ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 948 ใครเป็นตัวแทนแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

บัวอัคคีสีทองมากมายระเบิด เปลวเพลิงสีทองหลายสายพาดขวางลุกโชน

คนจากเขาสามขาคิดจะถอยหลังเพื่อหนี แต่กลับไม่ทันกาลเสียแล้ว

เมื่อเผชิญกับเพลิงโหมสีทองเหล่านี้ ในที่สุดดาบอีกาทองผลาญฟ้า อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงก็ได้ใช้ประโยชน์อีกครั้ง

เจ้าสำนักเขาสามขาไม่กล้าลังเล รีบร้อนใช้ดาบต้านเปลวเพลิงอันน่ากลัวตรงหน้า

เศษวิญญาณที่อยู่ในธงวิญญาณสัมผัสได้ถึงการคุกคาม ตื่นขึ้นมาใหม่ บินออกมาต้านทานเปลวเพลิงที่น่าสะพรึงตรงหน้าด้วยตัวเอง

บัวอัคคีสีทองระเบิด แม้ว่าพลังส่วนใหญ่จะถูกนำไปโจมตีใส่คนจาเขาสามขา แต่ก็ยังมีเปลวเพลิงไร้สิ้นสุดล้อมรอบเยี่ยนจ้าวเกอไว้อยู่ดี

เยี่ยนจ้าวเกอรับตราประทับตะวันมาจากมือของอาหู่ แสงอาทิตย์สาดส่อง ขัดขวางการโจมตีจากเปลวเพลิง

“หากข้าได้ควบคุมชีวิต ย่อมปลูกบัวในอัคคีได้” เขาส่ายหน้าพลางถอนใจชมเชย “พูดง่ายแต่ทำยาก บัวทองอัคคีงามเกรงว่ายากจะควบคุมจริงๆ”

เพลิงโหมสีทองระเบิดอย่างรุนแรง แต่มาเร็วและไปเร็ว

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอป้องกันการระเบิดครั้งแรกสุด เขาก็ชูตราประทับตะวันขึ้นสูงเพื่อปกป้องร่าง ใช้ขวานย้อนเอกภพเปิดทาง จากนั้นก็โถมใส่จนจากเขาสามขา!

เขาในเมื่อต้องการเศษวิญญาณอัคคีทอง ย่อมไม่ปล่อยให้เศษวิญญาณถูกผลาญในทะเลเพลิง

พอถูกเพลิงโหมสีทองพุ่งใส่ ไม่ว่าจะเป็นคนจากเขาสามขาหรือเศษวิญญาณอีกาทอง ก็ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส

ดาบอีกาทองผลาญฟ้าซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนั้น เดิมทีถูกกระบองไม้ไผ่ของเยี่ยนจ้าวเกอฟาดใส่ ในตอนนี้เต็มไปด้วยร่องรอยเสียหาย

ร่องรอยเล็กน้อยเหมือนใยแมงมุมบนคมดาบ ยามนี้ปรากฏให้เห็นชัดเจน

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงเหมือนกับพร้อมแหลกสลายได้ตลอดเวลา

สุดท้ายก็ต้านทานการระเบิดที่รุนแรงที่สุดของสภาวะอัคคีได้ แต่ไม่รอให้พวกเขาโล่งใจ เยี่ยนจ้าวเกอก็โจมตีตามมาทันที

“มาดูกันว่าใครเป็นตัวแทนแสงสว่างของดวงอาทิตย์” ขณะที่เสียงหัวเราะ เยี่ยนจ้าวเกอจับตราประทับตะวัน ชูขึ้นเหนือศีรษะ จากนั้นก็ฟาดใส่เจ้าสำนักเขาสามขา!

การโจมตีนี้รวมคัมภีร์พลิกฟ้า คัมภีร์นภาหยินหยาง และคัมภีร์เทพพระอาทิตย์ไว้ด้วยกัน

ทิวทัศน์ด้านหน้าเจ้าสำนักเขาสามขาเปลี่ยนเป็นภาพมายา เหมือนกับดวงอาทิตย์บนฟากฟ้าร่วงตก และพาท้องนภาให้ทลายลงไปด้วย พลังงานทั้งหมดหนุนเสริมบนอาทิตย์ตก อานุภาพทำลายฟ้าทำลายดิน

เขาอับจน ขวางดาบใหญ่ด้ามยาว สองมือดันขึ้น ต้านทานการโจมตีนี้

ตราประทับตะวันพอกระแทกลง ดาบอีกาทองผลาญฟ้าก็สั่นไหวอย่างรุนแรง

ตรงกลางด้ามดาบถึงกับถูกชนจนบิดงอ หวุดหวิดจะหักไป!

ดาบใหญ่ด้ามยาวถูกกระแทกจนคดงอ!

