เมื่อเห็นฮูหยินของตัวเองขอร้องเช่นนี้ ในใจจ้านผิงก็หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ที่จริงแล้วเขาไม่พอใจอิ๋งจิ่วกวงเป็นอย่างมาก สาเหตุที่ไม่พอใจก็คือเรื่องที่บังคับส่งจ้านหรูอี้เข้าวัง ทำให้ในใจเขาเขาเดือดดาลจนไม่รู้จะไประบายที่ไหน เจ้าจะให้ข้าทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ทำไมต้องลามมาวางแผนกับลูกสาวข้า? แต่ไม่ว่าจะอย่างไร อิ๋งจิ่วกวงก็ดูแลเขาไม่ขาดตกบกพร่องจริงๆ นอกจากจะอุ้มชูมาตลอดทาง ก็ยังมอบลูกสาวสุดที่รักให้แต่งงานกับเขาด้วย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีจ้านผิงในวันนี้
สุดท้ายเขาก็ตบมือเรียวงามที่จับอยู่บนแขนตัวเองเบาๆ เผชิญหน้ากับสายตาที่เฝ้าคอยของอิ๋งลั่วหวน ถอนหายใจแล้วบอกว่า “ฮูหยินวางใจเถอะ จ้านผิงไม่ทรยศต่อบุญคุณของท่านอ๋อง!”
“ขอบคุณ!” อิ๋งลั่วหวนพยักหน้าซ้ำๆ น้ำตาไหลจนตาสองข้างพร่ามัว นางย่อมรู้ว่าการที่สามีตัดสินใจแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทำแบบนี้คือการไม่สนใจความเป็นความตายของลูกสาวตัวเอง!
“ออกเดินทาง!” จ้านผิงโบกมือตะโกน กำลังพลที่ตามมาเร่งเดินทางโดยให้เขาเป็นผู้นำอีกครั้ง
ทว่าเขาคือลูกน้องคนสนิทของอิ๋งจิ่วกวง มีหรือที่เถิงเฟยจะไม่ป้องกัน
ขณะที่กำลังพลข้ามผ่านอาณาเขตดาวที่มีหินกระจัดกระจาย จู่ๆ ก็มีลำแสงหลายร้อยยิงเข้ามา
จ้านผิงตกใจ รีบส่งสัญญาณมือ กำลังพลกลุ่มใหญ่ถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจัดรูปทัพป้องกันอย่างฉุกละหุก
หลังจากเสียงระเบิดดังตูมตามอยู่พักหนึ่ง กำลังพลที่ป้องกันอยู่แนวหน้าก็ถูกโจมตีจนเสียจังหวะ เพียงแต่วงล้อมป้องกันก็ฉวยโอกาสได้อย่างสมบูรณ์แล้ว
ทว่าคนที่ลอบโจมตีกลับไม่รุกโจมตีอีก จู่ๆ รอบข้างก็มีกำลังพลนับไม่ถ้วนปรากฏตัว มาล้อมกำลังพลของจ้านผิงไว้แล้ว จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะลั่นดังมา “จ้านผิง สบายดีมั้ย หลี่รู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องไม่ฟังคำสั่งท่านจอมพลแล้วต้องมาที่นี่ ข้ารออยู่นานแล้ว!”
จ้านผิงโบกทวนชี้ไปทางแม่ทัพเกราะแดงคนนั้น แล้วตะคอกอย่างโมโหว่า “หลี่อวี้เฉิง เจ้าบังอาจทรยศท่านอ๋อง!”
หลี่อวี้เฉิงคนนั้นหัวเราะลั่น “จ้านผิง เจ้าพูดผิดแล้ว ข้าคือท่านโหวที่แต่งตั้งโดยตำหนักสวรรค์ ท่านอ๋องก็ถูกแต่งตั้งจากตำหนักสวรรค์เหมือนกัน ตอนนี้ท่านอ๋องต่อต้านฝ่าบาท ใครกันแน่ที่ทรยศ คงไม่ต้องให้ข้าพูดเยอะหรอกมั้ง จ้านผิง ตอนนี้อิ๋งจิ่วกวงพ่ายแพ้ให้กับจิตใจทหารแล้ว ตัวอยู่ท่ามกลางวงล้อมกองทัพองครักษ์ของฝ่าบาท ใกล้ถึงจุดจบของชีวิตแล้ว เจ้าจำเป็นต้องลงหลุมศพไปด้วยกันเหรอ ต่อให้เจ้าไม่พิจารณาถึงตัวเอง แต่ก็ต้องพิจารณาถึงพี่น้องที่ติดตามเจ้ามาหลายปีสิ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขามาตายกับเจ้าด้วย ท่านจอมพลมีคำสั่ง ให้ข้าไว้ชีวิตพวกเจ้าสองสามีภรรยา อย่าบีบให้ข้าลำบากใจเลย!”
