บทที่ 1914 ความกังวลของลิ่งหู

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เขาเองก็ไม่ได้พูดถ่อมตัวอะไร ถ่ายทอดเจตนาของประมุขชิงลงไปว่าให้ปฏิบัติต่อจ้านผิงและฮูหยินให้ดี จากนั้นก็ย้ายความสนใจไปที่ศึกใหญ่ที่รังของอิ๋งจิ่วกวง

เมื่อแก้ไขปัญหาเรื่องจ้านหรูอี้แล้ว ความสนใจของประมุขชิงก็ย่อมอยู่ที่อิ๋งจิ่วกวงแล้วเช่นกัน

ลิ่งหูโต้วจ้ง จอมพลสายขาลสายขาลที่กำลังเร่งเหาะอยู่ในดาราจักรกำลังสนใจสถานการณ์ของศึกใหญ่เช่นเดียวกัน ความกังวลใจของเขาไม่มีที่ให้ระบาย

จะไม่ให้กังวลคงไม่ได้ เพราะสถานการณ์ของเขานั้นพิเศษ เขารู้จักข้อบกพร่องของตนเอง ทำไมเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อถึงกบฏล่ะ? ถ้าไม่มีประมุขชิงสนับสนุน ทั้งสองก็ไม่มีทางทำอย่างนั้นได้เลย เรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน แต่สองคนนั้นก็ยังให้ความร่วมมือ แสดงว่าประมุขชิงติดต่อกับทั้งสองไว้นานแล้ว ทำไมประมุขชิงจึงติดต่อเพียงสองคนนั้น แต่กลับไม่ติดต่อเขาล่ะ?

เขามีความขื่นขมที่บรรยายออกมาไม่ได้ เพราะเพิ่งรับตำแหน่งจอมพลสายขาลได้ไม่นาน ยังไม่ได้รับความร่วมมือกับเบื้องล่างเต็มที่ แต่จะฆ่าทิ้งหมดก็ไม่ได้หรอกใช่มั้ย? ทัพตะวันออกผ่านการปรับปรุงภายในมาครั้งหนึ่ง เดิมทีก็ทำให้ใจคนสั่นคลอนอยู่แล้ว ถ้าเขาทำอย่างนั้นอีก ดีไม่ดีอาจจะบีบให้ทหารก่อกบฏก็ได้ ดังนั้นจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป ไม่อาจรีบร้อนจนทำให้คนบางกลุ่มกลายเป็นสุนัขที่กระโดดกำแพงเพราะจนตรอก

ดีจริงๆ เรื่องที่อยู่ในมือยังไม่ทันราบรื่น เรื่องของอิ๋งจิ่วกวงก็โผล่มาอีก คนอื่นเห็นว่าจอมพลอย่างเขาใช้ชีวิตอย่างมีหน้ามีตา แต่ความหนาวความร้อนกลับมีเพียงเขาที่รู้ดี ขื่นขมจนบรรยายออกมาไม่ได้

พออิ๋งจิ่วกวงล้มแล้ว เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อที่เสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงขนาดนั้น มีหรือที่จะยอมให้เขามีส่วนแบ่งผลประโยชน์ อย่าว่าแต่ฆ่าเขาเลย สองคนนั้นจะต้องให้เขาหลีกทางด้วยแน่นอน เพราะต้องการจะช่วงชิงผลประโยชน์ของเขาไป ถ้าเขาไปขอพึ่งพาประมุขชิง เพื่อที่จะปลอบใจเถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อ ก็ไม่มีความเป็นไปได้เลยที่ประมุขชิงจะรับเขาไว้ นอกเสียจากประมุขชิงจะหวังให้ใต้หล้าวุ่นวายจนสถานการณ์พังทลายโดยสิ้นเชิง การที่ประมุขชิงสามารถโน้มน้าวสองคนนี้ได้ ก็แสดงว่าต้องให้คำสัญญาอะไรสักอย่างแน่นอน

