ได้ยินหม่าหลันพูดร้องเรียนทั้งน้ำตา ในตอนนี้จางกุ้ยเฟินก็ตระหนักได้ ที่เธอพูดเหมือนว่าจะมีเหตุผลจริงๆนะ

แม้ว่านายหญิงใหญ่ร้องเรียกต่างๆนานาว่าหม่าหลันคนนี้อยุติธรรม ถึงขั้นด่าเธอทุบตีเธอ ไม่ให้เธอเขามาอยู่ที่คฤหาสน์Tomson Riviera

แต่เมื่อดูนายหญิงใหญ่แล้ว กลับไม่เหมือนคนที่ถูกทรมานมาเป็นเวลานาน สุขภาพของเธอแข็งแรงมาก กระปรี้กระเปร่า ทุบตีคนอื่นก็ยิ่งไม่ออมมือให้เลยสักนิด

ดังนั้นเมื่อมองแบบนี้แล้ว ถ้าหากหม่าหลันอยุติธรรมกับเธอ มี 10 คะแนน งั้นความเกลียดชังและความแค้นที่เธอมีต่อหม่าหลัน ก็มี 100 คะแนน

เมื่อเห็นนายหญิงใหญ่ลงไม้ลงมือกับหม่าหลันเช่นนี้ จางกุ้ยเฟินรู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกต้อง

เธอรีบเอ่ยปากพูดว่า : “นายหญิงใหญ่อย่าทุบตีก่อนเลย คุณลงมือได้โหดเหี้ยมจริงๆ ไม่ว่าจะยังไง ก็ไม่ต้องถึงขั้นส่งให้เธอไปตายหรอกนะ?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ หม่าหลันก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที

เธอเข้ามาที่สถานกักขังกว่าสองวันแล้ว มองออกตั้งนานแล้วว่าจางกุ้ยเฟินคนนี้ เป็นที่พึ่งพาเดียวที่นายหญิงใหญ่อยู่ที่นี่

มีจางกุ้ยเฟินหนุนหลัง เธอถึงกล้าดูถูกตัวเองอย่างกำเริบเสิบสาน ทุบตีตัวเอง

ถ้าหากจางกุ้ยเฟินไม่หนุนหลังเธอ ถึงขนาดจางกุ้ยเฟินก็สงสารตัวเอง สั่งห้ามไม่ให้เธอลงมือกับตัวเอง งั้นต่อไปตัวเองก็คงใช้ชีวิตได้สบายขึ้นเยอะเลย

คิดมาถึงตรงนี้ หม่าหลันก็ร้องไห้พร้อมพูดว่า : “พี่กุ้ยเฟิน คุณก็ยังเป็นคนที่รู้เหตุรู้ผลดี แค่คุณมองก็ดูออกแล้ว ระหว่างฉันกับนายหญิงใหญ่ คนที่อยากให้อีกฝ่ายตายจริงๆไม่ใช่ฉันแต่เป็นเธอ!เธออยากจะให้ฉันตายมาโดยตลอด ถ้าหากคุณไม่ออกโรงมาช่วย ฉันคงจะโดนนายหญิงใหญ่ที่มีใจโหดเหี้ยมทรมานจนตายแล้วจริงๆ!”

นายหญิงใหญ่เซียวค่อนข้างใจร้อน รีบโพล่งพูดออกว่า : “กุ้ยเฟิน คุณอย่าไปเชื่อคำพูดจามั่วซั่วที่ผู้หญิงคนนี้พูดเด็ดขาดนะ คำพูดที่ออกจากปากของเธอมีความจริงสะที่ไหนกันละ!”

จางกุ้ยเฟินพูดอย่างจริงจังว่า : “ที่เธอพูดจะเป็นความจริงหรือไม่นั้น ฉันไม่รู้ แต่ฉันก็ไม่ได้ตาบอดนายหญิงใหญ่คุณพอเหมาะสมก็สมควรหยุดได้แล้ว ถึงอย่างไรคุณก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ไม่ได้รับความทุกข์ทรมานทางร่างกายอะไร ทำไมจะต้องทำให้เธอถึงตายด้วย?”

ในใจของนายหญิงใหญ่เซียวก็สะอึกดังกึกๆครู่หนึ่ง

เธอถึงตระหนักได้ว่า ตัวเองทำเกินไปหน่อย

แม้ว่าในใจของตัวเองจะยังไม่หายเกลียด แต่ว่า พฤติกรรมของตัวเอง ก็ได้ทำลายความสมดุลในใจของจางกุ้ยเฟินแล้ว ทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองได้ทำเกินไปหน่อยแล้ว

ถ้าหากตัวเองยังไม่คิดจะหาวิธีอีก งั้นตาชั่งในใจของจางกุ้ยเฟินก็จะเอียงเอนไปทางหม่าหลัน ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ตัวเองก็จะกลายเป็นผู้ถูกกระทำแล้ว

คิดมาถึงตรงนี้ นายหญิงใหญ่เซียวก็รีบพูดไปพลางร้องไห้ไปพลาง ชี้พร้อมพูดกล่าวตำหนิหม่าหลันว่า : “กุ้ยเฟิน คุณห้ามโดนผู้หญิงชั่วช้าคนนี้หลอกเด็ดขาดนะ!”

พูดแล้ว เธอก็โกรธจนทำให้เสียงสั่นคลอนเลย พูดเสียงดุดันว่า : “คุณคิดว่าเธอไม่เคยตีฉัน ก็เป็นคนดีแล้วงั้นเหรอ?คุณรู้ไหมว่าเธอทำอะไรกับครอบครัวของพวกเราบ้าง?”

“ตอนนั้น ลูกชายของฉันมีแฟนสาวรักแรกพบที่ดีมากอยู่แล้ว และเป็นลูกสะใภ้ในอุดมคติที่ฉันอยากจะให้แต่งเข้าบ้านมา เด็กผู้หญิงคนนี้ช่างเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะ งดงามมีความเขินอาย ดีกว่าผู้หญิงที่ไร้ยางอายคนนี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า!”

“ในตอนนั้น ลูกชายของฉันเริ่มเตรียมจะ แต่งงานกับคนเขาหลังจากที่เรียนจบแล้ว แต่คุณรู้ไหม ก่อนที่จะเรียนจบ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

จางกุ้ยเฟินเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ตกใจว่า : “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

นายหญิงใหญ่เซียวชี้ไปที่หม่าหลัน พูดอย่างโมโหว่า : “ก็เพราะผู้หญิงที่ไร้ยางอายคนนี้ไง รู้ว่าตระกูลของเราในตอนนั้นค่อนข้างมั่งคั่ง อยากจะแต่งเข้ามาเป็นเมียที่มีผัวรวย ดังนั้นเธอจึงฉวยโอกาสตอนที่ลูกชายของฉันเมา เผด็จศึกลูกชายของฉัน!แล้วนำเรื่องนี้ไปบอกแฟนของลูกชายฉันอย่างไม่มียางอายแม้แต่น้อย!จนสุดท้ายกดดันให้ผู้หญิงคนนี้เลิกกับลูกชายของฉัน หนีไปไกลถึงต่างประเทศ!”

“จนสุดท้ายลูกชายของฉันก็ถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับนังผู้หญิงสารเลวที่เขาไม่ได้รักเลยสักนิด!ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้เป็นเวลา 20 กว่าปี ลูกชายของฉันไม่เคยมีความสุขแม้แต่วันเดียว”

“การแต่งงานที่ช่างโชคร้ายของลูกชายฉัน ที่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อนังสารเลวคนนี้แล้ว!”