อิ๋งลั่วหวนเป็นคนแรกที่ทนฟังต่อไปไม่ไหว โบกทวนชี้พลางตะโกนอย่างเดือดดาล “ชาติสุนัข เลิก้อมค้อมได้แล้ส กล้าสู้ตายกับข้าสักตั้งหรือเปล่า!”
ถ้าไม่ใช่เพราะจ้านผิงดึงแขนนางไว้ไม่ให้นางบุ่มบ่าม นางคงเข้าไปสังหารเขาแล้ว จ้านหรูอี้มีนิสัยแบบนั้น ก็ใช่ว่าจะไม่มีที่มา ได้มาจากแม่!
“หึ!” หลี่อวี้เฉิงแสยะหัวเราะ แล้วยกมือขึ้นส่งสัญญาณมือ
“พี่น้องทั้งหลาย เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว อิ๋งจิ่วกวงไม่เห็นว่าชีวิตของพี่น้องสำคัญ ตอนนี้ได้รับกรรมตามสนองแล้ว โดนกองทัพองครักษ์ปราบปรามแล้ว อิ๋งจิ่วกวงหมดทางกลับตัวแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องถวายชีวิตทำงานให้เขาแล้ว!”
เมื่อกล่าวแบบนี้ ก็ทำให้จ้านผิงตกใจจนแทบเหงื่อท่วมตัว เพราะเสียงนี้มาจากกระบวนทัพฝั่งเขา พอหันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นหัวหน้าภาคใต้สังกัดของเขาเอง
ถ้าลองสังเกตดูสักหน่อยก็จะรู้ว่าเป็นแผนที่วางไว้นานแล้ว หลังจากหัวหน้าภาคคนนั้นพูดออกมากำลังพลของเขาก็หันเลี้ยวหัวหอกทันที หันมาทางนี้แทน
ยังไม่หมดแค่นั้น หัวหน้าภาคอีกคนก็ตะโกนเสียงดังว่า “เทพประจำดาวมีคำสั่ง แต่จ้านผิงกลับไม่เชื่อฟัง อยากจะดึงพวกเราลงหลุมไปกับพ่อตาเขาด้วย พวกพี่น้องจะตอบตกลงเหรอ?”
“ไม่ตกลง! ไม่ตกลง!” มีกำลังพลกลุ่มใหญ่อีกกลุ่มตะโกนเสียงดัง เปลี่ยนทิศทางรุกโจมตีแล้ว
สถานการณ์ตรงหน้าเสียการควบคุมในชั่วพริบตาเดียว มีคนทรยศกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า หัวหอกเล็งมาทางผู้บัญชาการสูงสุดอย่างจ้านผิง
ใช้เวลาไม่นาน กำลังพลของจ้านผิงก็ทรยศไปครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนสาเหตุ จ้านผิงก็รู้อยู่แก่ใจ เขาอยู่ใต้บังคับบัญชาของเถิงเฟย เดิมทีลูกน้องบางส่วนก็มีความสัมพันธ์กับเบื้องบนอยู่แล้ว เขาเองก็ไม่สะดวกจะเตะออกไปทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะให้เทพประจำดาวกับจอมพลเบื้องบนคิดอย่างไร? ที่สำคัญที่สุดก็คือ ช่วงนี้อิ๋งจิ่วกวงสูญเสียใจคนไปหมดแล้วจริงๆ คนทั้งระดับบนระดับล่างของทัพตะวันออกไม่พอใจมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่ขาดโอกาสปะทุก็เท่านั้นเอง ในที่สุดตอนนี้จุดหัวเลี้ยวหัวต่อก็มาถึงแล้ว
บางคนไม่ได้เตรียมจะทรยศเลย แต่พอเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เดิมทีก็ถูกกำลังพลกลุ่มใหญ่ล้อมไว้อยู่แล้ว แล้วฝั่งนี้ก็มีกำลังพลเกือบครึ่งทรยศอีก ถ้าสู้ต่อไปก็เท่ากับรนหาที่ตาย! ดังนั้น จึงมีคนทรยศตามอีกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เมื่อสิ้นอำนาจก็ย่อมมีควันหลงส่งผลกระทบ คนที่ลังเลล้วนเป็นผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ
ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว กำลังพลที่ล้อมพิทักษ์อยู่ข้างกายจ้านผิงอย่างแน่นหนาก็เหลือเพียงสองส่วน จะเห็นได้ว่าขวัญกำลังใจทหารของทัพตะวันออกเป็นอย่างไร พวกที่ไม่ยอมทรยศคือกำลังพลคนสนิทของจ้านผิง รู้ว่าต่อให้ทรยศจ้านผิงก็ไม่มีจุดจบที่ดี
“พวกชาติหมาเนรคุณ!” อิ๋งลั่วหวนโกรธจนหัวตั้งแล้วจริงๆ ชี้พวกคนทรยศพลางด่ากราดไม่หยุด
เห็นได้ชัดว่าหลี่อวี้เฉิงไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว เขายังมีภารกิจอื่นต้องทำอีก ต้องนำกำลังพลไปขวางกำลังพลของลิ่งหูโต้วจ้ง จึงตะโกนเสียงดังว่า “จ้านผิง เจ้าเกินเยียวยาแล้ว ยังไม่รีบยอมแพ้อีก!”
