ตอนที่ 1366 คาดเดาไม่ถูกเลย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ก็ดี! ข้าอยากเห็น”

และในขณะที่พิฆาตวิญญาณจะถอดหน้ากากออกนั้นเอง ร่างของเขาก็อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม

หลงเหลือเพียงแค่ภาพติดตาสีเลือดที่มีเสน่ห์และน้ำเสียงอันเย้ายวนไว้เท่านั้น

“ตอนนี้ข้ายังไม่อยากให้แมวน้อยเห็น ครั้งต่อไปหากเจ้าเชื่อฟังข้า ก็อาจจะมีโอกาสเห็นหน้าข้าก็ได้!”

ร่างของพิฆาตวิญญาณอันตรธานหายไปแล้ว และบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวโดยรอบนั้นก็หายไปแล้วเช่นกัน

มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย นี่นางถูกเจ้าวิญญาณพิฆาตบ้านั่นหยอกล้อเข้าแล้วเหรอ

เจ้าหมอนั่นไม่ได้คิดจะถอดหน้ากากตั้งแต่แรก!

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “มังกรเพลิง เมื่อก่อนเจ้าพิฆาตวิญญาณบ้านั่นชอบสวมหน้ากากเช่นนี้เหรอ ?”

มังกรเพลิงตอบ “ก็ไม่นะนายท่าน! เมื่อก่อนพิฆาตวิญญาณไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน แต่หากนายท่านอยากรู้ว่าหน้าตาของเจ้าพิฆาตวิญญาณเป็นเช่นไร ข้าวาดให้นายท่านดูได้นะ นายท่านอย่าได้โกรธไปเลย!”

มังกรเพลิงตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งพุ่งออกมา มู่เฉียนซีมองมันและกล่าวถามว่า “วาดเหรอ? เจ้าไม่ได้มีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ เจ้าจะวาดได้ยังไง?”

มังกรเพลิงยิ้มพลางกล่าว “ข้าใช้ไฟวาดได้ นายท่าน ดูข้า”

เปลวไฟสีแดงฉานถูกพ่นขึ้นสู่กลางอากาศ มังกรเพลิงใช้หางวาดไปมากลางอากาศ ไม่นานนักมันก็วาดเสร็จ

มังกรเพลิงกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “นายท่าน ข้าวาดเสร็จแล้ว นี่คือหน้าตาของเจ้าพิฆาตวิญญาณ!”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น นางมองภาพตรงหน้าที่ถูกวาดขึ้นด้วยเปลวไฟนี้แล้วก็ดูอย่างไรก็ดูไม่ออกว่านี่คือสิ่งใด

วาดตาก็ไม่เหมือนตา ปากก็ไม่เหมือนปาก ไม่มีความเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย

แต่มังกรเพลิงกลับบอกนางด้วยความภาคภูมิใจว่านี่คือพิฆาตวิญญาณ!

“มังกรเพลิง เจ้าเป็นวิญญาณจิตกรที่แท้จริงเลย!” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญา

โชคดีที่พิฆาตวิญญาณไปแล้ว หากเขาเห็นมังกรเพลิงวาดภาพเขาเช่นนี้เข้า มังกรเพลิงจะต้องซวยเป็นแน่

มังกรเพลิงกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “นายท่าน วิญญาณจิตกรคือจิตกรระดับไหนเหรอ ฟังดูแล้วต้องเก่งกาจมากแน่ ๆ เลย”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “เก่งกาจมาก!”

ได้ยินเช่นนี้มังกรเพลิงก็ยิ่งดีใจ “ที่แท้มังกรเพลิงอย่างข้าก็ไม่ใช่สวะไร้ประโยชน์สักหน่อย ข้าก็มีด้านเก่งด้วย เยี่ยมไปเลย”

มู่เฉียนซีมองเฟิงอวิ๋นซิวที่อยู่ข้าง ๆ และกล่าวว่า “เจ้าก็เห็นพลังของเขาแล้ว เจ้ายังยืนหยัดที่จะทำอีกต่อไปอย่างนั้นเหรอ?”

หากไม่ใช่เพราะมีอาถิงกับสุ่ยจิงอิ๋งอยู่ นางจะไม่มีทางเป็นศัตรูกับพิฆาตวิญญาณเลย

“ต่อให้มู่หลินหลางได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในมือข้าไปครอบครองได้จริง ๆ เจ้าคิดว่านางจะยับยั้งเจ้าพิฆาตวิญญาณไหวเหรอ พิฆาตวิญญาณอันตรายเกินไป อวิ๋นซิว ข้าว่า…”

ดวงตาของเฟิงอวิ๋นซิวเผยความเจ็บปวดออกมา เขากล่าว “เฉียนซี ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูดทุกอย่าง แต่เรื่องพวกนี้ข้าจำเป็นต้องทำ ข้าหันหลังกลับไม่ได้จริง ๆ”

มู่เฉียนซีกล่าว “ในเมื่อเจ้ายืนยันที่จะทำเช่นนี้แล้วก็แล้วแต่เจ้า เสี่ยวไป๋ เรากลับกันเถอะ!”