เยี่ยนจ้าวเกอได้เปรียบกลับไม่ได้โจมตีต่อ เพียงวูบไหวร่างไปด้านหลัง

จอมยุทธ์เขาสามขาที่อยู่ด้านข้างหมายจะสะบัดธงช่วยเจ้าสำนักของตนเอง แต่ว่าบนตัวเยี่ยนจ้าวเกอมีแสงสีแดงที่น่าพรั่นพรึงปรากฏขึ้น

ประกายแสงกะพริบครั้งหนึ่ง เยี่ยนจ้าวเกอบรรลุถึงธงวิญญาณในชั่วพริบตา!

เจ้าสำนักเขาสามตื่นตระหนก คิดจะขัดขวาง แต่กลับสายไปเสียแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอใช้นิ้วต่างกระบี่ ทิ่มใส่หว่างคิ้วของจอมยุทธ์เขาสามขาผู้นั้น

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงผู้หนึ่งสิ้นชีวิตอย่างสงบราบเรียบเช่นนี้

ธงวิญญาณที่เขากำลังยกขึ้น ตกลงไปในมือของเยี่ยนจ้าวเกอ

หลังจากเขาสังหารคนชิงธงเสร็จ ก็โยนธงวิญญาณเข้าไปสะกดในวังฝูงมังกร แล้วหมุนกายมายกตราประทับตะวันขึ้น ฟาดใส่เจ้าสำนักเขาสามขาอีกครั้ง

ขณะเดียวกันกระบองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าก็ปรากฏ ฟาดใส่ดาบอีกาทองผลาญฟ้า

วินาทีถัดมา เยี่ยนจ้าวเกอก็กดฝ่ามือลง จับตราประทับตะวัน พุ่งใส่อีกฝ่ายอย่างหักโหม

ชายชราผู้นั้นเบิกตาตวาด “คนแซ่เยี่ยน ท่านอย่าได้ใจนัก คุณชายไม่มีทางปล่อยท่าน ข้าจะรอท่านอยู่เบื้องล่าง…”

พูดยังไม่ทันจบ เยี่ยนจ้าวเกอก็กดตราประทับตะวันกระแทกลงแล้ว!

“สังหารท่าน ไม่ได้ทำให้ข้าภูมิใจแม้แต่น้อย” เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก “แล้วคุณชายที่ท่านว่าจะทำอะไรข้า ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลแล้ว”

อีกฝ่ายยกมือขึ้นต้านทาน แต่กลับเห็นสองแขนของตัวเอง ถึงกับหลอมเข้าไปในแสงอาทิตย์ที่ละลานตา

ตอนแรกเป็นสองมือ จากนั้นเป็นสองแขน สุดท้ายก็บรรลุถึงศีรษะ

ความทรงจำสุดท้ายในชีวิตของเขาคือเสียงของเยี่ยนจ้าวเกอ “จริงด้วย ยังต้องขอบคุณพวกท่าน หากไม่มีพวกท่าน ข้ายังต้องเสียเวลาทำลายบัวทองอัคคีงามจำนวนมากขนาดนี้อยู่บ้าง ตอนนี้ประหยัดเวลาลงมากแล้ว”

ใต้แสงสว่างของดวงอาทิตย์อันน่าสะพรึงกลัว ชายชราผู้นี้เหมือนกับถูกหลอม โดนดวงอาทิตย์อันโชติช่วงกลืนกิน ตายไปอย่างไร้ร่องรอย!

เยี่ยนจ้าวเกอมือไม่หยุดลง สังหารจอมยุทธ์เขาสามขาจนหมดสิ้น

ด้านนอกอารามเอกนิกาย ยังมีจอมยุทธ์เขาสามขาเฝ้าอยู่ใต้ตีนเขาอีกหลายคน

พวกเขามองดูเบื้องหน้าอย่างสับสน ดาบทองขนาดเล็กเล่มหนึ่งหักเป็นสองท่อน

คมดาบที่เดิมทีส่องแสง บัดนี้ริบหรี่ไร้แสงโดยสิ้นเชิง เหมือนกับถูกฝุ่นจับ

จอมยุทธ์เขาสามขาหลายคนต่างมีสีหน้าหวาดกลัว

เพราะว่าลักษณะในตอนนี้ของดาบทอง บ่งบอกว่าเจ้าสำนักเขาสามขาได้สิ้นชีวิตแล้ว!

แม้จะยังไม่ได้ยืนยันความปลอดภัยของธงวิญญาณ และอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงดาบอีกาทองผลาญฟ้าอันเป็นของล้ำค่าของสำนัก แต่คิดว่าคงจะไม่น่ายินดีนัก

จอมยุทธ์เขาสามขาที่เข้าไปในอารามเอกนิกาย อาจจะถึงขั้นพินาศหมดสิ้น!

จอมยุทธ์เขาสามขาที่มาหาสมบัติในครั้งนี้ ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดในสำนัก ทว่าตอนนี้ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักที่เป็นเจ้าสำนัก มิพักเอ่ยถึงว่าไม่ต้องหวังถึงสมบัติอีกแล้ว เขาสามขาถือว่าได้รับความเสียหายครั้งใหญ่

การเสี่ยงอันตรายในครั้งนี้ พวกเขาพ่ายแพ้แล้ว

ไม่เพียงแต่ไม่ได้อะไรตอบแทน ต้องเสียหายอย่างสาหัส ถึงขั้นที่อาจทำให้พวกเขาตกจากชั้นเมฆ ยากจะรักษาตำแหน่งบนที่ราบสูงยอดขจีเมื่อก่อนหน้าได้อีก

“ทำอย่างไรดี” หลายคนมองไปยังบุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งพร้อมกัน

คนผู้นั้นเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนเช่นกัน

ยอดฝีมืออันดับที่สองของเขาสามขาซึ่งมีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น และได้มาตามหาสมบัติในครั้งนี้ คอยรั้งคุมสถานการณ์อยู่ที่นี่

เขาจ้องมองดาบสั้นสีทองที่หักในมือเขม็ง เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง ถึงค่อยได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว

“ทำตามคำสั่งก่อนที่ท่านเจ้าสำนักจะเข้าไป ยึดตามแผนเดิม” บุรุษวัยกลางคนกล่าวเสียงทุ้ม “ไม่ว่าพวกเจ้าสำนักจะเกิดเรื่องเพราะคนที่มาตามหาสมบัติคนอื่น หรือเสียท่าให้แก่ผนึกป้องกันของที่แห่งนี้ สำนักเราคิดจะหาของ ความหวังเหลือเพียงน้อยนิดแล้ว”

“ตอนนี้เหลือแต่การกวนน้ำให้ขุ่น ถึงจะค่อยมีความหวังสุดท้าย ถ้าหากทำไม่สำเร็จ ในสถานการณ์ที่สับสน พวกเรายังรับตัวสหายในสำนักที่รอดชีวิตได้ง่ายกว่าเดิม แล้วค่อยถอยออกจากที่นี่”

หลังจากพูดจบแล้ว เขากลับไม่ได้ปีนขึ้นเขา แต่หมุนกายผละจากตีนเขา

จอมยุทธ์เขาสามขาที่เหลือไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย ต่างติดตามอยู่เบื้องหลัง

ไม่ไกลออกไป สายหมอกยิ่งใหญ่ลอยขึ้น ด้านในสายหมอกเห็นได้ชัดว่ามีทะเลสาบขนาดยักษ์ซ่อนอยู่

จอมยุทธ์เขาสามขาเหล่านี้ลอยอยู่บนผิวทะเลสาบ ก้มตามองไป เห็นน้ำในทะเลสาบกำลังเดือดปุดๆ

ผิวทะเลสาบไม่ได้สะท้อนภาพของพวกเขา กลับปรากฏเป็นความสับสนที่มีแต่แสงพิลึกกึกกือ

ที่แท้ทะเลสาบแห่งนี้ถึงกับเป็นช่องแตกของมิติ เชื่อมนิวาสสถานแห่งนี้กับโลกใบหนึ่ง

ครั้งนี้นิวาสสถานได้เปิดขึ้น ทางนั้นสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ หวังว่าจะมาถึงอารามเอกนิกายที่อยู่ตรงหน้านี้ผ่านทางเชื่อมเขตแดนมิติได้

ทว่าคนที่อยู่อีกด้านไม่ได้ถือครองแส้ปัดที่หักครึ่งเหมือนกับพวกเยี่ยนจ้าวเกอและจอมยุทธ์เขาสามขา

ดังนั้นแม้คนเหล่านั้นจะเจอประตูและเส้นทาง แต่ก็ไม่มีกุญแจและป้ายผ่านทาง จึงได้แต่ละล้าละลังอยู่ด้านนอกประตู

ตำแหน่งที่คนจากเขาสามขาเข้ามาอยู่ใกล้ๆ กับทะเลสาบ จึงพบสถานที่แห่งนี้ตั้งแต่แรก

หากเป็นก่อนหน้านี้ พวกเขาจะต้องไม่อยากคิดแบ่งส่วนแบ่งกับคนอื่นแน่

ทว่าในตอนนี้ ตนกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จอมยุทธ์เขาสามขาย่อมอยากมอบคู่แข่งให้แก่เยี่ยนจ้าวเกอที่กำลังได้เปรียบอยู่

ผู้อาวุโสของเขาสามขาที่มีพลังฝึกปรืออยู่ในขั้นสะพานเซียนซึ่งเป็นผู้นำ หยิบแส้ปัดหักครึ่งออกมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ แล้วโยนเข้าไปในทะเลสาบ

จากนั้นจอมยุทธ์เขาสามขาก็ถอยอย่างพร้อมเพรียง หลบเลี่ยงออกไปไกล มุ่งหน้าสู่แนวเขาซึ่งอารามเอกนิกายตั้งงอยู่

วินาทีถัดมา น้ำทะเลก็ถูกก่อกวนอย่างรุนแรง พวยพุ่งขึ้นฟ้า!

เสียงร้องของหงส์ที่กระจ่างใสสะท้อนไปทั่วหมู่เมฆ

ก่อนจะเห็นหงส์เพลิงตัวหนึ่ง บินนำออกมาจากในทะเลสาบ!