บทที่ 1455 ได้พบร่างต้นในที่สุด

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

วงแหวนดาราพิภพ หากสามารถยืนอยู่ในตำแหน่งสูงสุดแล้วมองออกไปนั้น จะมองเห็นได้ว่าลักษณะของมันนั้นเหมือนล้อรถ เพียงแต่ว่ามีขนาดใหญ่อย่างมาก เกรงว่ายากจะอธิบายเป็นคำพูดได้

ทั้งวงแหวนดาราพิภพนี้ มีขนาดใหญ่เกินไปจริงๆ

ด้านในบรรจุด้วยอาณาเขตเต๋านับไม่ถ้วน ทุกอาณาเขตเต๋านั้นล้วนมีเขตดารานับไม่ถ้วน และทุกๆ ชั้นของเขตดารานั้นก็ยังมีมหาจักรวาลอันนับไม่ถ้วนอีก…

กล่าวได้ว่า ยากนักที่จะมีตัวตนใดสามารถทำให้วงแหวนพิภพแห่งนี้กระทำการถึงจุดนี้ได้…นอกเสียแต่ว่าเป็นผู้ที่ฝึกตนจนระดับสุดยอดของพิภพแล้ว ก็คือหมายถึงระดับเก้าที่ว่ากัน!

แต่ผู้ที่สามารถฝึกปรือได้ถึงชั้นนี้ ต่อให้นับเอาอารยธรรมทุกเผ่าพันธ์ในวงแหวนดาราพิภพนี้มานับรวมกันดู ก็ยากอย่างยิ่งที่จะมีปรากฏ

ต่อให้รวมกับกาลเวลาที่ไหลผ่าน เกรงว่าก็ยังมีจำนวนเท่าขนหงส์หางกิเลน นี่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมเป็นเอกลักษณ์ และต้องมีชะตาบ่มเพาะอันยิ่งใหญ่ และโชคชะตาถึงจะได้ด้วย

ดังนั้น เมื่อเอ่ยอย่างอ้อมค้อมแล้ว ในวงแหวนดาราพิภพนี้ ทุกๆ ยุคสมัยจึงก่อเกิดเรื่องราวและการเข่นฆ่านับไม่ถ้วน ต่างแย่งชิงและพากันส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ทุกสิ่งนั้น ก็เพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดของแดนพิภพ ทุกสิ่งล้วนแต่เพื่อยกระดับก้าวสู้เขตแดนสรวงสวรรค์!

เขตแดนสรวงสวรรค์ นามนี้ สำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดนั้นอาจนับเป็นเรื่องไม่คุ้นเคย มีเพียงผู้ที่ฝึกปรือได้ระดับสูงขนาดหนึ่งแล้วเท่านั้น ถึงค่อยสัมผัสได้ลางๆ…ว่านอกวงแหวนพิภพนั้น ยังมีอีกวงแหวนดาราหนึ่ง

นามว่า…สรวงสวรรค์

ในส่วนรายละเอียดว่าภายในวงแหวนดาราสรวงสวรรค์นี้มีขนาดใหญ่เท่าใด และสรวงสวรรค์ที่ว่ามีการแบ่งสรรเช่นไร ก็แทบจะไม่มีใครรู้เลย ส่วนผู้ที่ล่วงรู้นั้นก็ได้ทะยานขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ทำลายอุปสรรคแห่งดาราเข้าสู่พิภพสรวงสวรรค์

แต่ว่า สำหรับเรื่องพวกนี้ หวังเป่าเล่อไม่สนใจ เขาตอนนี้เดินอยู่ในอาณาเขตดาราแต่ละชั้นๆ ในวงแหวนดาราพิภพ มือยังคงถือกาเหล้า ในกาเหล้ากอปรขึ้นมาจากไข่มุกเม็ดหนึ่ง ในนั้นมีเหล้าข้าวมากมาย ทุกคำที่ดื่มลงไปรสชาติแตกต่าง

เมื่อเดินผ่านทางหนึ่งสาย หวังเป่าเล่อก็จะดื่มครั้งหนึ่ง ในใจผ่อนคลายเมามาย กระทั่งว่าบางเวลายังร้องเพลงหลายเพลง เสียงเพลงนั้นดังไปทั่วทั้งอาณาเขตดวงดาว หลังจากเหล่าอารยธรรมเผ่าพันธุ์มากมายในมหาจักรวาลซึ่งอยู่ในอาณาเขตดารานั้นได้ยินเข้าแล้วก็พากันจิตใจสั่นไหว ราวกับได้ยินมหามรรคาเต๋า

