ตอนที่ 1362 โรงประมูลเมืองโยว

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

กู้ไป๋อีกล่าวถามว่า “จะไปหรือไม่?”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไปแน่นอน”

การประมูลที่เมืองโยวจะต้องดึงดูดผู้คนไม่น้อยแน่นอน

เมื่อเปรียบเทียบกับการระดมกำลังของตำหนักตงจี๋แล้ว มู่เฉียนซีเงียบกว่ามาก

นางเดินทางไปกับกู้ไป๋อีเพียงสองคนเท่านั้น

นอกจากคนที่เข้าร่วมการประมูลแล้ว เมืองโยวไม่ให้คนอื่นเข้าเลย

ตำหนักเป่ยหานมีบัตรเชิญพิเศษ และในขณะที่กู้ไป๋อีเอาบัตรเชิญออกมา ก็ถูกเชิญเข้าเมืองด้วยความเคารพ

ตามถนนตรอกซอยของเมืองโยวไม่มีพ่อค้าแม่ขายหาบเร่ขายของแต่อย่างใด

นอกจากโรงประมูลสูงตระหง่านที่อยู่ใจกลางนั้นแล้ว สถานที่อื่น ๆ ล้วนแต่เป็นที่พักอาศัยของแขกเหรื่อ

ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่อันที่จริงแล้วทุกอย่างที่นี่ล้วนแต่มีราคาแพงทั้งสิ้น

“ท่านหัวหน้าตำหนักเป่ยหาน นี่คือที่พักของพวกท่าน”

ที่พักแห่งนี้เป็นคฤหาสน์หหลังหนึ่ง ทันทีที่เข้าไปก็เห็นเหล่าบรรดาสาวใช้คนรับใช้ยืนเรียงแถวต้อนรับอยู่ด้านใน

“ยินดีต้อนรับนายท่านเจ้าค่ะ!”

กู้ไป๋อีมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่เฉยเมย และเดินเข้าไปพร้อมกับมู่เฉียนซี

การประมูลจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่ง

ตำหนักตงจี๋มาถึงก่อนพวกเขาในก่อนหน้านี้แล้ว ในตอนนี้ก็มีคนเข้าไปรายงานกับไป๋อู๋ห่ายและเฟิงอวิ๋นซิว

“ท่านหัวหน้าตำหนัก นายน้อยอวิ๋นซิว ท่านหัวหน้าตำหนักเป่ยหานกับประมุขน้อยมาถึงเมืองโยวแล้วขอรับ”

เฟิงอวิ๋นซิวได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “มากันแค่สองคนเหรอ”

“ขอรับ!”

ความโหดเหี้ยมเผยออกมาจากแววตาของไป๋อู๋ห่าย “ช่างกล้าหาญยิ่งนัก! มู่เฉียนซีคิดว่ากู้ไป๋อีคนเดียวจะปกป้องนางได้อย่างนั้นเหรอ?”

หัวหน้าเกาะไห่กล่าว “ข้าจะฆ่าสาวน้อยนั่นเดี๋ยวนี้ ข้าจะแก้แค้นให้ลูกชายข้า”

เฟิงอวิ๋นซิวเหลือบมองพวกเขาและกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “พวกเจ้าคงจะไม่ลืมกระมังว่าเมืองโยวก็มีกฎเกณฑ์เหมือนกัน!”

“เมืองโยวก็แค่เมืองเล็ก ๆ เท่านั้น ตอนนี้กองกำลังอันแข็งแกร่งของพวกเรามาร่วมมือกันฆ่าสาวน้อยนั่น พวกเขาก็ไม่อาจก้าวก่ายได้” หัวหน้าเกาะไห่กล่าวด้วยเสียงเคียดแค้น

“แต่มันจะมีผลต่อการประมูลแผนที่ ในระหว่างที่การประมูลยังไม่เริ่มขึ้น พวกเจ้าจะทำให้เสียการไม่ได้เด็ดขาด” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวเตือน

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “สาวน้อยนั่นกำเริบเสิบสานได้อีกไม่นานหรอก ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเอาแผนที่มาให้ได้ หากกระบี่ในมือนางเป็นของจริง นางคงไม่มาเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้แน่นอน ดูท่าแผนที่นี้ต้องเป็นของจริงอย่างแน่นอน”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “รู้จักเรียงลำดับความสำคัญก็ดีแล้ว”

เมื่อมาถึงเมืองโยว มู่เฉียนซีก็กล่าวถามว่า “มังกรเพลิง เจ้าได้กลิ่นอายของเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นบ้างหรือไม่?”

