จนอันตรธานหายไปในอากาศ

 

เห็นฉากลงมือสังหารอันหมดจดดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ไม่ไกลบังเกิดความพึงพอใจไม่น้อย

 

เฉินอี้หรูนับว่ารู้งานทั้งลงมือได้รวบรัดหมดจดนัก

 

หลังตัดหัวปีศาจสุนัขทั้ง 2 แล้ว ยังรู้จักทำลายซากศพเพื่อไม่ให้ลูกสาวของเขาอย่างซือหลิงต้องเห็นฉากนองเลือด

 

หากแต่หลังจากทำลายร่างของปีศาจสุนัขทั้ง 2 ไปได้ไม่ทันไร เฉินอี้หรูพลันย่นคิ้วเล็กน้อย เพราะสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังอาคมจากจุดที่ร่างปีศาจสุนัขทั้ง 2 อยู่เมื่อครู่

 

“ยันต์เต๋ากระจกเงารึ?”

 

สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอาคมดังกล่าว เฉินอี้หรูอดยิ้มหยันออกมาไม่ได้

 

ถึงแม้การที่สัมผัสได้ถึงพลังอาคมจากยันต์กระจกเงาทำงานแบบนี้ หมายความว่า 9 ใน 10ปีศาจสุนัขทั้ง 2 สมควรมีเบื้องหลังอะไรบางอย่าง…

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเบื้องหลังพวกปีศาจสุนัขทั้ง 2 ที่ได้รับทราบเรื่องราวจากยันต์กระจกจะมีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่ามันเลย…

 

ต่อให้เหนือกว่ามันแล้วจะอย่างไร?

 

นายท่านของมันเป็นตัวตนที่ทรงพลังทัดเทียมขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!

 

ยิ่งไปกว่านั้นภรรยาของนายท่านมัน ถึงจะเห็นว่าแลดูว่าง่ายดั่งลูกแมวเชื่องๆข้างกายนายท่าน แต่ยามลงมือกลับน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด! กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่มียอดสมบัติสวรรค์ 2 คน เพียงพลิกฝ่ามือยังถูกลบหายไปจนไม่เหลือซากในชั่วพริบตา…พลังสมควรบรรลุถึงขอบเขตจินเซียนแล้วไม่ผิดแน่!!

(จินเซียน = เซียนอมตะทอง)

 

‘ให้เบื้องหลังปีศาจสุนัขทั้ง 2 เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ หากมันกล้ามาก็อย่าได้หวังจะเก็บชีวิตสุนัขของมันกลับไป…’

 

เฉินอี้หรูเชื่อมั่นในพลังของนายหญิงมาก!

 

สาเหตุที่ไฉนเฉินอี้หรูถึงรู้ว่าพลังฝีมือขอนายหญิงผู้นี้เทียบได้กับขอบเขตจินเซียนของระนาบเทวโลก…

 

นั่นเพราะหลังได้กลับมาสมทบกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้งในแดนลับต่างสวรรค์ ครั่งหนึ่งก็ได้รับทราบเรื่องราวด่านพลังฝึกปรือที่ต้วนหลิงเทียนรู้มาจากสมบัติสถานระดับสวรรค์

 

ในบรรดาด่านพลังทั้งหลายของระนาบเทวโลกย่อมมีขอบเขต จินเซียน รวมอยู่ด้วย

 

เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์นั้น เทียบได้กับเซียนอมตะสวรรค์ขั้นสูงสุดเท่านั้น

 

อย่างไรก็ตามหากเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์เซียนอมตะเสเพล ครั้งที่ 10 ได้สำเร็จ เมื่อขึ้นสู่ระนาบเทวโลก ก็จะบรรลุถึงขอบเขต ‘จินเซียน’ ทันที

 

‘จะว่าไป…นายท่านเคยตั้งข้อสงสัยเอาไว้ ว่าเผลอๆในบรรดาเผ่าพันธุ์ปีศาจ อาจจะไม่มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อยู่เลยก็เป็นได้…’

 

เฉินอี้หรูเองก็เคยได้ยินต้วนหลิงเทียนพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน

 

แต่ด้วยทัศนะของมันตอนนี้ เผ่าปีศาจจะมีหรือไม่มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป เพราะไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรแล้ว…

 

“ยันต์เต๋ากระจกเงางั้นรึ?”

 

เมื่อเฉินอี้หรูสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังอาคม ด้านต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลนักก็สัมผัสถึงมันได้เป็นธรรมดา

 

และเป็นหานเฉวี่ยไน่ที่กลอกตาพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนานก่อนใคร “ข้าอยากรู้จริง…ว่าเบื้องหลังปีศาจน่าตายนั่นมันจะกล้ามาที่นี่หรือไม่!”

