เดอะฟูลไคลน์มองไปรอบตัว แต่มิได้อธิบายคำตอบที่ทุกคนกำลังคาดหวัง เพียงถอนหายใจ ยิ้มและตั้งคำถาม:
“พวกเจ้าคิดว่ายี่สิบสองเส้นทางผู้วิเศษมาจากสิ่งใด”
นี่คือหนึ่งในสามคำถามอันโด่งดังของโลกเหนือธรรมชาติ ไม่เคยมีคำตอบใดถูกลงมติให้เป็นคำตอบที่ถูกต้อง ทุกสำนักล้วนมีทฤษฎีเป็นของตัวเอง และไม่มีใครสามารถโน้มน้าวใคร
เฮอร์มิทแคทลียาไตร่ตรองสักพักก่อนจะตอบ
“แก่นของโลกคือความรู้ แก่นแท้ของความรู้คือข้อมูล มนุษย์เองก็เป็นข้อมูล ยี่สิบสองเส้นทางผู้วิเศษก็เป็นข้อมูลเช่นกัน ทุกสิ่งล้วนเกิดจากกระแสข้อมูล เป็นเช่นนี้เสมอมาและตลอดไป”
สิ่งที่เธอพูดคือทฤษฎีของนิกายมอสส์ แต่นั่นไม่ใช่มุมมองของเธอ
“ศาสนจักรทั้งเจ็ดเชื่อว่าตะกอนพลังมาจากพระผู้สร้างต้นกำเนิดซึ่งแบ่งตัวเองกลายเป็นทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะทวยเทพ มนุษย์ ทะเล ผืนดิน และตะกอนพลัง” เดอะสตาร์เลียวนาร์ดอธิบายกระชับ “ข้อมูลที่ผมกำลังจะเล่าถัดไปคือสิ่งที่เบื้องบนของศาสนจักรบอกกับอาวุโสใหญ่ ผู้วิเศษลำดับตั้งแต่ 6 ลงมาจะไม่ได้ทราบในเชิงลึก”
จากนั้น มันชำเลืองไปทางเอ็มลิน
“โรงเรียนชีวิตเชื่อว่า โลกแบ่งออกเป็นสามชั้น ประกอบด้วยโลกวัตถุ โลกวิญญาณ และโลกแห่งเหตุผลสัมบูรณ์ ตะกอนพลังคือภาพฉายจากโลกแห่งเหตุและผลสัมบูรณ์ที่ส่องลงมายังโลกวัตถุและโลกวิญญาณ ดังนั้น ตะกอนพลังจึงมิอาจถูกทำลาย ทำได้เพียงป่นและจัดระเบียบใหม่”
เท่าที่ฟัง โลกแห่งเหตุผลสัมบูรณ์ของโรงเรียนชีวิตน่าจะหมายถึงแม่น้ำแห่งชะตากรรม… เดอะฟูลไคลน์หวนนึกถึงวิล·อัสติน อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มยังคงเอาแต่นิ่งโดยไม่ขัดขวางการอธิบายของสมาชิกชุมนุมทาโรต์
เดอะมูนเอ็มลินหันไปมองเดอะสตาร์
“ในฐานะหนึ่งในผู้ปกครองแห่งยุคสมัยที่สอง ตระกูลผีดูดเลือดเชื่อว่าตะกอนพลังมีต้นกำเนิดจากพระผู้สร้างต้นกำเนิด การหลอมรวมกันของตะกอนพลังทำให้เกิดเทพบรรพกาล และเทพบรรพกาลทำให้เกิดเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างกันไป”
นั่นคือคำอธิบายซึ่งตระกูลผีดูดเลือดใช้นิยามยุคสมัยที่หนึ่ง แต่เอ็มลินยังไม่ปักใจเชื่อเต็มร้อย เพราะมันมีโอกาสเข้าถึงความลับในเชิงลึกมากมายผ่านชุมนุมทาโรต์
อัลเจอร์พยักหน้าเล็กน้อย
“แม้คำนิยามของตะกอนพลังจะแตกต่างกันไปในแต่ละสำนัก แต่ส่วนใหญ่ก็ชี้ไปยังพระผู้สร้างต้นกำเนิด จุดนี้เป็นคำสอนที่คล้ายคลึงกันของเจ็ดโบสถ์หลัก ชุมนุมแสงเหนือ และเมืองเงินพิสุทธิ์”
“กล่าวคือ ความเชื่อที่ว่าตะกอนพลังมาจากพระผู้สร้างต้นกำเนิดค่อนข้างเป็นสากล?” ออเดรย์ถามด้วยสีหน้าครุ่นคิด
สมาคมแปรจิตเน้นศึกษาในขอบเขตของจิตใจและโลกวิญญาณ จึงไม่สันทัดด้านทฤษฎีเกี่ยวกับต้นกำเนิดตะกอนพลัง
“ประมาณนั้น” แฮงแมนอัลเจอร์ตอบโดยไม่ปิดบัง
ทันใดนั้นเอง เดอะฟูลไคลน์กล่าวพลางถอนหายใจ
“ไม่ใช่ทั้งหมด”
มันมิได้สาธยายยาว เพียงให้คำตอบคลุมเครือ