แล้วถ้าจะไปขอพึ่งพาอ๋องสวรรค์อีกสามคนล่ะ? นอกเสียจากสามคนนั้นจะก่อกบฏอย่างถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อยากแตกคอกับประมุขชิง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเก็บเขาไว้ กำลังพลเบื้องล่างของอีกสามอ๋องก็ไม่ยอมรับเช่นกัน อาณาเขตกว้างใหญ่แค่นี้ ถ้ามีคนอีกกลุ่มเข้ามาเบียดอีก ใครจะไปยอมล่ะ? นอกเสียจากคนตั้งแต่ระดับบนถึงระดับล่างรวมทั้งลิ่งหูโต้วจ้งจะยอมทิ้งตำแหน่งของตัวเอง แต่ถ้าจะให้ทำแบบนี้ ลูกน้องคนสนิทของเขาจะต้องไม่ยอมแน่นอน

ถ้าจะนำอาณาเขตไปสวามิภักดิ์ก็ยังพอเป็นไปได้ แต่เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อจะยอมได้อย่างไร ถ้าไม่มีอาณาเขตผืนนั้นของเขาแล้ว จะแตกต่างอะไรกับเมื่อก่อนล่ะ? สองคนนั้นจำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงขนาดนั้นไหม? เพื่อที่จะคุมสถานการณ์ให้สงบ อีกสามอ๋องสวรรค์จะให้ความร่วมมือกับเถิงเฟยและเฉิงไท่เจ๋อหรือจะให้ความร่วมมือกับลิ่งหูโต้วจ้ง ก็แทบจะไม่ต้องคิดมากเลย

พอคิดไปคิดมา ก็มีแค่ต้องภาวนาให้ฝั่งอิ๋งจิ่วกวงต้านทานไหว อดทนรอจนทัพหนุนของเขาไปช่วย ขอเพียงสามารถช่วยให้อิ๋งจิ่วกวงผ่านด่านนี้ไปได้…เอาล่ะ แม้จะสามารถช่วยให้อิ๋งจิ่วกวงผ่านด่านนี้ไปได้ เขาก็ไม่อาจไต่เต้าขึ้นข้างบนได้อีกแล้ว อิ๋งจิ่วกวงจะยกตำแหน่งอ๋องสวรรค์ให้เขาเชียวเหรอ? ตัวเองก็ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมเหมือนตอนนี้ อย่างมากก็ได้รับความสำคัญจากอิ๋งจิ่วกวงมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าในศึกนี้จะต้องมีลูกน้องคนสนิทล้มตายไปกี่คน

มารดาเจ้าเถอะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน! ลิ่งหูโต้วจ้งแอบด่าในใจ

สิ่งที่เขากังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือกำลังพลกลุ่มนี้ของเขา เห็นได้ชัดว่าบางคนไม่ค่อยยอมเชื่อฟังเขา เขากังวลมากว่าจะมีคนคิดไม่ซื่อยอมแพ้ให้ฝั่งศัตรูเมื่อเรื่องจวนตัว แบบนั้นจะเป็นปัญหาใหญ่ แต่ตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรอกวาดล้างลูกน้องก่อนแล้วค่อยรีบไปช่วย ถึงตอนนั้นนอกจากจะไม่ทันการณ์แล้ว ถ้าต่อสู้กันขึ้นมาก็เป็นฝ่ายตัวเองที่เสียหาย

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาหวังเพียงอิ๋งจิ่วกวงจะต้านไหว แล้วก็ต้านไว้อีก ขอเพียงอิ๋งจิ่วกวงต้านไหว เบื้องล่างก็จะหวาดกลัว ถึงอย่างไรชื่อเสียงบารมีของอิ๋งจิ่วกวงก็ยังอยู่ ถ้าอิ๋งจิ่วกวงต้านไม่ไหวแล้ว รัสมีเรืองรองของอ๋องสวรรค์อิ๋งผู้สง่าภูมิฐานก็จะขู่คนไม่ได้ ถ้าแม้แต่อ๋องสวรรค์อิ๋งก็ยังทนรับไม่ไหว เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าลูกน้องของเขาจะกบฏ

ถ้าเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนคงไม่เกิดกบฏง่ายขนาดนี้ ที่สำคัญคือช่วงนี้อ๋องสวรรค์อิ๋งพ่ายแพ้หลายครั้งติดกัน เรื่องที่สระน้ำมังกรดำส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจทหารมากเกินไป คาดว่าเบื้องล่างคงมีกำลังพลไม่น้อยที่ยังด่าอิ๋งจิ่วกวงมาตลอดทาง

เมื่อเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลิ่งหูก็ยังเดาความคิดของกำลังพลเบื้องล่างได้ ถ้าอิ๋งจิ่วกวงแพ้ให้เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อเมื่อไร ในทัพตะวันออกก็จะมีตำแหน่งว่างเยอะมากแน่นอน กำลังพลสายขาลที่ได้ผลงานจากการไปช่วยจะได้ทำงานในตำแหน่งสำคัญ จะได้รับรางวัลอย่างงาม ตำแหน่งจอมพลก็จะว่างสองตำแหน่ง ส่วนตำแหน่งอื่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นี่คือโอกาสของกำลังพลเบื้องล่าง และเป็นความหวังที่จะผูกมัดไม่ให้กำลังพลคนสำคัญมีใจเป็นอื่นด้วย

ดังนั้นในใจเขาเขาตอนนี้ก็เรียกได้ว่าวิงวอนฟ้าดินให้อ๋องสวรรค์อิ๋งต้านไหว เขากลัวจริงๆ ว่าอิ๋งจิ่วกวงทนไม่ไหวแล้วหนีไป ถ้าอิ๋งจิ่วกวงส่อแววว่าจะแพ้แล้วหนีไปเมื่อไร เช่นนั้นกำลังพลที่อยู่ข้างกายเขาก็คงจะมีความคิดไม่ซื่อทันที

ดังนั้นระหว่างทางที่มาเขาจึงพูดปลุกใจลูกน้องไม่หยุด บอกประมาณว่ากำลังหนุนของอ๋องสวรรค์ฮ่าว อ๋องสวรรค์ก่วง อ๋องสวรรค์โค่วกำลังจะมาถึงแล้ว หวังว่าจะปลุกใจให้ทุกคนมีความหวัง

เมื่อคิดทบทวนหลายด้าน ลิ่งหูโต้วจ้งเอียงก็หน้าถ่ายทอดเสียงถามคนข้างกาย “คนที่เกณฑ์มาจากสำนักต่างๆ ในสายขาลล่ะ ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? ทำไมไม่เห็นรายงานความคืบหน้าเข้ามาเลย? ทำไมตลอดทางที่มาไม่เห็นกำลังพลสักกลุ่ม?”

แม่ทัพใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ไม่อยากจะบอกความจริงเลย กลัวว่าจะสะเทือนใจเขา แต่ในเมื่อถามแล้วก็ไม่สะดวกที่จะไม่ตอบ จึงถอนหายใจแล้วตอบว่า “แต่ละสำนักตอบมาว่ายังรวบรวมกำลังพลอยู่เลยขอรับ”

พอได้ฟังแบบนี้ ลิ่งหูโต้วจ้งก็รู้ว่าสำนักพวกนั้นจงใจถ่วงเวลา จึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันบอกว่า “ดี! รอจอมพลผู้นี้ก่อนเถอะ เดี๋ยวคอยดูว่าจอมพลผู้นี้จะจัดการพวกเขายังไง!”

มีบางอย่างที่เขาไม่รู้ นั่นก็คือตระกูลเซี่ยโห้วแอบยื่นมาเข้ามาแทรกแซงแล้ว สำนักฝึกตนที่ค่อนข้างโดดเด่นในอาณาเขตทัพตะวันออกแทบจะถูกมือที่มองไม่เห็นกดไว้หมดแล้ว สำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สำหรับตระกูลเซี่ยโห้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าต้องการจะกดไว้ก็ง่ายมาก แค่มีจุดอ่อนของบุคคลสำคัญบางคนในสำนักไว้ในมือก็พอ เดิมทีนี่ก็คือเรื่องที่ตระกูลเซี่ยโห้วถนัดที่สุดอยู่แล้ว

ยกตัวอย่างเช่นจุดอ่อนของเหมียวอี้ สาเหตุที่ตระกูลเซี่ยโห้วมองเหมียวอี้อย่างเงียบๆ มาตลอดเพราะอะไรล่ะ? ก็เพราะรู้ว่าเหมียวอี้ไม่อาจพ้นเงื้อมมือของตระกูลเซี่ยโห้วได้ กำลังที่เหมียวอี้สะสมไว้ ในสายตาตระกูลเซี่ยโห้วล้วนเป็นงานที่ลำบากทำแทนตระกูลเซี่ยโห้วเท่านั้น ขอเพียงตระกูลเซี่ยโห้วอยากจะทำ ก็สามารถทำให้เหมียวอี้จบเห่ได้ทุกเมื่อ!

แน่นอน เซี่ยโห้วลิ่งเป็นคนผลักดันเรื่องนี้ แม้แต่เหมียวอี้ก็ไม่รู้ เซี่ยโห้วลิ่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะโค่นล้มอิ๋งจิ่วกวง การที่ลิ่งหูโต้วจ้งยังหวังความช่วยเหลือจากคนพวกนี้นั้นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แม้แต่ยุงตัวเดียวเซี่ยโห้วลิ่งก็ไม่ให้เขา

อย่าว่าแต่สำนักพวกนี้เลย แม้แต่ลูกน้องของจ้านผิงที่ก่อกบฏ บางทีคนอาจจะคิดว่าถูกสถานการณ์บีบบังคับ บางทีคนของหน่วยตรวจการซ้ายอาจจะนึกว่าเป็นผลงานจากการปลุกระดมให้ทหารก่อการกบฎของตัวเอง แต่ใครจะคิดว่าประสิทธิภาพในระหว่างนั้นคือผลงานอันแนบเนียนของตระกูลเซี่ยโห้ว? ถ้าตระกูลเซี่ยโห้วต้องการจะสนับสนุนอิ๋งจิ่วกวง คาดว่าคงเกิดฉากอีกอย่างหนึ่ง

เพราะอะไรตระกูลเซี่ยโห้วจึงทำให้คนหวาดกลัว ผ่านมาหลายยุคแล้ว ยึกครองใต้หล้าโดยพลการมาหลายปี สภาพภายในของตระกูลนี้ลึกล้ำจนคนนอกจินตนาการไม่ออก สามารถโค่นล้มประมุขมาหลายยุคทั้งยังอุ้มชูประมุขมาหลายสมัย ความสามารถนี้ไม่ใช่เล่นๆ

เซี่ยโห้วลิ่งอาจไม่สามารถสั่งให้พี่น้องให้ความร่วมมือกับการเล่นใหญ่ของเขาได้ แต่ตอนที่ให้เฉาหม่านปล่อยข่าวลือที่ตลาดมืด เฉาหม่านก็มิอาจไม่ให้ความร่วมมือ ทำให้พี่น้องคนอื่นเข็นเรือไปตามน้ำ พี่น้องคนอื่นไม่สะดวกจะปฏิเสธ

ที่จริงแล้วเหมียวอี้เป็นคนริเริ่มเรื่องอิ๋งจิ่วกวง พูดแบบแรงๆ หน่อยก็คือเป็นคนแหย่รังแตน แต่ถ้าจะพูดถึงการโค่นล้มอิ๋งจิ่วกวงในครั้งนี้จริงๆ เมื่อมองจากบางมุมก็จะพบว่าเป็นตระกูลเซี่ยโห้วกับประมุขชิงร่วมมือกัน ทั้งสองฝ่ายต้องการร่วมมือกันเล่นงานให้อิ๋งจิ่วกวงถึงแก่ความตาย

แน่นอน เหมียวอี้ก็ใช้ประโยชน์จากจุดนี้เช่นกัน

จวนจอมพลสายขาล เส้าเซียงหัว ฮูหยินของลิ่งหูโต้วจ้งกำลังนั่งสง่าอยู่ในโงหลัก นางขมวดคิ้วมุ่น ตรงกว่างคิ้วเต็มไปด้วยความกังวล สิ่งที่กล่างกังวลก็คือสิ่งที่ลิ่งหูโต้วจ้งกังวล

เดิมทีนางไม่ได้คิดไกลขนาดนี้ เพียงกังวลความเป็นความตายของท่านจอมพลยามออกรบ

ทว่าตอนนี้ในโถงหลักมีชายชราหน้าตาเหมือนหัวขโมยคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย อีกฝ่ายกำลังคุยโวโอ้อวดให้นางฟัง พูดเป็นต่อยหอยจริงๆ สิ่งที่พูดก็คือความกังวลของลิ่งหูโต้วจ้ง

ชายชราหน้าตาเหมือนหัวขโมยคนนี้ชื่อว่าซ่งหยวนเต๋อ ถ้านับลำดับอาวุโสก็คือเป็นลูกพี่ลูกน้องมารดาของเส้าเซียงหัว

สำหรับท่านน้าคนนี้ ที่จริงเส้าเซียงหัวไม่ได้รู้สึกดีด้วยเท่าไรนัก ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ俗 เขาคือแบบฉบับของพวกเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ วันๆ ไม่ทำอะไรกิน เมื่อก่อนมาขอตำแหน่งขุนนางจากเส้าเซียงหัว นางเห็นว่าเป็นญาติกันจึงช่วยไปครั้งหนึ่ง ใครจะคิดว่าท่านน้าผู้นี้จะก่อเรื่องหนักเกินไป ก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว ทำให้ลิ่งหูโต้วจ้งเดือดดาลจนเตะออกจากตำแหน่ง ลิ่งหูโต้วจ้งเตือนนางว่า โคลนเหลวที่ก่อเป็นกำแพงไม่ได้แบบนี้มีแต่จะทำให้งานเสีย ให้ดำรงตำแหน่งขุนนางไม่ได้!

ท่านน้าผู้นี้มีดีแค่เส้นสายเท่านั้น แต่กลับทำอะไรไม่สำเร็จเลย เวลาตกต่ำสุดท้ายก็มีแต่จะมาขอให้สงเคราะห์ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือมายื่นมือขอเงิน

เส้าเซียงหัวเองก็แค้นใจที่เคี่ยวเข็ยแล้วไม่ได้ดี นางไม่อยากสนใจเขาเลยจริงๆ แต่ถึงอย่างไรท่านนี้ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของมารดานาง ต่อให้ไม่เห็นแก่อย่างอื่น แต่ก็ต้องเห็นแก่ไม่ตรีของมารดาที่จากโลกนี้ไปแล้ว ตราบใดที่ท่านนี้ไม่ก่อเรื่อง ถ้าต้องการเงินนางก็พอจะให้ได้บ้าง ถึงอย่างไรนางก็ไม่ขาดแคลนเงินอยู่แล้ว

เส้าเซียงหัวคิดว่า หากรอให้ท่านนี้ตายไป นางก็จะตัดขาดกับบ้านนี้โดยสิ้นเชิง คนที่เรียกกันว่าญาติ ต้องเป็นรุ่นหนึ่ง รุ่นสอง รุ่นสาม รุ่นสี่เท่านั้นถึงจะนับญาติกัน ความหมายประมาณนี้ แต่ตราบใดที่ท่านนี้ยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลลิ่งหูมีอำนาจมาก ชื่อเสียงบางอย่างก็ยังต้องระวังไว้ ถ้าคนอื่นได้ยินว่านางดูถูกญาติที่ยากจน ก็จะคิดว่านางขาดคุณธรรม ทุกคนล้วนต้องรักษาภาพลักษณ์ คนจากตระกูลใหญ่ที่แท้จริงล้วนถือสิ่งนี้

ใครจะคิดว่าหลังจากท่านน้านำเงินกลับไปแล้ว กลับกังวลถึงสถานการณ์ของลิ่งหูโต้วจ้ง เอ่ยถามถึงแล้ว

เดิมทีเส้าเซียงหัวรู้สึกว่าน่าขำ เตรียมจะฟังเพียงสองสามประโยคแล้วไล่ไป แต่คิดไม่ถึงว่าจะพบว่าคำพูดของท่านน้าก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่หลายส่วน จึงอดไม่ได้ที่จะตั้งใจฟัง

รอจนท่านน้าแสดง ‘ความคิดเห็นอันสูงส่ง’ จบแล้ว เส้าเซียงหัวก็ถามอย่างแปลกใจว่า  “ท่านน้า ทำไมท่านถึงสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วล่ะ?”

ซ่งหยวนเต๋ออึ้งไปชั่วขณะ ผู้ติดตามที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบสังเกตด้วยแววตาเป็นประกาย แล้วยกถ้วยน้ำชาให้ “นายท่าน ดื่มให้ชุ่มคอหน่อยเถอะ”

ซ่งหยวนเต๋อรีบเปิดฝาถ้วยชาแล้วดื่มหลายอึก ฉวยโอกาสปิดบัง และฉวยโอกาสคิดหาคำตอบเช่นกัน

หลังจากวางน้ำชาลงแล้ว ซ่งหยวนเต๋อก็คลำกำไลเก็บสมบัติบนข้อมือ ไอแห้งๆ หนึ่งทีแล้วตอบว่า “เซียงหัว ถึงยังไงพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ถ้าท่านจอมพลได้ดี ข้าถึงจะได้อาศัยบารมีไปด้วย”

เส้าเซียงหัวชำเลืองมองกำไลเก็บสมบัติบนข้อมือเขาแวบหนึ่ง ทำให้รู้สึกทั้งโมโหทั้งอยากขำทันที อ้อมค้อมอยู่ตั้งนานก็เพื่อสิ่งนี้ กังวลว่าว่าถ้าตระกูลลิ่งหูล้มแล้วจะไม่มีใครให้แบมือขอเงิน

นางนับว่าเข้าใจแล้ว แต่ก็ค่อนข้างปลื้มใจ ต่อให้ท่านน้าจะยากจนอย่างไร แต่ถึงอย่างไรก็หวังดีกับตระกูลลิ่งหู นับว่าไม่เสียแรงเปล่าที่ให้เงินมาหลายปี นับว่ามีมโนธรรมอยู่บ้าง นางเอ่ยถามพร้อมยิ้มบางๆ “ท่านน้ายังเข้าใจเรื่องพวกนี้ด้วยเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำดูถูกแบบนี้ ซ่งหยวนเต๋อก็ไม่ยอมเลย ถลึงตาบอกทันทีว่า “เซียงหัว ฟังเจ้าพูดเข้าสิ เรื่องที่ใช้แค่สมองคิดแล้วพูดออกมาโดยไม่ต้องฝึก มีใครบ้างที่ทำไม่ได้! ข้าแค่ไม่ได้อยู่ใจตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่อย่างนั้นก็ไม่ด้อยกว่าใคร…”

เส้าเซียงหัวรีบยื่นมือห้าม กลัวท่านนี้จะแบมือขอตำแหน่งขุนนางอีก รีบเปลี่ยนประเด็น “ตามที่ท่านบอก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับอ๋องสวรรค์อิ๋ง ท่านจอมพลจะไม่หมดหนทางหรอกเหรอ?”

ซ่งหยวนเต๋อพูดเหมือนไม่ใส่ใจว่า “ใครว่าล่ะ นั่นมันความคิดอ่านของสตรี พวกเจ้าไปขอพึ่งพาตำหนักนารีสวรรค์ได้อยู่แล้ว! ตำหนักนารีสวรรค์ยังมีอาณาเขตที่ควบคุมโดยตรงไม่ใช่เหรอ!”

……………