“แสนสุขอุรา!” ระหว่างที่หัวเราะ หวังเป่าเล่อก็ส่งเสียงเรอออกมา เมื่อกลิ่นเรอเหล้ากระจายไปก็ครอบคลุมไปทั่วทั้งอาณาเขตดาราชั้นนั้น ทำให้มหาจักรวาลจำนวนมหาศาลที่อยู่ในอาณาเขตดารานั้น และเหล่าอารยธรรมเผ่าพันธุ์มากมายต่างเมามายไปตามๆ กัน มึนเมาหนึ่งครั้งเป็นหมื่นปี

ในหมื่นปีนี้ ตัวตนทั้งหมดในอาณาเขตดารา จะไม่ตายแต่ก็ไม่ตื่น ทุกสิ่งราวกับหยุดชะงัก ทว่าก็ไม่ใช่การชะงักงันเสียทีเดียว พวกเขาเมามายจนหลับใหลไปมากกว่า

กระทั่งเจตนารมณ์เต๋าสวรรค์ยังเป็นเช่นเดียวกัน

แต่พวกเขาปลอดภัยไร้กังวล เพราะว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถข้ามเข้าไปได้ ขอเพียงเข้าไปข้างในก็หลับใหลเพราะความมึนเมาเช่นกัน

หวังเป่าเล่อใช้ดวงตามึนเมานั้นกวาดมองครั้งหนึ่ง หลังจากหัวเราะแล้วก็ไม่ได้สนใจอีก เขายังคงก้าวเท้าข้ามอาณาเขตดารานับไม่ถ้วน ยังคงแสวงหาต่อ แม้ว่าตลอดทางที่ผ่านมาเขายังหาเบาะแสอะไรไม่พบ แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้กังวล

ขอเพียงยังมีสุรา เขาก็รู้สึกว่าการเดินทางสายนี้นับว่าไม่เลว

ก็เป็นเช่นนี้ เวลาก็ได้ผ่านไป หวังเป่าเล่อเดินๆ หยุดๆ เบิกบานอย่างมาก บางครั้งเขาก็เข้าไปภายในอารยธรรมบางแห่ง มองดูพัฒนาการของเผ่าพันธุ์นั้น บางครั้งก็ช่วยผลักดันให้เผ่าพันธุ์พัฒนา ทำให้บางครั้งเผ่าพันธุ์เหล่านั้นเติบใหญ่มหาศาล

ทั้งหมดนี้ ก็เหมือนราวกับการเล่นเกม ทำให้การเดินทางนี้ของหวังเป่าเล่อก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่าในระหว่างทาง หวังเป่าเล่อก็พบพวกที่หูหนวกตาบอดบ้าง แม้ว่าพลังปราณของเขามากพอจะสั่นสะท้านทั้งแปดทิศได้ และทำให้เหล่าอาณาเขตดารานับไม่ถ้วนต้องผวา หลังจากเข้าใจแล้วต้องตัวสั่นเทา แต่สุดท้ายแล้วก็ยังมีพวกที่จิตใจทะเยอทะยานวิปริต หรือไม่ก็พวกที่ยโสโอหัง มีใจคิดร้ายต่อหวังเป่าเล่อ

เหล่าตัวตนพวกนี้ ล้วนแต่ตายภายใต้ฝ่ามือเดียวของหวังเป่าเล่อไม่เหลือแม้กระทั่งซาก

แต่ว่าก็มีจำนวนไม่มากนัก ที่มีพลังแข็งแกร่งสูงสุด สำหรับคนพวกนี้หวังเป่าเล่อจะใช้สองฝ่ามือ

มีเพียงครั้งเดียวที่ตบไปสามครั้งแล้วยังไม่ตาย สิ่งมีชีวิตนี้เหมือนต้นกระบองเพชรสีเขียวที่มีแต่หนามประหลาดอันมีชีวิตทั้งร่าง กระบองเพชรต้นนี้มีขนาดเพียงฝ่ามือเท่านั้น ดูแล้วไม่น่าสนใจสักนิด แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความดุร้ายและกระหายเลือดยากบจะบรรยาย ตอนที่มันพบหวังเป่าเล่อ ก็ใช้ความเร็วอันน่าตื่นตะลึงพุ่งเข้าชนมหาจักรวาลแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในสภาวะฟองอากาศแรกเริ่ม

หลังจากชนเข้าไปแล้ว มหาจักรวาลที่เหมือนฟองอากาศนั้นก็เริ่มพังทลายลงมา ส่วนสารบำรุงทั้งหลายข้างในก็ถูกเจ้ากระบองเพชรต้นนี้ดูดกลืนเข้าไป หลังจากนั้นต้นกระบองเพชรก็ลอยอยู่บนพื้นผิว ท่าทางอิ่มเอม

หวังเป่าเล่อมองแล้วก็ตกใจ จึงมองดูอีกนานสักหน่อย

คล้ายกับว่ามันรู้สึกว่าตนเองกำลังถูกจับจ้อง เจ้ากระบองเพชรไม่พอใจอย่างมาก มันอาศัยความเร็วอันเหลือเชื่อพุ่งเข้าชนหวังเป่าเล่อ

