ตอนที่ 1365 อยากครอบครองเขา

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

บรรยากาศอันตรายนั้นทำให้กู้ไป๋อีขมวดคิ้วขึ้น

เขารู้มาตั้งนานแล้วว่าเจ้าพิฆาตวิญญาณนั้นน่ากลัวมาก ตอนนี้ได้มาเผชิญหน้ากัน ทำให้เขารู้ว่าคนผู้นี้มันน่ากลัวมากเพียงใด

พิฆาตวิญญาณกล่าวอีกว่า “ส่วนชายข้างกายเจ้า จะต้องตายไปอย่างศพไม่สวยแน่นอน”

ดวงตาของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง!

“แมวน้อย เจ้ายอมตกลงแต่โดยดีเถอะนะ เจ้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เจ้าควรจะพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อที่จะหนีให้พ้นไปจากเงื้อมมือของข้าไม่ใช่เหรอ?”

สายลมบริเวณรอบพลันคมกริบขึ้น และยังเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดอีกด้วย

หากนางไม่ตอบตกลง มู่เฉียนซีรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเจ้าพิฆาตวิญญาณต้องทำเรื่องบ้า ๆ ขึ้นแน่นอน

ไม่มีทางเลือก พิฆาตวิญญาณไม่มีทางเลือกอื่นให้นางเลย

มู่เฉียนซีรับแผนที่นั้นมาพลางกล่าว “ก็ได้ ข้าจะไปหาฝักกระบี่เอง”

นางเหลือบมองพิฆาตวิญญาณและกล่าวต่อว่า “เจ้าจะไปได้รึยัง?”

หากสามารถยืดเวลาออกไปได้นางก็จะพยายามยืดเวลาออกไปแน่นอน มิเช่นนั้นหากเจ้าพิฆาตวิญญาณเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาจะต้องวุ่นวายเป็นแน่

หากอาถิงกับมังกรวารีตื่นขึ้นมา นางก็คงไม่ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำแล้ว

มุมปากของพิฆาตวิญญาณยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “แมวน้อยเชื่อฟังเช่นนี้ค่อยน่ารักหน่อย ส่วนสวะไร้ประโยชน์นั่นก็ให้ตามเจ้าไปก่อนก็แล้วกัน อย่างไรเสียตอนนี้ก็ใช้มันไม่ได้อยู่ดี”

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เราไปกันเถอะ!”

กล่าวจบมู่เฉียนซีก็ไม่ได้เหลียวมองพิฆาตวิญญาณเลยสักนิด สิ่งนี้ทำให้พิฆาตวิญญาณรู้สึกโกรธเล็กน้อย และบรรยากาศโดยรอบก็อันตรายขึ้น

“ช้าก่อน! พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ถึงแม้ว่าจะชายชุดแดงผู้นี้จะปรากฏตัวขึ้นอย่างน่าประหลาดมาก แต่ไป๋อู๋ห่ายก็ยังตะโกนให้พวกเขาหยุด

จะยอมปล่อยให้มู่เฉียนซีเเอาแผนที่ไปง่าย ๆ เช่นนี้ได้อย่างไรกันล่ะ

มู่เฉียนซีกล่าวถามอย่างเชื่องช้าว่า “หัวหน้าตำหนักไป๋ ยังมีเรื่องอะไรอีก?”

“เจ้ารับปากแล้วว่าจะเอาแผนที่นั้นให้ข้า ตอนนี้เจ้าจะมาผิดคำพูดอย่างนั้นเหรอ?”

“ข้าก็เอาแผนที่ให้พวกเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเจ้ารักษาไว้ไม่ได้เอง จะโทษข้าได้ยังไง”

“ดูท่าตอนนี้เจ้าจะไม่ยอมซะแล้ว” แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี

เขาออกคำสั่งให้ลูกน้องลงมือ ตราบใดที่เขาขวางกู้ไป๋อีเอาไว้ได้ คนอื่นก็จะจับตัวมู่เฉียนซีได้ไม่ยาก

ขวั่บ! ในขณะที่เขาพุ่งไปที่กู้ไป๋อีนั้น คนอื่น ๆ ก็พุ่งไปที่มู่เฉียนซี

ส่วนเฟิงอวิ๋นซิวกับคนของเขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่มีท่าทีที่จะขยับแต่อย่างใด

เฟิงอวิ๋นซิวไม่ลงมือ มู่เฉียนซีก็ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก

นางเอากระบี่มังกรเพลิงออกมา และมังกรเพลิงก็พ่นปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมาทันที

พิฆาตวิญญาณอยู่ มันจะทำให้พิฆาตวิญญาณดูถูกฝีมือมันไม่ได้เด็ดขาด มันจะทำให้เขาได้รู้ว่าอันที่จริงแล้วมันก็แข็งแกร่งมาก

“มังกรเพลิงสังหาร!” มังกรเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกไป

ในขณะที่กระบวนท่านี้โจมตีออกไป มู่เฉียนซีก็หลบหลีกการโจมตีของคนอื่นเช่นกัน

ทันใดนั้นเอง บัวอัคคีสีแดงฉานดอกหนึ่งก็ปรากฏขึ้น

“บัวแดงพิฆาต!”

