ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 946 เศษวิญญาณของอีกาทอง

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

อีกาทองสามขาปรากฏกาย แสงอาทิตย์ส่องระยิบระยับ

สายตาของมันอดตกลงบนตราประทับตะวันที่อยู่เหนือศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้

ใต้หล้ายิ่งใหญ่ มีคนร้ายกาจมากมาย หลักการวรยุทธ์ที่คล้ายกันหรือเหมือนกัน มักจจะมีการสืบทอดไม่ต่ำกว่าหนึ่ง

ในสถานการณ์เช่นนี้ มักจะไม่เกิดความรู้สึกว่าใกล้ชิดกัน

ในทางตรงกันข้าม ขุมกำลังแต่ละขุมกำลังจะแบ่งความแข็งแกร่งอ่อนแออย่างชัดเจน ไม่เช่นนั้นโดยมากแล้วจะไม่มีใครยอมใคร คิดว่าตัวเองต่างหากถึงเป็นสำนักหลัก ส่วนที่เหลือเป็นพรรคนอกรีต ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจึงไม่ปรองดองกัน

พระอาทิตย์ ในฐานะหนึ่งในเก้านพเคราะห์ และเป็นดวงอาทิตย์บนฟากฟ้าที่เห็นได้บ่อยที่สุด ละลานตาที่สุด ย่อมมีคนไม่น้อยที่ศึกษา

ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ ตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณ หุบเขาอีกาทองหรือแม้แต่สำนักประกายกาฬ ก็มีการศึกษามันเช่นกัน

เมื่อเทียบกัน ขณะที่สำนักประกายกาฬศึกษาความลี้ลับของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ หลักๆ แล้วได้แก่นแท้แสงสว่างของพวกมันไปมากกว่า

หากบอกว่าเป็นการวิเคราะห์ดวงอาทิตย์ มิสู้บอกว่าเป็นการวิเคราะห์ความหมายแท้จริงของแสงสว่างจะดีกว่า

คัมภีร์อีกาทองผลาญโลกของหุบเขาอีกาทอง เอนเอียงไปทางความน่ากลัวของการลุกไหม้ตลอดกาลของดวงอาทิตย์ ที่เมื่อถึงขีดสุดแล้วจะสามารถเผาฟ้าเผาดินได้

การสืบทอดวรยุทธ์ของพวกเขา นอกจากการวิเคราะห์ปราณหยางของดวงอาทิตย์แล้ว ยังมีลมปราณธาตุไฟด้วย

เทียบกันแล้ว ตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณจะอยู่ตรงกลาง วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงของดวงอาทิตย์

ต่อมาคัมภีร์เทพพระอาทิตย์ที่ใช้คัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณเป็นรากฐาน และเกิดตามมาทีหลัง ก็มีความล้ำลึกและมีความเฉพาะเจาะจงมากกว่า

ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ หุบเขาอีกาทองกับตำหนักอาทิตย์ไร้ประมาณไม่ลงรอยกัน ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร

ส่วนเขาสามขาในปัจจุบันที่แม้จะได้รับการสืบทอดจากหุบเขาอีกาทอง แต่ก็เอนเอียงไปทางคัมภีร์เทพพระอาทิตย์มากกว่า

เพียงเพราะบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งช่วยพวกเขาเสริมคัมภีร์อีกาทองผลาญโลก กล่าวโดยไม่ได้ตั้งใจหนึ่งประโยคว่า

‘คัมภีร์อาทิตย์ไร้ประมาณยังพอว่า คัมภีร์เทพพระอาทิตย์กับคัมภีร์หยางสุดขีดสร้างโลก ไม่ใช่สมบัติที่มีค่าสำหรับพวกท่านเท่าไร’

ตอนนี้พอเห็นตราประทับตะวันบนศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอ สายตาของคนจากเขาสามขาก็สั่นไหวทันที

‘ศิษย์พี่เจ้าสำนัก ตามคำชี้แนะของคุณชาย ผนึกป้องกันของที่แห่งนี้มีสามภัยพิบัติ ตอนนี้บัวอัคคีสีทองเหล่านั้นเป็นภัยพิบัติที่สามแล้ว’ มีคนส่งกระแสเสียง กล่าวกับชายชราที่นำหน้าว่า ‘ด้านหลังไม่มีภัยพิบัติใดอีกแล้ว หลังจากเข้าไป จะเป็นใจกลางของอารามอย่างแท้จริง’

ชายชราที่นำหน้าเป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบันของเขาสามขา ไว้เคราแพ้ ใบหน้าเป็นสีทองจางๆ

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ไกลออกไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่ได้กล่าววาจา

