ตอนที่ 1356 ไม่เหมาะสมเลยแม้แต่น้อย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ปรากฏการณ์ที่เกิดจากสกัดยาลูกกลอนของไป๋เหยียนเอ๋อร์นั้นยังคงดำเนินต่อไป เกล็ดหิมะมากมายร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า

หิมะที่ตกลงมาจากฟากฟ้านั้น ดูสะอาดบริสุทธิ์ประหนึ่งขนปุยสีขาวก็มิปาน มันพันรัดรอบลมพายุหมุนที่เหมือนดั่งมังกรดำสามสายนั้นเอาไว้

ขาวอย่างสุดขีดกับดำแสนมืดมิดได้ตัดกันเป็นสัดส่วนอย่างเห็นได้ชัด

ผ่านไปไม่นานนัก หิมะที่ตกลงมาอย่างหนักก็ได้ทำให้ทั้งเมืองเป่ยหานราวถูกปกคลุมไปด้วยอาภรณ์สีเงิน

ส่วนพายุหมุนสีดำนั้นที่ถูกหิมะขาวเข้าไปผัวพัน ภายในเวลาเพียงชั่วลมหายใจมันก็มิได้ดุดันเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว

หิมะสีขาวนั้นทำให้ทุกคนต่างเงียบงันลงไป ผู้อาวุโสหูกล่าว “หิมะถึงกับตกลงมาจากฟากฟ้า นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้สกัดยาลูกกลอนขึ้นสวรรค์แล้วก่อให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ขึ้น”

“รายงานท่านผู้อาวุโส หิมะที่ตกลงมานี้มิเพียงแต่ตกที่เมืองเป่ยหานเท่านั้น ทั่วทั้งส่วนเหนือของแดนเหนือล้วนแต่กำลังมีหิมะตก” ในตอนนี้เองก็ได้มีคนเข้ามาส่งข่าว

“อะไรนะ?” ทุกคนต่างล้วนต่างตกตะลึง

ในสายตาพวกเขานั้นแดนเหนือมิได้กว้างใหญ่อะไรนัก ทว่ามีผู้สกัดยาที่ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดอย่างใหญ่โตเช่นนี้ขึ้น มันช่างทำให้น่าตกตะลึงจริง ๆ

ในตอนนี้นี่เองยาลูกกลอนของไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็ได้สกัดออกมาเสร็จสิ้น

สีหน้าของนางในตอนนี้นั้นซีดเผือด แต่ทว่าสามารถสกัดยาลูกกลอนที่มีระดับสูงเช่นนี้ออกมาได้ แม้จะต้องลำบากเสียหน่อยก็คุ้มค่า

ผู้อาวุโสหูกล่าว “ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับสูงสุด!”

“ไม่เลว ไม่เลว อายุน้อยถึงเพียงนี้กลับสามารถสกัดยาลูกกลอนที่มีระดับสูงเช่นนี้ออกมาได้”

“คนรุ่นหลังน่านับถือ คนรุ่นหลังน่านับถือ!”

ในตอนนี้ยาลูกกลอนที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์สกัดออกมานั้นจัดอยู่ในอันดับที่หนึ่ง

ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักตงจี๋เพิ่งจะอายุได้ยี่สิบปี แต่ระดับในการปรุงยาของนางกลับทำให้พวกเจ้าเฒ่าพวกนั้นตกใจกลัว อีกทั้งยังทำให้คนจำนวนไม่น้อยละอายใจนัก

ผู้อาวุโสหูเองก็ประหลาดใจอยู่บ้าง ธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักตงจี๋ผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ได้ร้ายกาจถึงเพียงนั้น เหตุใดจึงสามารถสกัดยาลูกกลอนที่มีระดับขั้นสูงเช่นนี้ออกมาได้?

ผู้อาวุโสหูมองไปยังมู่เฉียนซี ปรากฏการณ์หิมะประหลาดนั้นไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นยาลูกกลอนเช่นใด

มู่เฉียนซีมองไปยังหิมะที่ปลิดปลิวอยู่เต็มท้องฟ้า เหมือนนางจะคิดว่าโอสถของตนนั้นได้เบิกฟ้าและแผ่นดินใหม่ขึ้นมา

นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์แปลกประหลาด แต่เป็นความคิดเห็นจากทางฟ้าดิน

เพราะการที่นางสกัดยาลูกกลอนนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะช่วยชีวิตคนผู้หนึ่ง

ผู้ที่หลับไหลอยู่ท่ามกลางหิมะขาว บุรุษผู้ที่เหมือนดั่งปีศาจหิมะก็มิปาน ‘เชียนอ้าวเซี่ย’

หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ พลันนั้นฟ้าก็เปลี่ยนเป็นมืดมิดไปทันใด ฟ้าผ่าฟ้าร้องดังสนั่นกึกก้องไปทั่วเขตแดน

เหล่าผู้คนต่างปากอ้าตาค้าง “ฟ้าผ่า เป็นยาลูกกลอนของผู้ใดที่ก่อให้เกิดฟ้าผ่าขึ้นได้!”

พวกเขามองไปยังมู่เฉียนซี และกล่าวอย่างตกตะลึง “เป็นมู่เฉียนซี!”

“ผู้นำตระกูลมู่!”

“ประมุขน้อย!”

“ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งสองครั้งนี่ โอ้สวรรค์!”

ผู้อาวุโสหูเองก็เบิกตากว้างโพลง “ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งสองครั้ง ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้?”

เขาอยู่ในสำนักโอสถฯ มาหลายปีไม่เคยได้ยินว่ามีเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่ทว่าเรื่องประหลาดทั้งสองนี้ได้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันตรงหน้าของเขาตอนนี้แล้ว

เปรี้ยง!

สายฟ้าสีม่วงสายหนึ่งได้ฟาดลงมาจากบนฟ้า

ไป๋เหยียนเอ๋อร์ยิ้มออกมา “สายฟ้าที่น่ากลัวเช่นนี้ ยาลูกกลอนของมู่เฉียนซีจะต้องไม่มีทางทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน!”

เปรี้ยง!

มู่เฉียนซียืนอาบอยู่กลางสายฟ้าสีม่วงนั้น ยาลูกกลอนของหม้อเทพนิรันดร์ไม่ใช่อะไรที่คิดอยากจะผ่าให้พังก็พังได้

สายฟ้าสายแรก ทั้งมู่เฉียนซีและยาลูกกลอนล้วนแต่อยู่รอดปลอดภัย

แต่ทว่ามันยังไม่หยุดยั้งลงอย่างสิ้นเชิง มันฟาดลงมาแล้วสายหนึ่ง ก่อนจะตามต่อด้วยอีกสายหนึ่ง

ครึ่ม!

“สายที่สองแล้ว!”

“สายที่สองนั้นก็มิได้มีอะไรมหัศจรรย์นัก ในตอนนั้นหมอปีศาจสกัดยาลูกกลอนออกมาก็ก่อให้เกิดฟ้าผ่า ผู้นำตระกูลมู่สกัดยาแล้วก่อให้เกิดฟ้าผ่าก็มิได้แปลกอะไรนี่!”

เพียงแค่สายสองสายก็ไม่ได้แปลกอะไร แต่หลังจากนั้นพวกเขาล้วนแต่มึนงงสับสนจนสมองชาไปเสียแล้ว

“เจ็ดสายแล้ว! นี่มันถึงเจ็ดสายเชียวนะ!”

“ยังมีอีก! ไม่เพียงแค่เจ็ดสายเท่านั้น!”

“โอ้ สวรรค์!”

แทบทุกคนเกือบจะตาถลนออกมาเบ้า แต่มู่เฉียนซีกลับมีใบหน้าที่นิ่งสงบ

ฟ้ามิยอมให้นางฝืนลิขิตสวรรค์และทำการสกัดยาลูกกลอนหยินหยางอนันต์ได้สำเร็จ แต่อย่างไรเสียนางก็จะทำให้สำเร็จ

พลังจิตและพลังวิญญาณหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างงดงาม การสกัดมันแต่ละขั้นตอนได้ถูกสายฟ้าชำระล้าง นั่นยิ่งทำให้มันบริสุทธิ์และสมบรูณ์แบบยิ่งกว่าเดิม

ครึ่ม!

สายที่เก้า…

สายฟ้าที่เก้าได้ฟาดลงมา ท้ายที่สุดการลงทัณฑ์จากสายฟ้าก็ไม่อาจที่จะหยุดยั้งมู่เฉียนซีได้

พลังจิตที่แข็งแกร่งอันไม่อาจหาผู้ใดเทียมได้ อีกทั้งยังมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันจากหม้อเทพนิรันดร์อีก

ถึงแม้ว่ามันอยากที่จะผ่าเสียให้ยาลูกกลอนที่ไม่ถูกโลกยินยอมนั้นให้กระทำไม่สำเร็จ แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้

สายฟ้านั้นได้หยุดลง ทั่วทั้งเมืองเป่ยหานได้กลายเป็นเมืองหิมะเมืองหนึ่งไปแล้ว ช่างงดงามเหลือจนเกินบรรยาย

แสงอาทิตย์ได้สาดส่องออกมาจากหมู่เมฆทะมึน แสงสีนวลตาสาดย้อมลงมาบนพื้นหิมะที่กว้างใหญ่ประหนึ่งแสงทองก็มิปาน

และในตอนนี้เองเวลาของการแข่งขันการปรุงยาครั้งใหญ่ในรอบนี้ก็ได้จบลงแล้ว มู่เฉียนซีได้ส่งมอบยาลูกกลอนไป

“ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับที่เก้า คุณภาพชั้นยอด สมบูรณ์แบบ สมบูรณ์แบบมากนัก!”

“ข้าปรุงยามาก็หลายปี แต่ไม่เคยพบยาลูกกลอนที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ขั้นสวรรค์ก็มิใช่อะไรที่ระดับเช่นข้าจะสามารถทำออกมาได้”

“นี่เป็นยาลูกกลอนที่สกัดออกมาจริง ๆ หรือ?”

