น้ำเสียงเกียจคร้านและมีเสน่ห์นี้แฝงไปด้วยจิตสังหารอย่างกระหายเลือด

มังกรเพลิงกล่าว “เสียงนี้เหมือนเสียงพิฆาตวิญญาณมาก! แต่เหตุใดข้าถึงไม่ได้กลิ่นอายของพิฆาตวิญญาณเลยล่ะ หรือว่าเขาจะจงใจซ่อนกลิ่นอาย”

มู่เฉียนซีกล่าว “มีความเป็นไปได้มาก!”

“นายท่าน เรารีบหนีกันก่อนเถอะขอรับ!” มังกรเพลิงกล่าวด้วยความประหม่า

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าหมอนั่นต้องรู้แน่นอนว่าพวกเราอยู่ที่นี่ เจ้าบอกให้ข้าหนี เจ้าคิดว่าตอนนี้เราจะหนีรอดอย่างนั้นเหรอ?”

“หนีไม่รอดแน่ พิฆาตวิญญาณเก่งกาจเกินไปแล้ว”

“เจ้ากินของดีไปแล้วก็ยังสู้เขาไม่ได้เหรอ?”

“ฮือ ๆ ๆ! พิฆาตวิญญาณเก่งกาจเกินไปจริง ๆ นายท่าน ข้ามันไร้ประโยชน์ นายท่านตีข้าด่าข้าเถอะ!”

กู้ไป๋อีเองก็รับรู้ได้ถึงอันตรายนี้แล้ว เขากล่าวเสียงขรึม “ข้าจะถ่วงเวลาเอาไว้ พวกเจ้ารีบหนีไปก่อน”

มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อเขามาหาข้าถึงที่ ไม่ว่าข้าจะหนีอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ก่อนที่เขาจะลงมือ ข้าอยากรู้ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใดกันแน่”

แม้ว่ายาลูกกลอนขั้นสวรรค์จะล้ำค่า แต่ภายในชั่วพริบตาเดียวก็ถูกประมูลไปด้วยหยกวิญญาณจำนวนมากราวกับก้อนหิน

ยาลูกกลอนนางมีใช้ไม่ขาด ดังนั้นจึงขี้เกียจประมูล

และในตอนนี้เองเสียงเสียงหนึ่งก็ดังมาจากทางนั้นว่า “ของประมูลเหล่านี้ เอาไปมอบให้ห้องหมายเลขหกชั้นเจ็ด!”

มู่เฉียนซีตกใจขึ้น ห้องหมายเลขหก มันเป็นห้องของนางหนิ

เจ้าหมอนั่นคิดจะทำอะไรกันแน่!

มังกรเพลิงกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “พิฆาตวิญญาณต้องการทำดีกับนายท่านแน่นอน เขาก็เลยมอบของขวัญให้นายท่านอย่างไรล่ะขอรับ เยี่ยมไปเลย ในที่สุดพิฆาตวิญญาณก็คิดได้สักที”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “มังกรเพลิง เจ้าคิดเช่นนั้นจริง ๆ เหรอ?”

เมื่อนึกถึงความกระหายเลือดอันรุนแรงของเขาเมื่อครั้งก่อน หากจะบอกว่าพิฆาตวิญญาณยอมปล่อยนางไป สมองของเขาต้องเลอะเลือนไปแล้วเป็นแน่

“อืม! นายท่าน คิดในแง่ดีหน่อยสิขอรับ!”

“คิดในแง่ดีมันก็เป็นเรื่องดีนะ แต่นั่นมันเป็นความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้ เจ้าเลิกคิดเช่นนั้นจะดีกว่านะ”

เวลาต่อมา โรงประมูลแห่งนี้ก็เกิดเรื่องที่น่าสนใจขึ้นแล้ว

ของประมูลทุกชิ้นที่มู่เฉียนซีสนใจ ผู้ประมูลในห้องหมายเลขหนึ่งชั้นเจ็ดผู้นั้นก็จะประมูลและส่งมาให้มู่เฉียนซีทุกชิ้น

ทุกคนในโรงประมูลก็รู้สึกทอดถอนใจมาก “หรือว่าห้องหมายเลขหกจะเป็นสาวงาม ท่านผู้นั้นก็เลยยอมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อจะเอาใจนาง”

“คงจะเป็นเช่นนั้น หากมีคนมาทำดีกับข้าเช่นนี้ ข้าคงเอาตัวเข้าแลกไปนานแล้ว แต่ดูเหมือนผู้ประมูลหมายเลขหกผู้นั้นจะไม่แสดงอาการใด เลยนะ”

“บุปผาร่วงมีนัย น้ำไหลไร้ไมตรี หรือว่าฝ่ายหนึ่งจะทอดสัมพันธ์เสนอให้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนองรับ?”

เมื่อกู้ไป๋อีได้ยินเสียงวิจารณ์ของคนเหล่านั้นเข้า สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาทันที เขาต้องการหยุดการกระทำของคนผู้นั้น

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ นิ่งไว้ก่อน! อย่าเพิ่งไปคิดบัญชีกับเจ้าวิปริตนั่นก่อนเลย เพราะสุดท้ายเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าเจ้านั่นกำลังคิดวางแผนจะทำสิ่งใดกันแน่”

ไป๋อู๋ห่ายและพวกก็รู้ว่าห้องหมายเลขหกนั้นเป็นห้องของมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อี

เขากล่าวเย้ยหยันว่า “สาวน้อยนั่นอาศัยรูปร่างหน้าตาตัวเองไปยั่วยวนล่ะสิ ช่างไร้ยางอายจริง ๆ”

แสงสลัววาบผ่านดวงตาสีอำพันคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิว เขากล่าว “หัวหน้าตำหนัก คนผู้นี้น่าจะเป็นศัตรูของพวกเราเป็นแน่ ท่านเตรียมพร้อมสู้รบกับเขาให้ดีเถอะ!”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “ก็แค่คนไร้นามคนหนึ่ง มันต้องใช้หยกวิญญาณจนหมดแล้วเป็นแน่ เราไม่จำเป็นต้องกลัว”

ต่อให้ตอนนี้มู่เฉียนซีอยากใช้เงินมากเท่าไหร่ ตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสแล้ว

ตอนนี้นางรู้สึกเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ศัตรูอยู่ตรงหน้า นางไม่กล้าวางใจแม้แต่น้อย

ความอันตรายของพิฆาตวิญญาณนางเคยสัมผัสมาแล้ว และสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว

และแล้วของประมูลชิ้นสุดท้ายก็กำลังจะเริ่มขึ้น และนั่นก็คือ แผนที่โบราณแผ่นนั้น

นักประมูลกล่าวว่า “หหากกใครได้แผนที่แผ่นนี้ไป ก็จะสามารถหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เจอ แผนที่แผ่นนี้ไม่กำหนดราคาเริ่มต้นในการประมูล เริ่มประมูลได้ ณ บัดนี้!”

“ร้อยล้าน!” ไป๋อู๋ห่ายกลัวคนอื่นจะแย่ง จึงประมูลด้วยราคาที่สูงลิ่วไป

มู่เฉียนซีเหลือบมองแผนที่นั้น ในใจก็คิดว่าไม่รู้ว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม

เอามาก่อนแล้วค่อยว่ากันก็แล้วกัน!

“ร้อยสิบล้าน!”

หอหมอปีศาจไม่ขาดแคลนเงินทองอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงกำไรที่ได้มาจากการประลองหลอมยาครั้งใหญ่ในดินแดนสี่ทิศในครั้งนี้เลย ตอนนี้ถึงเวลาที่จะใช้มันแล้ว

ในตอนนี้เกรงว่าไป๋อู๋ห่ายต้องคิดไม่ถึงเป็นแน่ แข่งเงินทองกับหอหมอปีศาจ ตำหนักตงจี๋ของพวกเขาถึงคราวซวยแล้วล่ะ

ไป๋อู๋ห่ายกัดฟันกรอดพลางกล่าว “มู่เฉียนซี เจ้ามันเยี่ยมจริง ๆ! คิดจะแย่งชิงกับข้า ข้าไม่มีทางให้เจ้าได้มันไปเด็ดขาด”

เขาตะโกนออกไปว่า “สองร้อยล้าน!”

“สองร้อยห้าสิบล้าน!” มู่เฉียนซีเสนอราคา

ราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ คนอื่นไม่มีโอกาสได้แทรก นี่จึงเป็นการแย่งประมูลระหว่างมู่เฉียนซีกับไป๋อู๋ห่าย

เศรษฐีห้องหมายเลขหนึ่งผู้นั้นกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เลย ทุกคนจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

“แปดร้อยล้าน!” ไป๋อู๋ห่ายตะโกน

แม้ว่าจะเจ็บช้ำใจ แต่เขาก็จำเป็นต้องทำเช่นนี้!

หากสำเร็จ รางวัลที่พระนางมอบให้จะต้องมากกว่าแปดร้อยล้านนี้แน่นอน

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “หัวหน้าตำหนักไป๋ ท่านเสนอราคาสูงลิ่วเช่นนี้ ถึงเวลานั้นไม่กลัวว่าจะได้ของไร้ประโยชน์ไปบ้างเหรอ?”

