บทที่ 788
……
หลังจากที่เย่เฉินพูดลำดับขั้นตอนทั้งหมดในวันพรุ่งนี้กับเฉินจื๋อข่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว นี้ถึงจะเรียกรถกลับบ้านอย่างเงียบสงบ
แต่ในตอนนี้เวลานี้ ที่สถานกักขังจินหลิง ฝันร้ายของหม่าหลันก็ยังคงมีต่อไป
เพราะว่าตั้งแต่ที่เข้าสถานกักขังมาก็ถูกทรมานและเฆี่ยนตีต่างๆนาๆ อีกทั้งยังถูกนายหญิงใหญ่เซียวต้อนรับด้วยการราดน้ำเย็น บวกกับไม่ได้กินอะไรเลยมาสองวันหนึ่งคืน ทั้งตัวของหม่าหลันพังสลายแล้ว เธอไม่เพียงแต่เป็นหวัดอย่างรุนแรง แถมยังมีไข้ขึ้นสูงด้วย
ไข้ขึ้นสูงทำให้หม่าหลันร้อนไปทั้งตัว เป็นไข้ขึ้นสูงจนแทบจะเป็นลมหมดสติไปเลย แต่เธอในตอนนี้ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้นอนบนเตียงได้ จึงทำได้เพียงนอนขดตัวหนาวสั่นอยู่ในมุมห้องขังของสถานกักขังเพียงคนเดียว
สาเหตุที่เธอไข้ขึ้นเป็นเพราะว่า สัมผัสถึงความหนาวถึงขีดสุด หนาวจนทำให้จับสั่นไปทั้งตัวอย่างไม่หยุดหย่อน
เธอรู้สึกว่าตัวเองทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงพูดกระซิบกระซาบร้องขอว่า : “ขอร้องพวกคุณ ขอร้องพวกคุณช่วยสงสารฉันหน่อย ขอผ้าห่มหน่อยฉันหนาว ฉันหนาวมากจริงๆ……”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า : “แกจะมาเรียกร้องอะไรของแก?คนแบบแกยังอยากจะห่มผ้าอีก ฉันจะบอกแกให้นะ คืนนี้แกก็ยังต้องนอนที่ห้องน้ำ!”
เซียวเวยเวยที่อยู่ข้างๆพูดคล้อยตามว่า : “คุณย่า ฉันว่าเหมือนว่าต้องใช้น้ำเย็นล้างตัวเธอถึงจะได้นะ!หรือว่าเดี๋ยวเราจะไปที่ห้องน้ำช่วยเธอหน่อย?”
เมื่อหม่าหลันได้ยินประโยคนี้ ร้องจนน้ำหูน้ำตาไหล พูดร้องขออย่างน่าสังเวชว่า “แม่ ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ ถ้าหากคืนนี้คุณยังให้ฉันนอนในห้องน้ำอีก อาบน้ำเย็นให้ฉัน งั้นคืนนี้ฉันคงต้องตายที่นี่อย่างแน่นอน ฉันขอร้องแหละคุณได้โปรดเมตตาเถอะ!”
นายหญิงใหญ่เซียวพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า : “จนถึงตอนนี้แกก็ยังจะเพ้อฝันว่าฉันจะสงสารแกเหรอ?ฉันจะบอกแกให้ฟังนะ ฉันแทบอยากจะให้แกตายเร็วๆเลย!ทางที่ดีแกไม่ต้องรอถึงคืนนี้แล้วค่อยตายนะ แกตายตอนนี้เลย!”
หม่าหลันร้องคร่ำครวญว่า : “แม่ ระหว่างคุณกับฉันก็เป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้ และฉันก็รองรับอารมณ์ของคุณมากว่ายี่สิบปีแล้ว ทำไมตอนนี้คุณถึงต้องทำให้ฉันตายด้วยล่ะ?ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณโกรธที่ฉันไม่ให้คุณอยู่ที่คฤหาสน์ด้วย ก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำให้ฉันถึงตายนะ?”
พูดจบ เธอก็มองไปยังพี่สาวคนโตจางกุ้ยเฟินที่อยู่ในห้องขัง พูดร้องไห้วิงวอนว่า : “พี่กุ้ยเฟิน ฉันรู้ว่าคุณเกลียดลูกสะใภ้ที่อกตัญญู แต่ที่ฉันไม่ให้เธออยู่ที่คฤหาสน์ของฉัน มันก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าการต่างคนต่างอยู่ระหว่างฉันกับแม่ยายคนนี้ ”
“ฉันแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลเซียวกว่ายี่สิบปีแล้ว ไม่เคยทุบตีเธอเลย และไม่เคยด่าเธอจริงๆสักครั้ง แม้ว่าจะโดนเธอรังแกมาโดยตลอด ก็แค่ช่วงเวลานี้ที่ตระกูลเซียวแย่แล้ว ฉันพูดถากถางเธอ เยาะเย้ยเธอ แต่นั่นก็เป็นการดูหมิ่นจากปาก เพียงเท่านั้นเอง”
“แต่คุณก็เห็นสองวันมานี้เธอทำยังไงกับฉันบ้าง เธอทุบตีฉัน ด่าฉัน คิดทุกวิถีทางที่จะทรมานฉัน รังแกฉัน จะทำให้ฉันตายให้ได้เลย”
“ในฐานะคนที่รู้เหตุรู้ผลคนหนึ่ง คุณดูไม่ออกเลยเหรอว่าระหว่างฉันกับเธอนั้นใครกันแน่ที่เป็นคนชั่วร้าย?”
“ถ้าหากฉันชั่วร้ายเหมือนอย่างที่เธอพูดอย่างนี้ งั้นคุณคิดว่าเธอยังจะมีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้เหรอ?”
“ถ้าหากฉันชั่วร้ายอย่างที่เธอพูด ทำไมเธอถึงได้แข็งแรงอย่างนี้ ขนาดที่ว่ายังสามารถลงไม้ลงมือกับฉันได้?นี่ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ฉันไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่เธอพูดเลย และเป็นเธอต่างหากที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง!”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ หม่าหลันก็พูดไปพลางร้องไห้ไปพลางอย่างเจ็บปวด คนทั้งคนก็เหมือนกับโต้วเอ๋อร์ที่ต้องทนทุกข์กับความอยุติธรรมยังไงอย่างนั้น
เมื่อนายหญิงใหญ่เซียวเห็นหม่าหลันกล้าร้องเรียนตัวเอง โมโหและเดินไปยังข้างหน้าของเธอ ตบเข้าไปที่หน้าของเธอฉาดหนึ่ง
ตามมาด้วย นายหญิงใหญ่จับหัวเธอโขกกับกำแพง พูดด่าทอว่า : “แกมันคนไร้ยางอาย ยังมีหน้ามายุให้รำ ตำให้รั่วที่นี่อีก แกดูว่าฉันจะฆ่าแกยังไง!”