เหล่ากรรมการผู้อาวุโสเหล่านั้นได้พูดคุยหารือกันไปต่าง ๆ นา ๆ

ตกตะลึง!

ตื่นเต้น!

ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น มู่เฉียนซีเองก็สามารถสกัดยาลูกกลอนขั้นที่เก้าเต็มขั้นออกมาได้ เป็นไปได้อย่างไร!

ระดับขั้นเดียวกัน นางจะต้องไม่พ่ายแพ้อย่างแน่นอน

แต่รอจนเมื่อลำดับรายชื่อออกมาแล้ว มู่เฉียนซีกลับนำหน้านางไปกลายเป็นอันดับหนึ่ง!

ไป๋เหยียนเอ๋อร์ร้องเสียงแหลมขึ้นมาทันที “นั่นเป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! พวกท่านเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า? ทำไมมู่เฉียนซีถึงเป็นที่หนึ่ง”

ทุกคนต่างพากันหันมองไปที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์ แม้แต่คนที่ไม่เข้าใจในเรื่องหยูกยาต่างก็พอจะรู้ว่ายาลูกกลอนของผู้นำตระกูลมู่ต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน

มันน่าตกตะลึงและน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนนักปรุงยาที่เข้าใจในเรื่องการปรุงยาและยาลูกกลอนเป็นอย่างดีเหล่านั้น เมื่อเห็นยาลูกหลอนเม็ดนั้นแล้วก็รู้ได้ว่าคุณภาพของยานั้นสูงเป็นอย่างมาก

ผู้อาวุโสหูกล่าว “การตัดสินของพวกเราเป็นธรรมอย่างแน่นอน พรสวรรค์ของแม่นางน้อยไม่เลวเลย แต่ประสบการณ์ในการปรุงยายังไม่เพียงพอ แม้ว่าระดับพลังวิญญาณจะเพียงพอก็ตาม แต่ความสมบูรณ์แบบของเม็ดยานั้น ไม่อาจสู้แม่นางน้อยผู้นี้ได้เลยสักนิด”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวด้วยความสงสัยว่า “ข้าน่ะเหรอสู้มู่เฉียนซีไม่ได้ คนอย่างข้าจะสู้นางไม่ได้ได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อ…”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “มู่เฉียนซี ข้าต้องการจะประลองกับเจ้าอีกครั้ง ข้าไม่มีทางพ่ายแพ้ให้คนอย่างเจ้าแน่นอน”

มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไป๋เหยียนเอ๋อร์ ข้าไม่อยากจะเสียเวลากับเจ้าเพราะเรื่องไร้สาระเช่นนี้หรอกนะ ในสายตาข้า เจ้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าด้วยซ้ำ ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่างเจ้า ไม่เหมาะที่จะเป็นนักปรุงยาหรอก”

ไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้ก็โกรธเกรี้ยวขึ้น “นี่เจ้าพูดอะไรของเจ้า! มู่เฉียนซี เจ้าไม่กล้าประลองกับข้าก็บอกมาตามตรง อย่าได้มากล่าววาจาดูถูกข้าเช่นนี้ คนอย่างเจ้ามันมีสิทธิ์อะไรถึงมากล่าววาจาเช่นนี้กับข้า!”

“ไม่เหมาะสมก็คือไม่เหมาะสม!” น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งดังขึ้น

ทันใดนั้นเอง ทุกคนก็พบว่ามีชายชุดดำผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างกายมู่เฉียนซี และในขณะที่เขาปรากฏตัวนั้น ทุกคนในที่แห่งนี้ก็ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงออกมา

สีหน้าของผู้อาวุโสสำนักโอสถฯ เหล่านั้นพลันเปลี่ยนไปมาก พวกเขาแทบอยากจะวิ่งหนีไปให้พ้นจากตรงนี้จริง ๆ

แต่พวกเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเขาหนีเช่นไรมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่ที่เดิมนิ่ง ๆ ทำตัวแข็งทื่อราวกับเป็นตุ๊กตาหิมะเท่านั้น

พลังดำมืดได้ห่อหุ้มไป๋เหยียนเอ๋อร์เอาไว้ ไป๋เหยียนเอ๋อร์รู้สึกว่าในร่างกายของตัวเองกำลังมีบางอย่างหลุดออกจากร่าง

หมิงจีตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “เจ้าหวงจิ่วเยี่ยบัดซบ!”

นางไม่มีทางยอมให้หวงจิ่วเยี่ยดึงวิญญาณนางออกไปเป็นอันขาด พลันนั้นนางจึงใช้พลังแห่งนรกห่อหุ้มเพื่อซ่อนตัวเองเอาไว้

ทว่า นักปรุงยาดวงซวยผู้ไร้ความสามารถในร่างของไป๋เหยียนเอ๋อร์นั้นโชคร้ายเสียแล้ว เขาตะโกนขึ้นว่า “ท่านหมิงจี ช่วยข้าด้วย…ช่วยข้าด้วย…” ให้เขาไปเผชิญหน้ากับองค์ชายจิ่วเยี่ย เขายอมทำลายวิญญาณตัวเองเสียตั้งแต่ตอนนี้ยังจะดีกว่า

.

.