คนด้านข้างกล่าวต่อว่า “คนผู้นี้8nvเยี่ยนจ้าวเกอจากเขากว่างเฉิง ว่ากันว่าเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน มีพลังแข็งแกร่งถึงขีดสุด ตอนนี้พอดูแล้ว เป็นเช่นนั้นจริงๆ”

“สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เขายังมีตราประทับตะวันอยู่กับตัว ตอนข้าเห็นกระบี่ในมือเขา แม้จะสู้ตราประทับตะวันไม่ได้ แต่ก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่แข็งแกร่งถึงขีดสุด…”

เขาพูดถึงตรงนี้ ชายชราผู้นั้นก็เอ่ยอย่างราบเรียบว่า “กระบี่เล่มนั้น เมื่อเทียบกับดาบอีกาทองผลาญฟ้าของพรรคเราแล้ว เกรงว่าจะแข็งแกร่งกว่า”

จอมยุทธ์เขาสามขาที่อยู่รอบๆ ขมวดคิ้ว

คนที่พูดก่อนหน้าผู้นั้นผงกศีรษะ กล่าวต่อ “ครั้งนี้แม้เราจะนำธงวิญญาณมาด้วย แต่ก่อนหน้านี้เสียพลังในทะเลรกร้างไปเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่ว่าข้าต้องการลดทอนความฮึกเหิม ทำลายความน่าเกรงขามของฝ่ายตัวเอง แต่พวกเราใช่ว่าจะแย่งชิงจากเยี่ยนจ้าวเกอนั่นได้”

วาจาพอเอ่ยออกมา ในใจคนจากเขาสามขาก็เกิดความอึดอัด

แต่พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอทำลายผนึกป้องกันของที่แห่งนี้ได้อย่างปลอดโปร่งไร้อุปสรรค ทั้งยังมีของวิเศษอยู่ในมือ ไร้ข้อกริ่งเกรงใด สติของพวกเขาก็บอกกับตัวเองว่า คนหนุ่มตรงหน้านี้สามารถอธิบายได้ด้วยคำคำเดียว

น่ากลัว!

“เช่นนั้นเจ้าว่าควรทำอย่างไร หรือพวกเราจะหันกลับไปเช่นนี้” มีคนพูดอย่างไม่พอใจ

กระนั้น ไม่ทันไรสีหน้าของคนผู้นี้ก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว “รอเดี๋ยว หรือเจ้าคิดจะ…”

จอมยุทธ์เขาสามขาที่เอ่ยวาจาเป็นคนแรกสุดลดเสียง “ว่ากันว่าเยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้กับฟู่ถิงแห่งยอดเขาอัศจรรย์สนิทสนมกัน คุณชายรองไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก”

“สำหรับพวกเรา นี่เป็นโอกาสดีในการแก้ไขข้อหนักใจให้แก่คุณชายรอง ของวิเศษที่อยู่ในที่อยู่แห่งนี้ ยังมีตราประทับตะวันนั่น หรือแม้กระทั่งอาจจะมีคัมภีร์เทพพระอาทิตย์ ชิงไปได้คราวเดียวถึงสี่อย่าง!”

จอมยุทธ์เขาสามขาต่างเงียบงันลง

มีคนเอ่ยอย่างแช่มช้า “เป็นแค้นตายที่ไม่ตายไม่เลิกราแล้ว”

พวกเขาไม่กลัวการเพาะความแค้นกับผู้คน และไม่ใช่คนมีเมตตา อย่างเช่นตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนี บอกว่าล้างสำนักก็ล้างสำนักทันที

พลังที่เยี่ยนจ้าวเกอแสดงออกมาในตอนนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเกิดความลังเล

ฆ่าเสือไม่สำเร็จ ก็อาจถูกเสือเล่นงาน

“ไม่เป็นไร” เจ้าสำนักเขาสามขาในปัจจุบัน ชายชราเคราแพะที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้พูดอะไรเอ่ยขึ้น “เตรียมแผนสำรองไว้ก่อน ถึงเวลาจะได้นำมาใช้ได้”

ในมือเขาเพิ่มดาบใหญ่ด้ามยาวเล่มหนึ่ง บนคมดาบมีแสงอาทิตย์ ด้านในปรากฏอีกาทองสามขาอย่างเลือนราง

ส่วนในมืออีกข้างของเจ้าสำนักเขาสามขาผู้นั้น มีธงคำสั่งสีเหลืองกระจ่างเพิ่มขึ้นมาเล่มหนึ่ง

จอมยุทธ์เขาสามขาคนหนึ่งด้านข้างเขารับธงคำสั่ง จากนั้นก็โบกธงครั้งหนึ่ง พลันเกิดเสียงอีการ้องที่กระจ่างชัดดังขึ้น

เสียงนั้นไม่ได้แหบแห้งเสียดแก้วหูเหมือนกับเสียงอีกาทั่วไป แต่กลับไพเราะยิ่ง

เสียงอีกาที่ดังขึ้นเต็มไปด้วยพลังแห่งความเยาว์วัย เหมือนกับดวงอาทิตย์กำลังขึ้น

เปลวเพลิงของแสงอาทิตย์ลุกโชนปรากฏในเวลาสั้นๆ คล้ายกับไม่ด้อยกว่าตราประทับตะวัน

ของเพิ่งจะออกมา เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกได้ทันที

เขาเพ่งตามองไป เห็นหลังจากจอมยุทธ์เขาสามขาผู้นั้นโบกธง เงาแสงอีกาทองตัวหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา

ดวงตาที่เหมือนกับพระอาทิตย์สองดวงตวัดมองเยี่ยนจ้าวเกอ สายตาของมันทิ่มแทง ทำให้คนไม่อาจมองได้ตรงๆ

‘ที่แท้เป็นธงวิญญาณที่ผนึกเศษวิญญาณของอีกาทองตัวหนึ่งไว้!’ เยียนจ้าวเกอพลันเข้าใจ ‘ตอนที่อีกาทองตัวนี้มีชีวิตอยู่ เกรงว่ามันจะแข็งแกร่งสุดขีด มิน่าจึงปกป้องพวกเขาให้ข้ามผ่านการขัดขวางของปราณมารทมิฬ เข้ามาในทะเลรกร้างได้’

ทว่าวิชานี้หากกระตุ้นเศษวิญญาณของอีกาทอง ก็จะทำลายคุณสมบัติวิญญาณที่อยู่ด้านใน อีกทั้งเป็นความเสียหายที่ไม่อาจย้อนคืน ยากจะรักษา สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง

เกิดใช้มากเข้าจนคุณสมบัติวิญญาณส่วนสุดท้ายหายไปหมด เมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณก็จะสลายโดยสมบูรณ์

นี่เป็นของวิเศษของเขาสามขา ทั่วทั้งสำนักล้วนทนุถนอม ไม่นำออกมาใช้ง่ายๆ

ครั้งนี้เพื่ออารามเอกนิกายรงหน้า เขาสามขานับว่าขูดเลือดตัวเองแล้ว

ธงวิญญาณโบกสะบัด เศษวิญญาณอีกาทองบินออกมา พุ่งโถมใส่เยี่ยนจ้าวเกออย่างดุร้าย

เจ้าสำนักเขาสามขายามนี้ตวาด สองมือกำดาบใหญ่สองเล่ม จากนั้นก็ลอยตัวขึ้น ฟันใส่เยี่ยนจ้าวเกออย่างหักโหม

ประกายดาบประสานกับเศษวิญญาณอีกาทองเป็นหนึ่ง เปลวเพลิงสีทองลุกไหม้โชติช่วง ครอบคลุมบริเวณรอบๆ

กงจักรสุริยันจันทรา อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่หลัวจื้อเทา เจ้าสำนักแสงสว่างเคยครอบครอง เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกาทองตัวนี้ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับแสงขนาดเท่าเม็ดข้าวกับอาทิตย์สว่างกลางหาว

แม้จะเป็นยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า ยามเผชิญกับการโจมตีนี้ก็ต้องหลบความคมกล้า

เยี่ยนจ้าวเกอถึงขั้นรู้สึกได้ถึงอานุภาพของประมุขอาทิตย์ไร้ประมาณเผยหัวจากด้านในหลายส่วน

“บอกลงมือก็ลงมือ ตรงไปตรงมาดีนัก” เยี่ยนจ้าวเกอติดอยู่ในทะเลเพลิงจากบัวทอง พร้อมกับต้องเผชิญอีกาทองด้วย

แม้จะเจอศัตรูทั้งหน้าและหลัง แต่ชายหนุ่มไม่แสดงความกลัวแม้แต่น้อย

ตราประทับตะวันร่วงลงมาอยู่ในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ

ในขณะเดียวกัน เขาก็ชี้คมกระบี่ของกระบี่ปีศาจเทาเที่ยเอียงๆ วาดเป็นวงวงหนึ่งกลางอากาศ

ประกายกระบี่หมุนเวียน กลายเป็นวงกลมที่เปล่งแสงสีดำวงหนึ่ง

ด้านในแสงสีดำ มีประกายสีขาวให้เห็นเรืองๆ