เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1762

นักบู๊ที่เหลืออยู่ด้านหลังเสี่ยวลิ่วจื่อพุ่งเข้าไปฆ่าลู่ฝานทันที

พวกเขาเด้งตัวขึ้นสูง พลังปราณทั้งตัวรวมตัวเป็นเกราะปราณ แสงสว่างจ้า เหมือนจะใช้พลานุภาพของภูเขาลูกใหญ่ทับลู่ฝานให้ตาย!

ลู่ฝานมองอย่างราบเรียบแล้วดีดนิ้วเบาๆ

“เผา!”

ทันใดนั้นเปลวไฟลุกท่วมตัวนักบู๊พวกนี้

พลังปราณบนตัวเหมือนภาพลวงตาในน้ำ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่งเสียงโอดครวญแล้วร่วงไปทางลู่ฝาน

ลู่ฝานหันมาเตะพวกเขาสามครั้งติดต่อกัน

ฝ่าเท้าเตะลงบนตัวชายร่างกายกำยำ เหมือนเตะลงบนเขาลูกเล็กๆ

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

เตะเข้าเนื้อ ปราณชี่ของลู่ฝานเข้าไปในตัวพวกเขาทันที

เลือดสดไหลทะลักออกมามากมาย พวกเขามาอย่างรวดเร็ว แต่กระเด็นออกไปเร็วยิ่งกว่า

เสี่ยวลิ่วจื่ออ้าปากมองลูกน้องฝีมือดีของตัวเอง กระเด็นออกไปไกลเหมือนกระสอบทราย

โครงกระดูกทนดูต่อไม่ไหวแล้ว เขาพูดว่า “ยอมแพ้เถอะ ไอ้พวกโง่ เพื่อนฉันฆ่าพวกนายได้สบายๆ”

เสี่ยวลิ่วจื่อโมโหแล้ว เขาจ้องหน้าลู่ฝานแล้วพูดว่า “ข่มเหงคนอื่นเกินไปแล้ว นายรนหาที่ตายเอง!”

เมื่อพูดเช่นนี้ บนตัวเสี่ยวลิ่วจื่อเริ่มมีออร่าปีศาจสีดำออกมา

ลึกล้ำรุนแรง บนหัวมีเขาแหลมงอกออกมาด้วย กางปีกค้างคาวด้านหลัง

นี่คือผู้ฝึกชั่วร้ายตามมาตรฐาน!

ลู่ฝานกับโครงกระดูกดูออกทันที

โครงกระดูกพูดเสียงดังว่า “ไอ้เลว คิดไม่ถึงว่านายเข้าสู่วิถีมารแล้ว ทำไมตอนนั้นฉันถึงดูไม่ออกว่านายเป็นมารชั้นต่ำ!”

เขี้ยวสีแดงสดโผล่ออกมาจากปากเสี่ยวลิ่วจื่อ “เรื่องที่นายดูไม่ออกเต็มไปหมด หนานกงสิง คนที่คิดไปเองแบบนาย องค์ชายที่เอาแต่ทำตัวสำมะเลเทเมา จะเห็นความมืดมนของโลกนี้ได้ยังไงล่ะ วันนี้พวกนายบังคับให้ฉันเผยร่างแท้จริงออกมา คนที่เห็นร่างแท้จริงของฉันต้องตายทุกคน”

เสี่ยวลิ่วจื่อเงยหน้าคำราม

เสียงคำรามเหมือนหมาป่า นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายสีแดง

ลู่ฝานมองหนานกงสิงแล้วพูดว่า “สหายหนานกง ถ้าในวังมีแต่คนแบบนี้ ไม่ต้องพาฉันไปนะ”

โครงกระดูกกระแอมเบาๆ แล้วพูดว่า “สหายลู่ฝาน ไม่ได้แย่อย่างที่นายคิดหรอก นี่เป็นแค่เรื่องที่คาดไม่ถึง อืม เป็นแค่เรื่องที่คาดไม่ถึง”

ทั้งสองคุยกัน ไม่เห็นเสี่ยวลิ่วจื่ออยู่ในสายตาเลย

ทนได้เหรอ นี่ยังต้องทนอีกเหรอ

เสี่ยวลิ่วจื่อรู้สึกว่าเขาถูกดูถูกเรื่องบุคลิกภาพ นี่มันเป็นการดูหมิ่นชัดๆ

“พวกนายอ้อนวอนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ตายซะ!”

ตัวกลายเป็นเพลิงปีศาจ พุ่งเข้าไปฆ่าลู่ฝาน

ลู่ฝานมองการเคลื่อนไหวของเขา เอาของอย่างหนึ่งออกมาจากอกอย่างใจเย็นแล้วพูดว่า “เทวทูตหน่วยย่อยที่ 33 แห่งจิตใจเต๋าสำนักมารอยู่ที่นี่”

แสงสว่างขึ้นบนหินศักดิ์สิทธิ์ เสี่ยวลิ่วจื่อหยุดลงตรงหน้าลู่ฝานทันที

ฝ่ามือเขาเกือบโดนหัวลู่ฝานแล้ว

ถลึงตาจนลูกตาแทบหลุดออกมา เสี่ยวลิ่วจื่อมองหินศักดิ์สิทธิ์แล้วพูดอย่างตกตะลึงว่า “เป็นไปไม่ได้! นาย….นาย…นายคือเทวทูตหน่วยย่อยเหรอ”

โครงกระดูกพูดขึ้นข้างๆ ว่า “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ไอ้โง่!”

ลู่ฝานเก็บหินศักดิ์สิทธิ์ มองเสี่ยวลิ่วจื่อแล้วพูดว่า “เห็นชัดหรือยัง มีปัญหาอะไรอีกไหม”

เสี่ยวลิ่วจื่อใบหน้าเหยเก สีหน้าไม่สู้ดีเหมือนโดนกลุ่มคนเอาเท้าเหยียบหน้า

เสี่ยวลิ่วจื่อค่อยๆ หมอบลงหน้าลู่ฝาน

“คารวะท่านเทวทูต!”

ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ โครงกระดูกหัวเราะจนเสียสติ

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบว่า “เมื่อกี้ใครให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอน”