ราชันเร้นลับ 1322 : ถ่วงเวลา

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ได้ยินคำถามของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ สมาชิกคนอื่นของชุมนุมทาโรต์มีปฏิกิริยาสามแบบ:

“ใครกัน? ดูเหมือนจะเคยได้ยินชื่อ… หนึ่งในสี่ราชา?”

“ใครกัน? ทำไมถึงไม่เคยได้ยินชื่อ…”

และ

“จริงสิ เราลืมถามเกี่ยวกับเรื่องของสมาคมแปรจิตไปเลย ตอนแรกคิดจะขอแนะนำจากทุกคนทางอ้อม…”

ปฏิกิริยาแรกเป็นของอัลเจอร์ แคทลียา และฟอร์สซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลมาระยะหนึ่ง ปฏิกิริยาที่สองเป็นของเลียวนาร์ด เอ็มลิน ซิล และเดอร์ริค และอันสุดท้ายเป็นของออเดรย์คนเดียว

เมื่อเห็นว่าไม่มีคำตอบ เกอร์มัน·สแปร์โรว์มิได้ถามต่อ จุดประสงค์หลักที่พูดขึ้นมาก็เพื่อเตือนมิสจัสติสให้ปรึกษาทุกคนเกี่ยวกับสมาคมแปรจิตโดยไม่ให้ผิดคำสัญญา

แน่นอนว่า หากมิสจัสติสขอความช่วยเหลือจากเดอะฟูล ไคลน์จะใช้พลัง ‘ปลูกถ่าย’ เพื่อเชื่อมต่อข้อจำกัดของสัญญาในจิตใต้สำนึกของหญิงสาว เข้ากับกระดาษคนตัวแทน เธอจะสามารถเล่าอย่างอิสระได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง

นี่คือหนึ่งในคุณสมบัติของ ‘กระดาษคนตัวแทน’ ระดับสูง ด้วยระดับตัวตนในปัจจุบันของไคลน์บนปราสาทต้นกำเนิด เรื่องนี้สามารถจัดการได้ไม่ยากเย็น แต่ถ้าจะทำบนโลกความจริง ก็ต้องสั่งให้หนอนวิญญาณที่คอยเฝ้าปราสาทต้นกำเนิด ช่วยตอบสนองแทน

ออเดรย์ครุ่นคิดสักพัก

“พวกคุณยังจำได้ไหม ดิฉันเคยปรึกษาเกี่ยวกับการตามรอยมังกรจิต จนกระทั่งไปถึงหมู่บ้านที่นับถือมังกร?”

แฮงแมนอัลเจอร์ เฮอร์มิทแคทลียา และคนอื่นๆ ต่างพยักหน้า มีเพียงเดอะสตาร์เลียวนาร์ดและจัดจ์เมนต์ซิลเท่านั้นที่ไม่เคยฟัง

นั่นเพราะเรื่องนี้มิได้สลักสำคัญ เมจิกเชี่ยนฟอร์สจึงไม่ได้เล่าให้ซิลฟังก่อนจะเข้าร่วมชุมนุม และในภายหลัง หญิงสาวหวาดระแวงเทวทูตจินตภาพอาดัม จนไม่กล้าเอ่ยถึงความลับของชุมนุมทาโรต์บนโลกความจริงอีกเลย

ออเดรย์ไตร่ตรองสักพัก

“ผ่านมาเกือบสองปี องค์กรลับที่ไม่ค่อยเชื่อใจดิฉันมากนัก กลับนำประเด็นดังกล่าวมาพูดถึงอีกครั้ง และมอบหมายให้ดิฉันเป็นผู้ดำเนินการสืบสวนในเชิงลึก โดยกล่าวว่าภารกิจนี้ถือเป็นการทดลองงานไปในตัว… พวกเขาวางแผนอะไรอยู่?”

ออเดรย์ไม่คิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ

เดอะมูนเอ็มลินซึ่งฟื้นฟูสภาพจิตใจกลับมาแล้วหลายส่วน เผยรอยยิ้มและพูด

“ฟังดูเหมือนการทดสอบ”

สำหรับเอ็มลิน มันยังห่างไกลจากลำดับ 1 เทพธิดาแห่งความงามมาก และไม่คิดจะเปลี่ยนไปยังเส้นทาง ‘นักเพาะปลูก’ ในระยะนี้จึงยังไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญญาเรื่องเพศของโอสถ ยังไม่ใช่เวลามัวกังวลโดยเปล่าประโยชน์

คนอย่างเอ็มลินสามารถพูดคำว่า ‘การทดสอบ’ ออกจากปาก เขาโตขึ้นแล้วสินะ… แต่นั่นคงเป็นเพราะว่าในระยะหลังมักถูกตระกูลผีดูดเลือดทำสิ่งเดียวกันบ่อยครั้ง และต้องคอยให้แฮงแมนเน้นย้ำทุกครั้งว่า ‘นี่คือการทดสอบ’ … เดอะฟูลไคลน์พึงพอใจกับคำตอบของเอ็มลินมาก

แต่แน่นอน ชายหนุ่มไม่คิดว่าคำตอบดังกล่าวถูกต้อง เพียงแต่เมื่อพิจารณาว่าคนอย่างเอ็มลินสามารถวิเคราะห์เชิงลึก นั่นคือเรื่องน่ายินดี

จัสติสออเดรย์กล่าวเชิงไม่เห็นด้วย

“ตอนนี้พวกเขาน่าจะรู้อยู่เต็มอกว่าฉันคือตัวปัญหา และรู้ว่าปัญหาของฉันอยู่ตรงจุดไหน มีองค์กรใดอยู่เบื้องหลัง ไม่มีความจำเป็นต้องทดสอบอะไรอีกแล้ว”

หลังออกจากสวดเอเดน หญิงสาวครุ่นคิดในหลายสิ่ง และนึกขึ้นได้ว่า เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์เคยเล่าว่า สภานักสิทธิ์สนธยาต้องการสร้างสงครามที่ลุกลามไปทั่วโลก

พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน พวกมันน่าจะบรรลุเป้าหมายไปแล้วในปีก่อน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สภานักสิทธิ์สนธยา หรือเทวทูตจินตภาพอาดัม สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มากมายจากเหตุการณ์ดังกล่าวและถีบตัวเองอย่างก้าวกระโดด

และก่อนหน้านั้น มิสเตอร์ฟูลเคยเตือนว่า อาดัมห่างจากบัลลังก์เทพเพียงไม่กี่ก้าว

เมื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาประกอบกัน ออเดรย์สามารถสรุปได้ว่า มีโอกาสสูงที่เทวทูตจินตภาพอาดัม จะได้เถลิงบัลลังก์เทพแท้จริงลำดับ 0 เรียบร้อยแล้วและกลายเป็นนักสร้างฝันเต็มตัว

หรือต่อให้ไม่ใช่ แต่ก็ต้องใกล้เคียงมาก!

เมื่อตระหนักว่าถูกทวยเทพในขอบเขตจิตใจ ‘จ้องมอง’ ออเดรย์ไม่เชื่อว่าความลับของเธอจะยังไม่ถูกเปิดเผย

สำหรับตอนนี้ ออเดรย์ทำได้แค่ภาวนาให้ผู้นำสมาคมนักสิทธิ์สนธยา และผู้ชักใยเบื้องหลังสมาคมแปรจิต ไม่ใส่ใจกับนักบุญลำดับ 4 อย่างเธอมากนัก ในขณะเดียวกัน หญิงสาวมิได้ประมาท ยังคงทำทุกวิถีทางเพื่อรับมือ ‘เหตุไม่คาดฝัน’ อย่างเต็มที่

“บางที สิ่งที่องค์กรดังกล่าวอยากทดสอบ คือจำนวนสมาชิกของชุมนุมทาโรต์ รวมถึงตัวตนที่แท้จริงของทุกคน” เดอะมูนเอ็มลินยังคงแน่วแน่ในหลักการของตัวเอง

จัสติสออเดรย์ไตร่ตรองสักพักก่อนจะพยักหน้า

“นั่นก็มองข้ามไม่ได้”

กล่าวจบ หญิงสาวชำเลืองสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ และพบว่ามิสเตอร์ฟูลยังคงนั่งฟังอย่างผ่อนคลาย ไม่มีทีท่าว่ามอบคำตอบ

ฉากดังกล่าวทำให้ออเดรย์เบาใจลงเล็กน้อย ขณะเดียวกันก็เตือนตัวเองให้เพิ่มความระมัดระวัง อย่าได้เหลิงว่าเป็นถึงลำดับ 4 แล้ว ยังมีปัญหาอีกหลายด้านที่เธอมิอาจแก้ไขได้ตามลำพัง

สำหรับเจ็ดโบสถ์หลักและองค์กรลับทั่วไป นักบุญลำดับ 4 หมายถึงตัวตนเบื้องบนซึ่งมีอำนาจสูงสุดในดินแดนที่ตนรับผิดชอบ

ขณะเดียวกัน หลังจากได้ฟังบทสนทนา แฮงแมนอัลเจอร์เสนอความเป็นไปได้ในทิศทางใหม่:

“หากองค์กรดังกล่าวไม่เชื่อใจคุณจริงๆ ช่วงเวลาทดลองงานก็คงเป็นเพียงข้ออ้าง จุดประสงค์ที่แท้อาจเป็น… ต้องการร่วมมือกับชุมนุมทาโรต์หรือมิสเตอร์ฟูลผ่านคุณ”

อัลเจอร์ไม่ทราบว่าทำไมมิสจัสติสถึงไม่เอ่ยชื่อสมาคมแปรจิตออกมาตรงๆ จึงทำเพียงไหลไปตามน้ำอย่างชาญฉลาด

หืม… หมายความว่า เรากำลังจะได้เป็นคนกลางระหว่างสมาคมแปรจิตกับชุมนุมทาโรต์? จัสติสออเดรย์ผงกศีรษะเล็กน้อย

“นั่นก็เป็นไปได้ แล้วดิฉันควรทำอย่างไรต่อ?”

แฮงแมนอัลเจอร์ไตร่ตรองสักพัก

“ถ่วงเวลาไว้”

เห็นด้วย… เมจิกเชี่ยนฟอร์สและเดอะมูนเอ็มลิน เห็นพ้องในใจพร้อมกัน

หลังจากอัลเจอร์อธิบายภาพรวมของกลยุทธ์ มันเสริมรายละเอียด

“ถ่วงเวลาไม่ไปสืบสวนที่นั่น หาข้ออ้างจนถึงนาทีสุดท้าย… และเมื่อไปถึง ให้คุณเริ่มสืบจากรอบนอกก่อน โดยอ้างว่าทำไปเพื่อความปลอดภัย แต่ความจริงแล้วเพื่อถ่วงเวลา… แต่ถ้าถ่วงเวลาไม่ได้แล้ว คุณยังมีไพ่ตายในการแกล้งทำพลาดในบางเรื่อง ก่อความวุ่นวายขึ้นในระดับหนึ่งจนมังกรจิตตระหนักถึงและรีบหนีไปพร้อมกับขจัดร่องรอย… หากองค์กรลับดังกล่าวมีจุดประสงค์แอบแฝงจริง ยิ่งคุณล่าช้ามากเพียงใด พวกเขาก็ยิ่งนั่งไม่ติดเก้าอี้ และเมื่อความอดทนหมดลง ปัญหาก็จะเผยออกมา”

เฮอร์มิทแคทลียาพยักหน้า

“นั่นคือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในเวลานี้”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณทุกคนมากค่ะ” จัสติสออเดรย์เองก็คิดว่าคำแนะนำของมิสเตอร์แฮงแมน สอดคล้องกับสิ่งที่เธอต้องการ

อย่างไรก็ดี ในบางเรื่อง หญิงสาวไม่มัวถ่วงเวลา รีบหันศีรษะไปทางสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวและกล่าวอย่างสำรวม

“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ เทวทูตจินตภาพอาดัม กลายเป็นลำดับ 0 แล้วใช่ไหมคะ?”

ไม่เลว ตระหนักถึงเรื่องนี้ได้เอง… เดอะฟูลไคลน์เอนหลังพิงเก้าอี้พลางหัวเราะในลำคอ

“ในที่สุดเขาก็ลงมือได้สักที คงเป็นเพราะวันสิ้นโลกใกล้เข้ามา”

ระดับตัวตนของสวนเอเดนทำให้ไคลน์ค่อนข้างมั่นใจว่าอาดัมคือนักสร้างฝัน

เทวทูตจินตภาพอาดัมกลายเป็นเทพแล้ว? ข้อมูลดังกล่าวดังก้องในหัวเดอร์ริคเป็นเวลานาน มิอาจรักษาความสุขุมไปได้พักหนึ่ง

อย่างที่คิด… จัสติสออเดรย์เม้มปากขอบคุณ ก่อนจะถามต่อ

“ดิฉันต้องจ่ายด้วยสิ่งใดเพื่อแลกเปลี่ยนกับคำตอบ”

เดอะฟูลไคลน์มองไปรอบตัว

“ไม่จำเป็น… ก็แค่การเตือนความจำ”

หลังจากหัวข้อดังกล่าวจบลง อาจเป็นเพราะสมาชิกส่วนใหญ่ของชุมนุมทาโรต์ยังคงตกตะลึงอยู่กับการเถลิงบัลลังก์เทพของอาดัม บรรยากาศจึงเงียบสงัดเป็นเวลานาน