 

“ข้าเดาว่ามันไม่กล้ามาหรอก”

 

หนานกงยี่กล่าว “จากพลังที่อาวุโสเฉินลงมือฆ่าพวกมันเมื่อครู่ เบื้องหลังปีศาจทั้ง 2 ตนเมื่อครู่ไหนเลยจะไม่หวาดกลัวได้ ไม่มีทางที่พวกมันจะหาญกล้ามาหาที่ตายเพราะคิดล้างแค้นอาวุโสเฉินหรอก”

 

เฉินอี้หรูนั้นกล่าวไปก็เป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ ไม่ใช่อะไรที่ปีศาจทั่วไปจะกล้ามาหาความ!

 

สำหรับต้วนหลิงเทียนกับพวกแล้วการปรากฏปีศาจสุนัข 2 ตัวขวางทางถือเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ไม่นับเป็นอะไร

 

กระทั่งการเดินทางหลังจากนั้น ยังพบเผ่าปีศาจที่มาลาดตระเวนพบพานอยู่บ่อยครั้ง แต่ทั้งหมดไม่มีใครรอดพ้นเงื้อมมือเฉินอี้หรูเลย…

 

ในบรรดาปีศาจมากมายที่พบพานระหว่างทาง กลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่เซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนเท่านั้น ไม่มีความสามารถก่อคลื่นลมใดๆให้กับกลุ่มต้วนหลิงเทียนได้

 

ที่จริงไม่ต้องถึงมือเฉินอี้หรูด้วยซ้ำ เอาแค่คู่แฝดหนานกงไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่งลงมือ ก็จัดการพวกมันได้ง่ายดายนัก

 

“ถึงแล้ว…”

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนกับพวกก็เดินทางมาถึงพื้นที่ใกล้เคียงขุนเขาไร้นาม อันเป็นที่ตั้งฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7 ทวาราเที่ยงแท้

 

“กล่าวไปเมื่อปีที่แล้ว ข้าเองก็ได้รับข่าวจากเครือข่ายธุลีแดง…ว่าฐานที่มั่นชั่วคราวของพวกเราถูกปีศาจกลุ่มหนึ่งยึดครองไป”

 

ทันใดนั้นเองอยู่ๆผู้เฒ่าพยากรณ์พลันกล่าวออกมา

 

ถึงแม้มันจะรู้แต่แรกว่าฐานที่มั่นชั่วคราวถูกปีศาจกลุ่มหนึ่งยึดครองไป มันก็ไม่ได้สนใจจะเตือนพวกต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

 

เพราะมันได้รับทราบจากหนานกงยี่มาว่า

 

ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน มากพอจะทัดเทียมได้กับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์

 

“ถึงเจ้าต้วนจะไม่ได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน…แต่ความแข็งแกร่งกลับทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าท่านอาวุโสฟงชิงหยางในกาลก่อน!”

 

เรียกว่าทันทีที่ได้ยินวาจาประโยคนี้ของหนานกงยี่ ผู้เฒ่าพยากรณ์ถึงกับตกตะลึงจนสติหลุดลอยอยู่นานกว่าจะหาย

 

หลังจากอึ้งไปพักใหญ่ ยังต้องหันไปถามต้วนหลิงเทียนซ้ำด้วยความเหลือเชื่อ

 

จนเมื่อได้รับคำยืนยันของต้วนหลิงเทียน มันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นยินดีถึงขีดสุด ยังคึกคักไปประหนึ่งโดนฉีดเลือดไก่!

 

เพราะเรื่องนี้หมายความว่า ด้วยมีผู้นำอันทรงพลังเข้มแข็งแบบนี้ 7 ทวาราเที่ยงแท้ย่อมสามารถฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ทั้งหวนกลับไปรุ่งโรจน์เหมือนยุคสมัยที่อาวุโสฟงชิงหยางดำรงอยยู่เมื่อแสนปีก่อนได้แน่นอน!

 

และเมื่อได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนทรงพลังถึงขนาดนี้ ผู้เฒ่าพยากรณ์จึงไม่ได้แยแสกลุ่มปีศาจที่มายุดครองฐานที่มั่นชั่วคราวแม้แต่นิดเดียว เรียกว่าไม่เก็บเอามาสนใจอีกต่อไปด้วยซ้ำ

 

และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ

 

เพราะปีศาจที่มายึดครองฐานที่มั่นของ 7 ทวาราเที่ยงแท้เอาไว้ ก็เป็นแค่พวกปีศาจสุกรเกฬวรากกลุ่มหนึ่ง กระทั่งผู้นำที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกมันก็เป็นแค่เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเท่านั้น

 

สุดท้ายเฉินอี้หรูก็เก็บกวาดพวกมันจนเกือบหมด เหลือไว้ก็แต่ตัวผู้นำกลุ่มตนเดียว

 

คนของ 7 ทวาเที่ยงแท้จึงกลับมายึดครองฐานที่มั่นชั่วคราวอีกครั้ง

 

 

ปัก! ปัก! ปัก!

 

“ขอใต้เท้ามีเมตตาละเว้นข้าน้อยด้วย! ขอใต้เท้ามีเมตตาละเว้นข้าน้อยด้วย!!”