สุดท้ายก็ถูกฝ่ามือหนึ่งของหวังเป่าเล่อตบลงไป ตัดหนามจำนวนมากของมันทิ้ง หลังจากที่มันกรีดร้องโหยหวนแล้วยังคงพุ่งเข้ามาอีกอย่างไม่ยอมแพ้ หวังเป่าเล่อตบลงไปอย่างแปลกใจอีกครั้ง ทำให้หนามบนร่างของมันหายไปจนสิ้นซาก กระทั่งตัวมันเริ่มปริออก ดูเหมือนว่าเจ้ากระบองเพชรต้นนี้จะโง่อยู่บ้าง มันยังคงกรีดร้องแล้วพุ่งเข้ามา หลังจากที่หวังเป่าเล่อตบไปครั้งที่สาม มันก็ถูกตบลอยออกไปไกลแสนไกล อาจจะเป็นเพราะข้างในบรรจุพลังงานขนาดใหญ่มากเอาไว้ ทำให้เวลานี้ร่างทะลุความว่างเปล่า หายไปจนสิ้น

“เหมือนข้าใช้แรงมากไปหน่อย…ตีมันจนหลุดกำแพงของวงแหวนพิภพไปซะแล้ว” หวังเป่าเล่อเหลือบมองแล้วก็ไม่ได้สนใจอีก เขายังคงท่องเที่ยวต่อ

กระทั่งผ่านไปไม่รู้นานเท่าไร มีอยู่วันหนึ่ง หวังเป่าเล่อในขณะที่ดื่มเหล้าอยู่นั้นก็ได้มาถึงเป้าหมายแรกของเขาแล้ว และนี่ก็คืออาณาเขตดาราของดินแดนปรารถนาที่บันทึกไว้ผืนนั้น เกือบจะในพริบตาที่มาถึง มือของหวังเป่าเล่อที่ถือกาสุราอยู่ก็พลันชะงัก สีหน้าของเขาดูจริงจังขึ้นมาก่อนจะสัมผัสดูเงียบๆ รอบหนึ่ง

“หรือว่าผ่านไปเป็นล้านปีแล้ว ปราณแห่งปรารถนาในที่นี้ ยังคงเหลืออยู่…”

หวังเป่าเล่อใช้มือขวาคว้าไปยังความว่างเปล่า ทันใดนั้นเองทั้งเขตอาณาจักรดารานั้นพลันบิดเบี้ยว หมอกสีดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นก็ลอยอยู่เบื้องหน้าของเขา

หลังสัมผัสได้ถึงพลังปราณอันคุ้นเคยที่แผ่ออกมาแล้ว หวังเป่าเล่อก็พึมพำเสียงเบา

“ร่างต้น ตอนนี้เจ้าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้วนะ กลายเป็นดินแดนปรารถนาไปแล้วหรือ”

“นั่นมันอัปลักษณ์มากเลยไม่ใช่รึ?” หวังเป่าเล่อยิ้มซื่อ แต่ในดวงตานั้นล้ำลึกอย่างยิ่ง เขาบีบหมอกสีดำ จากนั้นลองสัมผัสมันครั้งหนึ่ง เมื่อกำหนดเส้นทางแล้วก็ก้าวเดินจากไป ก้าวย่างนี้ เหยียบข้ามอาณาเขตดาราไม่รู้เท่าไร เหยียบข้ามอาณาเขตเต๋านับหมื่นแห่ง ยามที่ปรากฏกาย…ก็คือเขตดาราที่เปลี่ยนเป็นรกร้างแห่งนั้น ที่นี่ไร้ดวงดารา มีเพียงแค่ดินแดนผุเน่าอันไพศาล ซึ่งค่อยเคลื่อนตัวมาช้าๆ…

ดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยไอหมอกดำ เต็มไปด้วยปราณแห่งปรารถนา บนพื้นของดินแดน สามารถมองเห็นซากปรักหักพังแห่งประเทศและอารยธรรมได้ อีกทั้งด้านนอกทั้งสี่ทิศจะมองเห็นดวงดาวพิลึกพิลั่นมากมายที่ถูกลากเข้ามาหามัน!

เมื่อพินิจอย่างถี่ถ้วนจะสามารถเห็นได้ว่า ดินแดนนี้มีรูปลักษณ์คล้ายใบหน้าคน สีหน้าบิดเบี้ยว เป็นใบหน้าที่แสดงความทุกข์สาหัส

เมื่อมองเห็นดินแดนรูปลักษณ์หน้าคนนี้ ดวงตาหวังเป่าเล่อก็ฉายแววสับสน เขาเอ่ยเสียงเบา

“ร่างต้น…”