ไม่ใช่ทั้งหมด… มิสเตอร์ฟูลหมายความว่า ตะกอนพลังส่วนใหญ่มาจากพระผู้สร้างต้นกำเนิด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด มีบางส่วนเป็นกรณีพิเศษ? นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม เส้นทางนักเพาะปลูกและจันทราถึงพิเศษกว่าเส้นทางอื่น? แฮงแมนอัลเจอร์ครุ่นคิดหลายสิ่ง ก่อนจะจับประเด็นของปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากแทบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ ฟอร์สจึงนั่งฟังอย่างเงียบงันมาตลอด จนกระทั่งตัดสินใจถามด้วยความสงสัย
“เรียนมิสเตอร์ฟูลที่เคารพ ท่านหมายความว่า ตะกอนพลังเกือบทุกเส้นทางมาจากพระผู้สร้างต้นกำเนิด ยกเว้นสองเส้นทางอย่างนักเพาะปลูกและจันทรา… เช่นนั้นแล้ว พวกมันมาจากไหน?”
เดอะฟูลไคลน์ตอบอย่างรอบคอบ
“อวกาศ”
อวกาศ… เดอะมูนเอ็มลินเริ่มตื่นตัว มันพบว่าปัญหาอาจร้ายแรงกว่าที่ตนจินตนาการ
ชุมนุมทาโรต์เคยแบ่งปันอันตรายเกี่ยวกับใต้ดินและอวกาศมาแล้วหลายหน สมาชิกทุกคนล้วนทราบว่า เพียงทำความเข้าใจ ก็มากพอจะทำให้ถูกพวกมันกัดกร่อน
เมื่อจัสติสออเดรย์ เฮอร์มิทแคทลียา และคนอื่นๆ หันมองหน้ากัน เดอะฟูลไคลน์ยังถอนหายใจและกล่าวเสริม
“ไม่ใช่แค่สองเส้นทางนี้”
มันและเจ็ดแสงพิสุทธิ์มีการสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และได้ข้อสรุปว่า มีหกจากยี่สิบสองเส้นทางที่มาจากเทพภายนอก
“เรียนมิสเตอร์ฟูล ยังมีเส้นทางใดอีกบ้างที่มาจากอวกาศ?” จัสติสออเดรย์ยกมือถามตามนิสัย สีหน้าแฝงความกังวลและอยากรู้
เดอะฟูลไคลน์ตอบกระชับ
“นักโทษ อาชญากร นักกฎหมาย ผู้ตัดสิน”
สองเส้นทางแรกมาจากมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย และสองเส้นทางหลัง รวมถึง ‘แคว้นแห่งความยุ่งเหยิง’ นั้นมาจาก ‘บุตรแห่งปฐมกาล’
ความโกลาหลสร้างระเบียบ และระเบียบก็มีเงาเป็นของตัวเอง
ผู้ตัดสิน… เมจิกเชี่ยนฟอร์สหันไปมองซิลด้วยท่าทีประหลาดใจ
เธอคิดมาตลอดว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกับตน จึงเอาแต่นั่งฟังอย่างไรกังวล ใครจะไปคิดว่าไฟจะลามมาถึงประตูบ้านอย่างรวดเร็วเช่นนี้
จัดจ์เมนต์ซิลขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องสุดขอบโต๊ะทองแดงยาวและกล่าว
“เรียนมิสเตอร์ฟูล ดิฉันไม่เคยสัมผัสถึงความปรกติแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยได้รับวิวรณ์จากใคร… เอ่อ… นอกจากท่าน”
เดอะฟูลไคลน์ยิ้ม
“นักกฎหมายและผู้ตัดสินยังดีกว่ามาก”
เท่าที่มันทราบ บุตรแห่งปฐมกาลมิได้แผ่อิทธิพลในเชิงลึกกับเส้นทางผู้ตัดสินและนักกฎหมาย ไม่ร้ายแรงเท่ากับที่มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายทำต่อ ‘นักโทษ’ กับ ‘อาชญากร’ และที่มารดาเทพธิดาแห่งความเสื่อมทรามทำต่อ ‘นักเพาะปลูก’ กับ ‘จันทรา’ เทพภายนอกตนนี้สงบนิ่งมานานราวกับหายตัวไป
เมจิกเชี่ยนฟอร์สและจัดจ์เมนต์ซิลต่างถอนหายใจโล่งอก ขณะเดียวกันก็เริ่มตื่นตัวกับอนาคต
เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์ฟูลมิได้อธิบายเพิ่มเติม เดอะมูนเอ็มลินจำแนกความคิดก่อนจะสรุปผล
“ตะกอนพลังของเส้นทางนักเพาะปลูกและจันทรามาจากอวกาศ… วิวรณ์ที่ได้รับอาจทำให้ถูกกัดกร่อน?”
แฮงแมนอัลเจอร์ชำเลืองมิสเตอร์ฟูลสุดขอบโต๊ะทองแดงยาว เมื่อพบว่าอีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะตอบ มันหันไปพยักหน้าให้เอ็มลิน
“คงเป็นเช่นนั้น”
นี่คือบททดสอบของเรา… เดอะมูนเอ็มลินแอบถอนหายใจ ตามด้วยกล่าว
“ข้ามีโอกาสได้ทราบชื่อโอสถลำดับสูงของเส้นทางนักเพาะปลูกและจันทรา และค่อนข้างฉงนในหลายสิ่ง”
หลังจากกลายเป็นเอิร์ลผีดูดเลือดและอาวุโสใหญ่แห่งโบสถ์พระแม่ธรณี เอ็มลินมีอำนาจในการเข้าถึงข้อมูลที่สูงขึ้น
เมื่อเห็นว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของชุมนุมทาโรต์มองมาทางตน และเดอะเวิร์ลเลื่อนมือขึ้นมาจับคาง เอ็มลินกล่าวอย่างไตร่ตรอง
“ลำดับ 3 ของเส้นทางจันทรามีชื่อว่า ‘จอมอาคมอัญเชิญ’ ลำดับ 2 ‘ผู้มอบชีวิต’ ลำดับ 1 ‘เทพธิดาแห่งความงาม’ … ลำดับ 3 ของเส้นทางนักเพาะปลูกมีชื่อว่า ‘คนแบกโลง’ ลำดับ 2 ‘มารดามหาแพร่พันธุ์’ ลำดับ 1 ‘นักท่องธรรมชาติ’ … ที่ข้าฉงนก็คือชื่อของโอสถ ‘เทพธิดาแห่งความงาม’ และ ‘มารดามหาแพร่พันธุ์’ ซึ่งฟังดูเหมือนมีการระบุเพศสภาพ… พวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร”
“…” ชั่วขณะหนึ่ง ไม่มีสมาชิกชุมนุมทาโรต์คนใดกล่าวสิ่งใดออกมา เพียงมองหน้ากันพลางผุดข้อสันนิษฐาน
ผ่านไปไม่กี่วินาที จัสติสออเดรย์ละสายตากลับและกล่าวอย่างไตร่ตรอง
“ดินฉันจำได้ว่า ลำดับ 7 ของเส้นทางนักลอบสังหารมีชื่อว่า ‘แม่มด’ และนักลอบสังหารที่ดื่มโอสถดังกล่าวจะกลายเป็นแม่มดไปจริงๆ”
…นี่ก็เป็นบททดสอบของเรา… ริมฝีปากเอ็มลินสั่นกระตุก แต่มิได้กล่าวคำใดออกมา
หลังจากเห็นชื่อโอสถ มันผุดลางสังหรณ์ที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ไม่เต็มใจจะยอมรับ ตัดสินใจรอฟังคำอธิบายที่ชัดเจนจากชุมนุมทาโรต์
ไม่ต้องกังวล นายไม่มีทางได้เป็นเทวทูตอยู่แล้ว โอกาสต่ำมาก… หรือต่อให้โชคดีทำได้ ก็คงไม่ได้เป็นเทพธิดาแห่งความงาม… ไคลน์พึมพำเงียบ มิได้กล่าว ‘ปลอบใจ’ อีกฝ่าย
บรรยากาศการชุมนุมเงียบงันไปสักพัก จนกระทั่งเดอะสตาร์เลียวนาร์ดกระแอมแห้งและพูดขึ้น
“ผมมีบางสิ่งอยากแบ่งปัน”
มันเล่าอย่างไม่รีบร้อนในประเด็นเกี่ยวกับนักมายากลพเนจร เมอร์ลิน·เฮอร์มิส การฟื้นฟูเมืองคอนสแตนในชั่วข้ามคืน และเครื่องแจกพรอัตโนมัติ
ขณะเล่า มันชำเลืองสายตาไปทางเดอะเวิร์ลไคลน์เป็นพักๆ
มุมปากไคลน์กระตุกแผ่วเบา พลางบังคับให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์มองตรงและกล่าว
“ผมกำลังจะออกจากชายฝั่งตะวันออกของแคว้นเลียบทะเลในอีกไม่ช้า”