ไป๋อู๋ห่าย “หยุดเล่นอุบายนี้ได้แล้ว หากเจ้ากลัวว่าจะประมูลได้แค่แผ่นกระดาษไร้ประโยชน์ไป เจ้าก็เลิกประมูลซะสิ”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “หอหมอปีศาจของข้าไม่ขาดแคลนเงินทองอยู่แล้ว ต่อให้ทุ่มหนักกว่านี้แล้วได้แค่แผ่นกระดาษไร้ประโยชน์มา ข้าก็ไม่ได้เดือดร้อนอันใด!”

ในตอนนี้ทุกคนก็เพิ่งจะรู้ว่าสองคนที่กำลังแย่งประมูลกันอยู่นี้ก็คือหัวหน้าตำหนักไป๋แห่งตำหนักตงจี๋กับผู้นำตระกูลมู่แห่งหอหมอปีศาจ มิน่าล่ะว่าเหตุใดถึงได้ประมูลในราคาสูงลิ่วเช่นนี้ได้

มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นอีกครั้ง “พันล้าน!”

ไป๋อู๋ห่ายตกตะลึงขึ้น เขานึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะเพิ่มราคาต่อ

เดิมทีทุนในการประมูลวันนี้ก็ไม่ได้มีมากนัก และไม่อาจเป็นหนี้สินกับเมืองโยวได้

ไป๋อู๋ห่าย “อวิ๋นซิว!”

เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่แผนที่นั้น จากนั้นเขาก็ตะโกนว่า “สามพันล้าน!”

หลังจากตะโกนออกไปแล้ว เขาก็กล่าวว่า “นี่เป็นราคาสูงที่สุดที่เราจะเสนอได้แล้ว สูงกว่านี้พวกเราไม่มีจ่ายแล้ว”

ไป๋อู๋ห่ายกัดฟันกรอด “สามพันล้าน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าสาวน้อยนั่นจะมีปัญญาให้ราคาที่สูงกว่านี้ได้!”

ทว่า ไป๋อู๋ห่ายคิดผิดแล้ว เพราะมู่เฉียนซีมีปัญญาเพิ่มราคาได้อย่างที่เขาไม่อาจจินตนาการได้

“ห้าพันล้าน!”

“บัดซบ!” ไป๋อู๋ห่ายตบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธ จนโต๊ะเกิดรอยร้าวขึ้น

หญิงสาวนักประมูลกล่าว “ห้าพันล้านหยกวิญญาณ ยังมีใครให้ราคาสูงกว่านี้หรือไม่?”

“ห้าพันล้านนับหนึ่ง!”

“ห้าพันล้านนับสอง…”

หากนับถึงสามครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นการประมูล!

มู่เฉียนซีมองไปที่แผนที่นั้นและขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย มันจะราบรื่นเพียงนี้เลยเหรอ?

“ห้าพันล้านนับ……”

ยังไม่ทันนับถึงสาม น้ำเสียงชั่วร้ายเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“เก้าพันล้าน!”

ทุกคนต่างเกิดความโกลาหลขึ้น!

“เป็นเขาอีกแล้ว เขาลงมือแล้ว!”

“เดิมทีคิดว่าเขาจะไม่ลงมือแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาชิงลงมือในตอนท้ายเช่นนี้”

“พระเจ้าช่วย! เก้าพันล้าน!”

เขาลงมืออย่างกะทันหันเช่นนี้ก็เกินความคาดหมายของมู่เฉียนซีเช่นกัน

เกรงว่าการปรากฏของแผนที่นี้ต้องเป็นฝีมือเขาแน่นอน

ในเมื่อเขาอยากทุ่มเงินกองโตประมูลของของตัวเอง เช่นนั้นก็ปล่อยให้เขาประมูลไปก็แล้วกัน!

“เก้าพันล้านครั้งที่หนึ่ง!”

“เก้าพันล้านครั้งที่สอง!”

“เก้าพันล้านครั้งที่สาม!”

“ปิดการประมูล!”

“คนผู้นั้นประมูลได้แล้ว ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะมอบให้ผู้นำตระกูลมู่อีกหรือไม่”

“ของประมูลก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยเมื่อเทียบกับแผนที่แผ่นนี้ เขาไม่น่าจะให้กระมัง!”

“……”

สีหน้าไป๋อู๋ห่ายเคร่งขรึมขึ้นมาก “คนผู้นั้นมันเป็นใครกันแน่!” เขานึกไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าแผนที่นั่นจะไม่ได้ตกอยู่ในมือเขากับมู่เฉียนซี แต่กลับไปตกอยู่ในกำมือของผู้ลึกลับผู้หนึ่งแทน

.