จ้านผิงโบกทวนชี้พร้อมตะโกนอย่างเดือดดาล “ฆ่า!”
แล้วพุ่งนำทหารคุ้มกันสังหารออกไป
“ฆ่า!” อิ๋งลั่วหวนถลึงตาโต โบกมือเรียกบ่าวรับใช้ในจวนตระกูลจ้าน ตามผู้ชายของตัวเองสังหารออกไป เห็นได้ชัดว่าตัดสินใจแล้วว่าจะสู้ตายจนถึงที่สุด
ที่น่าเศร้าสลดก็คือ คนแรกที่ต้องปกทะด้วยกลับเป็นลูกน้องที่เพิ่งทรยศเขา ก็ช่วยไม่ได้ โดนทัพกบฎลูกน้องเก่าล้อมไว้แล้ว ถ้าไม่ลงมือกับลูกน้องเก่าก็สังหารฝ่าออกไปไม่ได้
พอหลี่อวี้เฉิงโบกมือ ลูกน้องเก่าที่ทรยศจ้านผิงถอยออกไปข้างหลังทางซ้ายและขวา กำลังพลที่ขวางอยู่ตรงหน้าเปิดทางให้แล้ว ปล่อยให้พวกจ้านผิงพุ่งออกมา
ทว่าสิ่งที่เข้ามาต้อนรับพวกจ้านผิงก็คือกระบวนทัพธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ที่หนาแน่น ฝั่งทัพกบฏก็รีบรวบรวมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดมาไว้ด้วยกัน
ท่ามกลางเสียงระเบิด ลำแสงจำนวนมากยิงออกมาพร้อมกัน
ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกกำลังหทารที่เหนือกว่าใช้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์โจมตี แค่คิดก็รู้แล้วว่าจุดจบของกำลังพลฝ่ายจ้านผิงเป็นอย่างไร
กำลังพลคนสนิทจัดรูปทัพป้องกันจ้านผิงและฮูหยินไว้อย่างแน่นหนา ทว่าเมื่อเผชิญกับการโจมตี พวกเขาก็ทยอยกันล้มตายกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า มือธนูจำนวนน้อยของฝั่งนี้ไม่มีทางสร้างความเสียหายให้ทัพฝ่ายศัตรูได้เลย ภายใต้การโจมตีอันแข็งแกร่งของทัพฝ่ายศัตรู สุดท้ายก็ต้องปล่อยธนูไว้แล้วพยายามป้องกันสุดชีวิต
ขณะมองกลุ่มลูกน้องคนนสนิทรบตาย จ้านผิงก็แทบจะตาถลนออกมา
“อา!” อิ๋งลั่วหวนก็ยิ่งตะเบ็งเสียงอย่างคับแค้น แต่ก็ไม่มีทางเลือก ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้โอกาสนางเข้ามาสู้ใกล้ๆ เลย ทำให้นางมีเลือดเดือดเต็มอกแต่กลับไม่รู้จะไประบายที่ไหน
กำลังพลที่คุ้มกันยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ อานุภาพการป้องกันยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ กระบวนทัพป้องกันถูกหั่นออกไปชั้นแล้วชั้นเล่า สุดท้ายก็เหลือกำลังพลป้องกันล้อมอยู่ไม่กี่พัน
“หยุดนะ!” หลี่อวี้เฉิงเห็นสถานการณ์แล้วส่งสัญญาณมือ ไม่อาจสู้ต่อไปได้แล้ส ถ้าสังหารจ้านผิงกับฮูหยินตายจริงๆ เขาเองก็จะให้คำชี้แจงไม่ได้ เพราะเบื้องบนย้ำมาแล้วว่าให้จับเป็น เขาพอจะนึกออกว่าสาเหตุคืออะไร ถ้าฆ่าสองสามีภรรยาคู่นี้ตายจริงๆ แล้วสนมสวรรค์ต้องการจะล้างแค้นขึ้นมา ความแค้นที่ฆ่าบิดามารดานั้นฝังลึก เช่นนั้นตัวเองก็จะลำบากแล้ว ได้แต่ทอดถอนใจที่อีกฝ่ายมีลูกสาวดี
เห็นได้ชัดว่าสามารถลดการล้มตายของพี่น้องฝั่งตัวเองได้ เขากลับต้องเลิกเอาชีวิตคนเข้าไปเติม จากนั้นก็ส่งสัญญาณรุกโจมตีอีก พร้อมถ่ายทอดคำสั่งว่า “จับเป็นจ้านผิงกับฮูหยิน!”