เห… ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของมิสเตอร์เวิร์ลเองหรือ? สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ระดับนี้เชียว? สมแล้วที่เป็นเทวทูต เป็นเขานี่เอง… จัสติสออเดรย์หวนนึกถึงข้อมูลที่มิสเตอร์ตะกละ หนึ่งในคณะกรรมการของสมาคมแปรจิตแบ่งปัน ภายในใจทั้งตกตะลึงและชื่นชม
เธอมิได้ใช้พลังของผู้ชมเพื่อปกปิดอากัปกิริยาดังกล่าว เพราะทุกคนต่างเผยสีหน้าแบบเดียวกัน ยกเว้นเพียงเดอะสตาร์ที่ทราบอยู่ก่อนแล้ว
เมอร์ลิน·เฮอร์มิส นักมายากลพเนจร… เมจิกเชี่ยนฟอร์สแอบบันทึกชื่อไว้ในใจ และสาบานกับตัวเองว่าจะรีบออกห่างให้ไกลที่สุดถ้าได้ยินชื่อดังกล่าวในอนาคต
นี่มิใช่เพราะเธอยังหวาดกลัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เพียงแต่เธอตระหนักถึงสัจธรรมหนึ่งข้อ:
ดินแดนรอบตัวเกอร์มัน·สแปร์โรว์ไม่เคยสงบสุข ต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นเสมอ
แต่แน่นอน ความกลัวที่เธอมีต่ออีกฝ่ายยังไม่เลือนหายไปทั้งหมด เหมือนกับสิ่งที่เคยกลัวตอนเด็ก จะยังคงกลัวอยู่ในตอนโต
ชื่นชอบการเติมเต็มความปรารถนาให้ผู้คน… เครื่องแจกพรอัตโนมัติ… นี่คือการสวมบทบาทของเกอร์มัน·สแปร์โรว์? แฮงแมนอัลเจอร์และเฮอร์มิทแคทลียาผุดความคิดที่คล้ายคลึง จากนั้น พวกมันหวนนึกถึงหนึ่งสิ่ง
ผ่านมาสักพักแล้วที่มิสเตอร์ฟูลบอกให้ทุกคนสวดวิงวอนในรูปแบบ ‘การขอพร’
ท่านกำลังช่วยเดอะเวิร์ลย่อยโอสถ? หรือว่าอยู่บนเส้นทางเดียวกัน และหลังจากฟื้นคืนพลังในระดับหนึ่ง ท่านได้รับคุณสมบัติเดิมกลับคืน? เดอะซันน้อยเคยเล่าว่า มิสเตอร์ฟูลเคยแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นด้วยการย้ายผู้คนจากดินแดนเทพทอดทิ้งมายังนอกบายัมในพริบตา… ถ้าพิจารณาจากการที่เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์ยังคงสวมบทบาทอยู่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำได้ด้วยพลังในปัจจุบัน… อัลเจอร์พยักหน้าแผ่วเบา คาดเดาเส้นทางของมิสเตอร์ฟูลอย่างคลุมเครือ
กำลังจะไปจากชายฝั่งตะวันออกของแคว้นเลียบทะเล? เยี่ยมเลย การสืบสวนของเราจะได้ง่ายขึ้น แค่สรุปว่าเมอร์ลิน·เฮอร์มิสคือเกอร์มัน·สแปร์โรว์ที่กำลังสวมบทบาทเป็นผู้ชี้นำปาฏิหาริย์… นี่คือสิ่งที่หลายฝ่ายรู้อยู่แล้ว… เลียวนาร์ดนิ่งเงียบ เพียงรำพันในใจโดยไม่กล่าวสิ่งใดเพิ่มเติม
ทันใดนั้น เกอร์มัน·สแปร์โรว์มองไปรอบๆ และกล่าว
“มีใครมีข้อมูลของ ‘ราชาบัลลังก์มืด’ บารอส·ฮ็อปกินส์บ้าง?”
………………………