“ไสหัวไปให้พ้น!” กู้ไป๋อีที่ถูกไป๋อู๋ห่ายขวางอยู่ในตอนนี้ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “กู้ไป๋อี เมื่อก่อนเจ้าไม่เคยเผยข้อบกพร่องของตัวเองออกมาเลย แต่ตอนนี้ข้อบกพร่องของเจ้าโผล่ออกมามากมาย เจ้าในตอนนี้ ยังคู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าอย่างนั้นเหรอ?”

“การจะเอาชนะเจ้า มันง่ายนิดเดียว!” กระบี่เฉียนหานแผ่ซ่านกลิ่นอายสังหารอันเย็นยะเยือกออกมา

ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! บัวอัคคีสีแดงฉานพุ่งโจมตีไปที่คนของตำหนักตงจี๋เหล่านั้น

คนที่ไป๋อู๋ห่ายพามาแต่ละคนล้วนแต่มีพลังความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาทั้งสิ้น พวกเขาหลบหลีกการโจมตีของมู่เฉียนซี และเริ่มห้อมล้อมนาง

พิฆาตวิญญาณยืนอยู่ข้าง ๆ ทำตัวเป็นผู้ชมยืนดูอยู่เงียบ ๆ

ไม่สนุกเอาซะเลย รู้สึกน่าเบื่อมาก ว่าแล้วร่างในชุดคลุมยาวสีแดงเคลื่อนไหวออกไปปรากฏตัวอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี

“แมวน้อย เจ้าช่างอ่อนแอจนน่าสงสารเสียจริง”

นิ้วมืออันเรียวยาวนั้นจับไปที่ด้ามกระบี่!

เขาแย่งกระบี่ในมือมู่เฉียนซีมา มังกรเพลิงตะโกนขึ้นว่า “เจ้าพิฆาตวิญญาณ นี่เจ้าจะทำอะไร ข้าจะอยู่กับนายท่าน ข้าจะไม่แยกไปจากนายท่าน”

พิฆาตวิญญาณกล่าวอย่างเบื่อหน่ายว่า “หุบปาก!”

ดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้นกวาดมองไปที่คนเหล่านี้

เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวและถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

พิฆาตวิญญาณหันกลับไปมองมู่เฉียนซีแวบหนึ่งและกล่าวกับนางว่า “แมวน้อย เจ้าตั้งใจดูให้ดี ๆ ล่ะ กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณไม่ได้ใช้เหมือนอย่างที่เจ้าใช้”

“นายท่านก็เก่งกาจอยู่แล้ว!” มังกรเพลิงคัดค้านขึ้น

หากไม่ใช่เพราะว่านายท่านมีเวลาฝึกเพียงแค่ช่วงสั้น ๆ และพลังวิญญาณอ่อนแอแล้วละก็ พวกสารเลวพวกนี้ก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนายท่านแน่นอน

สำหรับเจ้ามังกรเพลิงผู้โง่เขลาผู้นี้ พิฆาตวิญญาณดูถูกดูแคลนมันมาก

ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่ามันจะจงรักภักดีต่อคนที่อ่อนแอเช่นนี้ได้ โง่เขลาจนฉุดขึ้นมาไม่ได้แล้วจริง ๆ

กระบี่ยาวสีแดงฉานกวัดแกว่งตัดผ่านอากาศ พลังธาตุอัคคีปกคลุมไปทั่วทั้งปฐพี

เปลวไฟที่ร้อนแผดเผา เปลวไฟที่สามารถกลืนกินทุกสรรพสิ่งได้เช่นนี้ ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น

นี่มัน…

มู่เฉียนซีเองก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่คือกระบี่มังกรเพลิงที่มีดวงจิตของกระบี่อยู่ นี่คือพลังที่แท้จริงเหรอ

พลังธาตุอัคคีอันทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็นการปรุงยาหรือจะเป็นการต่อสู้ล้วนแต่ทำให้ศัตรูแตกพ่ายได้

ริมฝีปากอันยั่วยวนนั้นค่อย ๆ เปิดออกและกล่าวขึ้นว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”

นั่นคือมังกรเพลิงตัวหนึ่งที่ทรงพลังและว่องไวกว่าของมู่เฉียนซีในเมื่อครู่มาก เห็นถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

มังกรเพลิงพุ่งทะยานขึ้นกลางอากาศ!