มังกรเพลิงกล่าว “นายท่าน ข้าไม่ได้กลิ่นของเจ้านั่นเลย! เจ้าพิฆาตวิญญาณต้องไม่ได้มาแน่นอน เยี่ยมไปเลย”

“เจ้าโง่ เจ้าอย่าได้ดีใจไปก่อนเลย” ตอนนี้ นางไม่วางใจเลยแม้แต่น้อย

การปรากฏของแผนที่นี้มันบังเอิญเกินไปแล้ว!

ยามรัตติกาล เงาร่างร่างหนึ่งบุกเข้ามาในคฤหาสน์ของมู่เฉียนซี

“เงาจันทราหนาวเหน็บ!” ลำแสงกระบี่อันเย็นยะเยือกพุ่งโจมตีไปที่เป้าหมาย

ร่างในชุดดำแดงหลบหลีกการโจมตีนี้ได้

น้ำเสียงอันไพเราะเสียงหนึ่งดังขึ้น “เฉียนซี ข้าเอง!”

แม้ว่าจะได้ยินเสียงเฟิงอวิ๋นซิว แต่กระบี่ของกู้ไป๋อีก็ยังคงโจมตีอยู่เฉกเช่นเดิม

มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวตัวไปพลางกล่าว “อวิ๋นซิว เจ้ามาได้ยังไง?”

กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตำหนักตงจี๋กำลังจะเปิดศึกกับตำหนักเป่ยหานของข้า นายน้อยอวิ๋นซิวบุกเข้ามาเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าปิดปากเจ้าเอาเหรอ?”

กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกของกู้ไป๋อีแผ่ซ่านออกมา แต่เฟิงอวิ๋นซิวกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด

เขามองมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ข้าแค่อยากมาดูเจ้าก็เท่านั้น”

เจอกันครั้งหน้า ก็ต้องเป็นศัตรูกันจริง ๆ แล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนแรกข้าเตรียมพร้อมที่จะเป็นศัตรูกับเจ้าแล้ว ฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องลังเลอะไรทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เจ้าได้ข่าวผู้อาวุโสสูงสุดบ้างหรือไม่?”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เขาซ่อนตัวได้เงียบมาก อีกทั้งไป๋อู๋ห่ายก็จงใจปิดบังเรื่องนี้ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาอยู่ส่วนไหนของตำหนักตงจี๋ ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย!”

“ตาเฒ่านั่นเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกจริง ๆ แถมยังเป็นนักสาปอีกด้วย ไม่มีทางเผยพิรุธออกมาแน่นอน เจ้าไม่ต้องขอโทษข้าหรอก” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ในเมื่อมาแล้วก็เข้ามานั่งก่อนเถอะ!”

สีหน้าของกู้ไป๋อียิ่งทวีความเย็นยะเยือกมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เฟิงอวิ๋นซิวนั้นนิ่งสงบมาก

ทั้งสามนิ่งเงียบกันเป็นเวลาหลายอึดใจ จนในที่สุดกู้ไป๋อีก็ทำลายความเงียบนั้นด้วยการเอ่ยปากกล่าวว่าขึ้น

“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็รีบไสหัวกลับไปเถอะ ซีเอ๋อร์ต้องพักผ่อน!”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เฉียนซี เจ้าต้องการกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จริง ๆ เหรอ?”

ถึงแม้ว่าจะเกลี้ยกล่อมไป๋อู๋ห่ายได้ แต่เขาก็รู้ดีว่ากระบี่ในมือนางคือของจริง

มู่เฉียนซีตอบ “ถึงแม้ว่ากระบี่มังกรเพลิงจะไม่ได้ทำพันธสัญญาชีวิตกับข้า แต่ในใจของข้ามันก็สำคัญกับข้ามาก เจ้าถามข้า งั้นข้าถามเจ้าบ้าง เจ้าต้องการมันจริง ๆ เหรอ?”