 

ภายในห้องโถงอันกว้างใหญ่ ปรากฏร่างผู้นำกลุ่มปีศาจสุกรก่อนหน้า กำลังขุกเข่าโขกหัวลงบนพื้นโถงอย่างแรง!

 

ถึงแม้โลหิตจะทะลักออกมาจากหน้าผากที่ปริแตก แต่มันคล้ายไม่รู้สึกความเจ็บปวด ยังคงโขกหัวลงพื้นไม่หยุด

 

มันกำลังคุกเข่าโขกหัวเพื่อร้องขอชีวิต

 

และบนแท่นที่นั่งสูงสุดภายในห้องโถง ก็ปรากฏร่างในชุดสีม่วงชมดูเรื่องราวด้วยสายตาเฉยเมย

 

ด้านหลังชายหนุ่มชุดม่วงมีชายชรายืนอยู่ด้วยทีท่าเคารพ และกำลังมองข้ามไหล่ชายหนุ่มชุดม่วงไปยังปีศาจเบื้องล่างด้วยสายตาเฉยเมยเช่นกัน

 

ชายหนุ่มชุดม่วงแน่นอนว่าเป็นต้วนหลิงเทียน

 

ส่วนปีศาจสุกรที่กำลังคุกเข่าโขกหัวอยู่ ก็เป็นผู้นำกลุ่มปีศาจสุกรที่มายึดครองฐานที่มั่นชั่วคราวของ 7ทวาราเที่ยงแท้บนขุนเขาไร้นามแห่งนี้ ยังเป็นตัวที่เฉินอี้หรูจงใจไว้ชีวิตมันเอาไว้

 

สาเหตุที่ไฉนมันไว้ชีวิตผู้นำกลุ่มปีศาจสุกรตนนี้ เป็นเพราะได้ยินคำสั่งของต้วนหลิงเทียน

 

ปีศาจสุกรที่คุกเข่าโขกหัวเพื่อร้องขอชีวิตยังคงโขกหัวไม่หยุด มันพยายามเงยหน้าขึ้นมองต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งคราว สองตาฉายชัดถึงความหวาดกลัวจับใจ กระทั่งยังหวาดกลัวไปถึงก้นบึงของวิญญาณ

 

สำหรับมันแล้ว เพียงแค่ชายชราเบื้องหลังชายหนุ่มชุดม่วงก็ร้ายกาจปานเทพแห่งความตาย

 

อาศัยเพียงสะบัดมือไม่กี่ทีก็เข่นฆ่าพี่น้องเผ่าปีศาจสุกรของพวกมันจนเหี้ยน!

 

เป็นธรรมดาว่ามันยังรู้ดีว่าหนึ่งชีวิตที่เก็บกู้มาได้ เป็นเพราะอีกฝ่ายจงใจเหลือมันเอาไว้

 

และชายชราที่ร้ายกาจปานเทพแห่งความตายนั่นกลับเรียกหาชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าด้วยความเคารพว่านายท่าน!

 

ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่มันจะจินตนาการได้ออก

 

ว่าชายหนุ่มชุดม่วงสมควรเป็นตัวตนที่น่ากลัวยิ่งกว่าชายชราแน่นอน!

 

“ตอบคำถามที่ข้าถามก็พอ…หลังตอบเสร็จแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป”

 

ต้วนหลิงเทียนมองไปยังปีศาจสุกรเบื้องหน้าต่อสักพักค่อยเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

 

ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน ปีศาจสุกรดังกล่าวก็ตระหนักได้ถึงเหตุผลที่มันยังมีชีวิตอยู่ทันที ที่แท้ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้คิดกล่าวถามเรื่องราวจากมัน!

 

“ขอใต้เท้าโปรดกล่าวถาม ไม่ว่าเรื่องอันใด หากข้าน้อยทราบ ข้าน้อยยินดีกล่าวบอกออกไปทั้งสิ้น!”

 

ปีศาจสุกรพลันหยุดโขกหัว และเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเคารพ

 

“ตั้งแต่ที่เผ่าปีศาจของเจ้าบุกขึ้นมาก็นับว่าสร้างความปั่นป่วนให้ภูมิภาคเบื้องบนไม่น้อย…เรื่องที่ข้าอยากรู้ก็คือ ตอนนี้สถานการณ์ในภูมิภาคเบื้องบนเป็นอย่างไรบ้าง และเป็นเผ่าปีศาจของเจ้ากำลังได้เปรียบหรือเผ่าพันธุ์มนุษย์ข้าเป็นฝ่ายได้เปรียบกันแน่?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อน

 

ปีศาจสุกรที่เตรียมใจไว้แต่แรกว่าอาจจะถูกชายหนุ่มชุดม่วงกล่าวถามล้วงความลับอะไรของเผ่าปีศาจ กระทั่งเตรียมใจตายเพราะมีบางอย่างไม่อาจตอบได้อย่างที่พูด…

 

อย่างไรก็ตาม พอได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนมันก็ถึงกับอึ้งไปตาปริบๆ…