ทัพใหญ่เก็บธนู ตะโกนเสียงดังว่า “ฆ่า” พร้อมกรูเข้ามา ส่วนพวกจ้านผิงก็เลิกป้องกันแล้วเช่นกัน ดิ้นรนเข่นฆ่ากันแล้ว
ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรก็น่าจะรู้ น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ
พี่น้องข่างกายตายไปหมดแล้ว ภายใต้การล้อมของทัพใหญ่ จ้านผิงและฮูหยินหันหลังชนกันท่ามกลางหมอกเลือด ทั้งคู่หอบหายใจ ยกนิ้วขึ้นจ่อจมูกเพื่อเติมอากาศหายใจจากแหวนเป็นระยะ ทั้งตัวสองสามีภรรยาย้อมไปด้วยเลือด ถลึงตาจ้องเตรียมรับศึกรอบๆ
กำลังพลที่ล้อมอยุ่เปิดทางออก หลี่อวี้เฉิงโผล่หน้ามา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มเจื่อน “พี่จ้าน เจ้ากับข้าเป็นเพื่อนร่วมงานกันมาหลายปี ข้าทำร้ายไม่ลงจริงๆ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทำไมต้องลำบากด้วย ยอมแพ้เถอะ!” พอเขาโบกมือ กำลังพลที่ล้อมอยู่ก็เข้าไปประชิดอย่างช้าๆ ทันที
“ชาติสุนัข ฝันไปเถอะ!” อิ๋งลั่วหวนตวาด แล้วจู่ๆ ก็เอียงหน้าถ่ายทอดเสียงให้จ้านผิง “ท่านสามี เป็นข้าที่ทำให้เจ้าลำบากไปด้วย ชาติหน้าข้าจะรับใช้เจ้าเหมือนวัวเหมือนม้าเพื่อตอบแทน ข้าจะนำไปก่อน!” นางชักกระบี่วิเศษตรงเอวกระบี่วิเศษที่สะท้อนแสงสีขาวดุจหิมะ แล้วปาดไปที่คอตัวเองอย่างไม่ลังเล แววตาเด็ดเดี่ยว บุตรสาวอ๋องสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยอย่างนางไม่มีทางยอมรับความจริงหากต้องตกอยุ่ในมือศัตรู
หลี่อวี้เฉิงตกใจมาก ถ้าอยู่ไกลกว่านี้คงยื่นมือไปห้ามไม่ทันแล้ว “…” จากนั้นก็โล่งอกอีกครั้ง
จ้านผิงพลันยกมือขึ้น คว้าข้อมือของอิ๋งลั่วหวนเอาไว้แน่น
“เจ้า…” อิ๋งลั่วหวนดิ้นรนขัดขืน
จ้านผิงถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ถ้าเจ้ากับข้าตายไป แล้วหรูอี้ที่มีนิสัยหยิ่งในศักดิ์ศรีจะใช้ชีวิตอยู่ลำพังได้ยังไง? ถ้าเจ้ากับข้าสู้ตายถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทดแทนบุญคุณบิดาแล้ว ไม่ละอายต่อฟ้า ไม่ละอายต่อดิน ควรทำหน้าที่บิดามารดาให้เต็มที่! มิหนำซ้ำพี่น้องมากมายก็รบตายเพื่อพวกเรา เจ้ากับข้าต้องตอบแทนพวกเขาสิ เจ้าไม่ยอมทนรับความอัปยศ แต่ยอมทนเห็นคนในครอบครัวของพวกเขาทนรับความอัปยศได้ยังไง เจ้ากับข้าต้องดูแลพวกเขานะ!”