เฟิงอวิ๋นซิวพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่! ต้องเอาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด ข้าก็ต้องเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้”

“งั้นการประมูลครั้งนี้ เจ้าก็คือศัตรูของข้า กระบี่ที่ไม่สมบูรณ์ ต่อให้เจ้าเอาไปให้มู่หลินหลาง นางก็ไม่พอใจอยู่ดี” มู่เฉียนซีกล่าว

เฟิงอวิ๋นซิวตกใจขึ้นเล็กน้อย “นะ นี่ นี่เจ้ารู้”

“ข้าได้เจอกับองค์รัชทายาทเป่ยกง ได้ยินเรื่องราวมาบ้างแล้ว! หากเจ้าไม่ถือสา เจ้าบอกเรื่องที่เจ้ารู้มาให้ข้าฟังได้หรือไม่ อย่างเช่นเรื่องท่านพ่อของข้า”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ตอนนั้น ข้าเพิ่งคลอดออกมาได้ไม่นาน เรื่องราวหลังจากนั้นก็ถูกลบล้างไป แต่จนถึงตอนนี้เรื่องราวที่เป็นตำนานของมู่เฟิงอวิ๋นก็ยังคงเป็นที่เล่าขานกันอยู่ในดินแดนซวนเทียน”

“ดวงดาวของดินแดนซวนเทียน จักรพรรดิผู้กำเนิดจากตระกูลมู่แห่งราชวงศ์ตงหวง ผู้สืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุด”

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เจ้ารู้จักตัวตนของข้า เจ้าไม่เคยคิดจะฆ่าข้าบ้างเหรอ?”

“ภารกิจของข้าในตอนนี้ก็คือตามหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เท่านั้น” แสงสลัววาบผ่านดวงตาของเฟิงอวิ๋นซิว

หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากทำร้ายซีเลยแม้แต่น้อย

กู้ไป๋อีกล่าว “ของของซีเอ๋อร์ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็อย่าคิดจะแย่งชิงไปได้”

มู่เฉียนซีกล่าวกับเฟิงอวิ๋นซิวว่า “อวิ๋นซิว เจ้ารีบกลับไปเถอะ! การประมูลในวันพรุ่งเจ้าไม่ต้องยั้งมือไว้ปรานี แต่หากรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ รีบฉวยโอกาสหนีไปให้เร็วที่สุด”

เขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าเข้าใจแล้ว!”

เช้าวันต่อมา การประมูลก็เริ่มขึ้น!

ชั้นบนสุดมีห้องส่วนตัวทั้งหมดเจ็ดห้อง ทันทีที่มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีมาถึง ก็ถูกเชิญเข้าไปในห้องนั้นทันที

ตำหนักตงจี๋ก็อยู่ชั้นนี้เหมือนกัน ส่วนอีกห้าห้องเหล่านั้น พวกเขามีตัวตนไม่ชัดเจน และตัวตนของพวกเขาก็ไม่ได้ต่ำต้อยเช่นกัน

นักประมูลผู้งดงามและมีเสน่ห์ดุจดั่งบุปผาผู้หนึ่งเดินออกมา นางประกาศขึ้นว่า “วันนี้โรงประมูลเมืองโยวของเราก็ได้จัดการประมูลขึ้นอีกครั้งแล้ว ต้องขอบคุณทุกท่านมากที่เดินทางมาเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ เรามาเริ่มประมูลของชิ้นแรกกันเลยดีกว่า!”

กระบี่ยาวเล่มสีเขียวเล่มหนึ่งถูกนำออกมา นักประมูลประกาศขึ้นว่า “นี่คืออาวุธกึ่งศักดิ์สิทธิ์ กระบี่ชิงเฟิง ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยล้านหยกวิญญาณ!”

ราคาสูงลิ่วถึงเพียงนี้ อันที่จริงมันก็แค่ของเรียกน้ำย่อยเท่านั้น

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงของเรียกน้ำย่อย แต่ทุกคนก็แย่งประมูลกันอย่างบ้าคลั่ง

มู่เฉียนซีมองกู้ไป๋อีและกล่าวถามว่า “เสี่ยวไป๋ กระบี่กึ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอยากเปลี่ยนกระบี่หรือไม่?”

“กระบี่เฉียนหานก็ดีมากอยู่แล้ว!” กู้ไป๋อีตอบ

ของประมูลชิ้นต่อ ๆ ไป ถึงแม้ว่ามันจะล้ำค่ามาก แต่มู่เฉียนซีก็ไม่ได้สนใจ

“ของประมูลชิ้นต่อไปก็คือสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์ ผลว่านเจีย”

ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น ในขณะที่นักประมูลกำลังจะบอกราคาประมูลเริ่มต้น น้ำเสียงอันมีเสน่ห์เสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากห้องห้องหนึ่ง

“สองพันล้านหยกวิญญาณ!”

ชั่วพริบตาเดียวผู้คนต่างก็ตกตะลึงขึ้น!

นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนเสนอราคาสูงเช่นนี้ รูม่านตาของมู่เฉียนซีหดลง น้ำเสียงนี้คุ้นมาก!

.