ผ่านไปสักพัก เดอร์ริคเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะถาม

“เมืองเงินพิสุทธิ์ทำการเพาะปลูกข้าวสาลีและพืชผลชนิดอื่นในทุ่งนาโดยรอบแล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีกสักพักกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ผมอยากทราบว่าพวกเราควรทำอย่างไรจึงจะมีเงินซื้อเสบียงประทังชีวิตในระหว่างนี้”

หลังจากสิ้นสุดการช่วยเหลือเบื้องต้น วิหารเทพสมุทรและรัฐบาลหมู่เกาะรอสต์ก็หยุดให้ความช่วยเหลือฟรีกับชาวเมืองเงินพิสุทธิ์และจันทรา เพราะต้องไม่ลืมว่า งบในคลังของพวกมันมีจำกัด ดังนั้น ทั้งสองเมืองจึงต้องทยอยขายตะกอนพลังออกไปจำนวนหนึ่งเพื่อแลกเหรียญทองมาใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น

อย่างไรก็ดี เมื่อทางเข้าดินแดนเทพทอดทิ้งปิดตัวลง การรวบรวมตะกอนพลังและหนังสัตว์ก็ทำไม่ได้อีกต่อไป และแน่นอนว่าทั้งเมืองเงินพิสุทธิ์และจันทราไม่คิดจะปลดประจำการกองทัพของตัวเองและนำตะกอนพลังไปขายกิน พวกมันยังคงต้องการฝึกทหารรุ่นใหม่และเตรียมตะกอนพลังไว้ให้ลูกหลาน ดังนั้น หากทองปอนด์ ทอง เครื่องประดับ และทรัพย์สินอื่นที่พอจะขายได้หมดลง สถานการณ์ของทั้งสองเมืองจะถึงคราววิกฤติ

ด้วยเหตุผลข้างต้น หกสภาอาวุโสจึงเริ่มไม่สบายใจ เนื่องจากพวกมันไม่ชำนาญระบบเศรษฐกิจและการหาเงินบนโลกภายนอก

ตะกอนพลังที่ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์และจันทราขาย เกือบทั้งหมดถูกซื้อโดยโบสถ์เทพสมุทรและรัฐบาลหมู่เกาะรอสต์เพื่อนำไปสร้างหน่วยพิเศษของตัวเอง ต้องไม่ลืมว่า จำนวนผู้วิเศษที่ใช้จู่โจม กับจำนวนที่ใช้รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

นอกจากนั้น ทั่วทั้งหมู่เกาะรอสต์ยังมีครึ่งเทพเพียงเทพสมุทรคาเวทูว่าและพระคาร์ดินัลอัลเจอร์·วิลสันแห่งโบสถ์วายุสลาตัน เรียกได้ว่ายังไม่เพียงพอสำหรับการสร้างระบบปกครองใหม่ และต้องไม่ลืมว่า โบสถ์วายุกับโบสถ์เทพสมุทรมิได้เป็นพันธมิตรกัน

หลังจากได้ยินเดอะซันน้อยขอความช่วยเหลือ สมาชิกชุมนุมทาโรต์เริ่มเค้นสมองคิดอย่างจริงจังว่า เมืองเงินพิสุทธิ์และเมืองจันทราสามารถหาเงินได้ด้วยวิธีใดบ้าง

จัสติสออเดรย์ไตร่ตรองก่อนจะถาม

“พวกคุณถนัดด้านใดที่สุด”

“ต่อสู้” เดอร์ริคตอบโดยไม่ลังเล

แฮงแมนอัลเจอร์พยักหน้ารับเมื่อได้ยิน

“แม้สงครามโลกจะจบลงแล้ว แต่ตามดินแดนอาณานิคมยังไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยดีนัก หลายแห่งยังมีความโกลาหลและเกิดสงครามย่อยอย่างต่อเนื่อง พวกคุณสามารถจัดทีมทหารรับจ้างสักสองถึงสามทีมแล้วประกาศหางานจากกองกำลังภายนอก”

กองทัพรับจ้าง… ไคลน์ผุดชื่อสมัยใหม่ขึ้นในใจ

“เป็นตัวเลือกที่ดี” ดวงตาเดอร์ริคเริ่มส่องประกาย

แฮงแมนอัลเจอร์เปลี่ยนคำถาม

“การต่อสู้ถือเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดมากกว่าอาชีพ นอกจากเรื่องนี้ พวกคุณอยากทำอะไรเป็นพิเศษไหม”

เดอะซันเดอร์ริคตอบด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน

“หลายคนอยากเป็นพ่อครัว คนหมักเหล้า หรือไม่ก็ทำงานในโรงงานลูกอม…”

…………………………