สุดท้าย อิ๋งลั่วหวนก็วางกระบี่วิเศษในมือด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ฆ่า!” สองสามีภรรยาตะโกนพร้อมกัน แยกออกจากกันแล้ว ต่างคนต่างพุ่งไปยังกระบวนทัพฝ่ายศัตรู สู้ตายไม่ยอมแพ้…
วังสวรรค์ ความโกลาหลในวังหลังสงบลงเร็วมาก สนมนับพันถูกสังหาร นางในนับหมื่นตายคากองเลือด ทำให้วังสวรรค์ที่โอ่อ่างดงามอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด กำลังพลกองทัพองครักษ์จำนวนมากพุ่งเข้าไปในวังสวรรค์ กั้นลานตำหนักแต่ละหลังเอาไว้ ป้องกันทั้งวังสวรรค์เอาไว้อย่างแน่นหนา
แม่ทัพใหญ่หลายคนเดินก้าวยาวเข้ามาในตำหนักดาราจักรเพื่อรายงานสถานการณ์
ประมุขชิงที่นั่งหลังโต๊ะยาวมีสีหน้าไม่สะทกสะท้าน ราวกับสนมที่ตายไปไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาสักนิดเลย
รอจนกระทั่งพวกแม่ทัพใหญ่ออกไป ซ่างกวนชิงที่ถือระฆังดาราก็โค้งตัวเล็กน้อยพร้อมรายงานว่า “ฝ่าบาท จ้านผิงกับฮูหยินสู้ตายไม่ยอมแพ้ สู้จนกระทั่งเหลือกันแค่สองสามีภรรยาแล้วถูกจับเป็น…” เขารายงานสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง
เมื่อได้ยินว่าเป็นข่าวของจ้านผิงและฮูหยิน ประมุขชิงก็ตั้งใจฟังมาก จากนั้นก็ถอนหายใจยาว “จงรักภักดีไร้ที่เปรียบ! มีบิดามารดาแบบนี้ ไม่แปลกใจที่มีลูกสาวแบบนี้!” เขากล่าวด้วยสีหน้าประทับใจมาก มองตระกูลจ้านสูงขึ้นอีกระดับแล้ว
ซ่างกวนชิงพูดไม่ออกมาก พึมพำในใจว่า คนที่สู้ตายไม่ยอมแพ้มีตั้งเยอะ แต่ก็ไม่เห็นท่านวิจารณ์แบบนี้ ข้าว่าท่านรักบ้าน จึงรักอีกาบนหลังคาบ้านด้วยต่างหาก
“ให้คนเฝ้าไว้ให้ดี อย่าเมินเฉยต้อนรับไม่ดี” ประมุขชิงกำชับต่อ
“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ
“คนที่จับจ้านผิงกับฮูหยินได้คือใคร?” จู่ๆ ประมุขชิงก็ถามอีก
“หลี่อวี้เฉิง ท่านโหวหลี่ขอรับ!” ซ่างกวนชิงตอบ
“ดี! เดี๋ยวต่อไปเจ้าหาข้ออ้างที่เหมาะสม ตบรางวัลหลี่อวี้เฉิงอย่างงาม!” ประมุขชิงเอ่ยชมอย่างปลาบปลื้มมาก แล้วก็เอียงหน้ามองซ่างกวนชิงอีก “เรื่องนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”
ในใจเขารู้ชัดมาก เรื่องของจ้านผิงกับฮูหยินถูกรายงานขึ้นมาในทันที แสดงว่าซ่างกวนชิงให้ความสนใจมาตลอด เรื่องนี้ถ้าไม่มีซ่างกวนชิงแอบบอก ทางฝั่งเถิงเฟยก็อาจไม่เก็บจ้านผิงกับฮูหยินไว้ให้เป็นปัญหาในภายหลัง แต่จนใจที่เบื้องล่างกำลังสู้สุดชีวิต เรื่องบางเรื่องราชันสวรรค์อย่างเขาไม่สะดวกจะเอ่ยออกมาตรงๆ แบบนั้นจะทำให้คนท้อใจ ต้องให้เบื้องล่างตระหนักรู้ได้ด้วยตัวเอง ซ่างกวนชิงสมกับเป็นคนที่ติดตามเขามาหลายปี ตระหนักรู้ได้ดีมาก
ซ่างกวนชิงที่ถูกชมยิ้มบางๆ โค้งตัวเล็กน้อย
……………