ต้านทาน? พลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พวกเขาจะต้านทานได้เหรอ?

สู้? เผชิญหน้ากับกระบี่อันทรงพลังเช่นนี้ พวกเขาไม่มีใจที่จะสู้แล้วแม้แต่น้อย

จนสุดท้าย มีเพียงทางเลือกเดียว นั่นก็คือ หนี!

มังกรเพลิงสีแดงฉานมีความรวดเร็วขั้นสูงสุด ไม่นานนักคนบางส่วนก็ถูกมังกรเพลิงพัวพัน

ถูกมังกรเพลิงพุ่งชนใส่ ถูกเปลวไฟแผดเผา

นี่มันเป็นฝันร้ายชัด ๆ!

มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ อุณหภูมิบนท้องฟ้าทวีความร้อนขึ้นเรื่อย ๆ

และจู่ ๆ บัวอัคคีที่งดงามดอกหนึ่งบานสะพรั่งขึ้น

“หนี! รีบหนีเร็วเข้า!”

“ข้ายังไม่อยากตาย! ข้ายังไม่อยากตาย!”

“……”

คำพูดสี่คำที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดถูกพ่นออกมา “บัวแดงพิฆาต!”

ตูม! บัวอัคคีดอกนั้นพุ่งลงมาจากกลางอากาศราวกับอุกกาบาตก็มิปาน

“อ๊า!” คนของตำหนักตงจี๋เหล่านั้นถูกบัวอัคคีนี้กลืนกินจนไม่เหลือซาก

ไป๋อู๋ห่ายที่กำลังต่อสู้อยู่กับกู้ไป๋อีหันไปมองชายชุดแดงผู้นั้น สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไปในทันที

น่ากลัว! น่ากลัวเกินไปแล้ว!

แม้ว่าเขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งดินแดนสี่ทิศ แต่ภายใต้กระบี่ของชายชุดแดงผู้นั้น เกรงว่าเขาก็ไม่อาจหลบหนีไปได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้นไป๋อู๋ห่ายจึงรีบฉีกมิติหนีไป และอันตรธานไปต่อหน้ากู้ไป๋อีทันที

พิฆาตวิญญาณกำกระบี่มังกรเพลิงในมือพลางเดินไปตรงหน้ามู่เฉียนซี

ดวงตาสีเลือดคู่นั้นมองไปที่มู่เฉียนซี “พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แมวน้อยอยากได้ใช่หรือไม่ และผู้แข็งแกร่งอย่างข้า แมวน้อยก็อยากครอบครองใช่หรือไม่?”

“หากหาฝักกระบี่เจอเมื่อไร ข้าก็จะเป็นของเจ้า”

น้ำเสียงอันมีเสน่ห์นี้เต็มไปด้วยความยั่วยวนใจ คนที่เห็นพลังอันแข็งแกร่งของกระบี่เล่มนี้แล้ว จะไม่หวั่นไหวได้อย่างไรกันล่ะ

ดวงตาสีเลือดคู่นั้นดูเหมือนว่าจะแสดงความรักอย่างลึกซึ้ง และดึงดูดวิญญาณของคนตรงหน้าออกมา

ในตอนนี้เอง มู่เฉียนซีก็ยื่นมือออกไป

นิ้วมืออันเรียวยาวนั้นจับคางเขาพลางกล่าว “พิฆาตวิญญาณ นายท่านอย่างข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าจะหน้าตาดีหรือว่าขี้เหร่ ฉะนั้นตอนนี้ข้ายังไม่ได้สนใจเจ้าแม้แต่น้อย ข้าว่าเจ้าถอดหน้ากากเจ้าออกมาก่อนเถอะ”

กล่าวจบ มู่เฉียนซีก็ลงมือโจมตีหน้ากากเขาทันที

แต่การตอบสนองของพิฆาตวิญญาณนั้นรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ เขาจับมือมู่เฉียนซีเอาไว้และกล่าวว่า “แมวน้อยช่างไม่เชื่อฟังเอาซะเลย แต่ยิ่งเจ้าดื้อ ข้าก็ยิ่งสนใจเจ้า”

เขาเอามือจับหน้ากากตัวเอง “แมวน้อยต้องพึงพอใจในหน้าตาของข้าแน่นอน ในเมื่อเจ้าอยากเห็น อันที่จริงแล้วข้าก็ให้เจ้าดูได้”

.