กู้ไป๋อีเดินมาข้างกายมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “ต่อไปนี้ ซีเอ๋อร์ไม่ต้องสนใจแล้วว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะเป็นหรือจะตาย นอกจากมีคำสั่งจากมู่หลินหลางว่าให้เขาหยุด เขาถึงจะหยุด มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่นอน”

แต่มู่หลินหลางทุ่มเททุกอย่างเพื่อตามหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เช่นนั้น นางจะสั่งให้หยุดจริง ๆ เหรอ

ไม่มีทางเด็ดขาด!

มู่เฉียนซีพยักหน้า “อืม! เสี่ยวไป๋ ข้าเข้าใจแล้ว”

ครั้นแล้ว มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีจึงกลับตำหนักเป่ยหาน และศึกษาแผนที่นั้น

กู้ไป๋อีกล่าว “ยืนยันได้ว่ามันอยู่ทางเหนือสุดจริง ๆ ซีเอ๋อร์รออยู่ที่ตำหนักเป่ยหาน ข้าจะนำกำลังคนไปตามหาฝักกระบี่”

มู่เฉียนซีส่ายหน้าพลางกล่าว “พิฆาตวิญญาณตั้งใจมอบแผนที่นี้ให้ข้า เขาต้องมีเจตนาอะไรบางอย่างแน่นอน หากเจ้าไปคนเดียว ข้ากลัวว่าเขาจะมีเจตนาร้ายต่อเจ้า กลัวว่าเขาจะฆ่าเจ้า”

“เขามีความมั่นใจเต็มร้อยว่าหากข้าได้ฝักกระบี่มาแล้วข้าจะทำอะไรเขาไม่ได้ เพียงแต่ว่าเขามีความมั่นใจเกินไปแล้ว” แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี

มังกรเพลิงกล่าว “ใช่! หากได้ฝักกระบี่มา แล้วมีมังกรเพลิงอย่างข้าอยู่ด้วย ไหนจะมีพี่อาถิง พี่นิรันดร์ พี่มังกรวารี พี่สุ่ยจิงอิ๋งอยู่ด้วย ต่อให้เจ้าพิฆาตวิญญาณจะเก่งกาจมากแค่ไหน พวกเราก็รับมือเขาได้แน่นอน”

พิฆาตวิญญาณคิดไม่ถึงแน่นอนว่าสหายเก่าที่มีฝีมือเก่งกาจพอ ๆ กับเขาเหล่านี้จะอยู่กับมู่เฉียนซี

นางกล่าวกับกู้ไป๋อีว่า “ข้าจะไปเองสักครั้ง!”

“งั้นข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า!”

ทางด้านไป๋อู๋ห่ายที่หนีกลับไปที่ตำหนักตงจี๋ด้วยความตื่นตระหนก และไม่นานนักเฟิงอวิ๋นซิวก็กลับมาถึง

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่?”

เดิมทีคิดว่าองค์ชายจิ่วเยี่ยกับหมอปีศาจน่ากลัวมากแล้ว ตอนนี้ยังมีคนที่อันตรายมากโผล่มาอีกคนอีก

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ข้าไม่รู้!”

“เจ้าจะไม่รู้ได้ยังไง เจ้าสนิทกับมู่เฉียนซีขนาดนั้น เจ้าจะไม่รู้จักชายผู้นั้นได้ยังไง” ไป๋อู๋ห่ายตะคอกเสียงดัง

สีหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวดูเฉยเมยเป็นอย่างยิ่ง “หัวหน้าตำหนักจะบีบบังคับถามข้าอย่างนั้นเหรอ?”

สีหน้าไป๋อู๋ห่ายเคร่งขรึมขึ้น “รีบส่งคนไปจับตาดูตำหนักเป่ยหาน ไปจับตาดูมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีไว้ให้ดี พวกมันได้แผนที่ไปแล้ว ในไม่ช้าพวกมันจะต้องเคลื่อนไหวแน่นอน ตราบใดที่พวกเราตามพวกมันไป ต่อให้ไม่มีแผนที่นั่น เราก็จะหาสถานที่นั้นเจอแน่”

ไป๋อู๋ห่ายคิดได้เช่นนี้ มู่เฉียนซีเองก็คิดได้แน่นอน

“เสี่ยวไป๋ ไป๋อู๋ห่ายต้องส่งคนมาจับตาดูพวกเราเป็นแน่ ดูท่า เราต้องหาโอกาสแอบหนีไป”

กู้ไป๋อี “อืม!”

ไปทางเหนือสุดในครั้งนี้ พวกเขาทำได้เพียงแค่พาคนที่ไว้ใจได้ไปเท่านั้น

ปิดบังได้ดีมาก จนทำให้คนของไป๋อู๋ห่ายไม่รู้ข่าวเลยแม้แต่น้อย

เมื่อมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีมาถึงเมืองจี๋กวง พวกเขากลับได้ข่าวที่น่าตกใจมากข่าวหนึ่ง

“กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ในขั้วโลกเหนือของพวกเราจริง ๆ เหรอ?”

“จะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะ ในแผนที่นั่นบอกชัดเจนว่าต้องอยู่ที่ขั้วโลกเหนือแน่นอน”

“ข้าว่าอีกไม่นานเมืองจี๋กวงของพวกเราจะต้องมียอดฝีมือแห่กันมามากแน่ ๆ”

สีหน้าของกู้ไป๋อีกับมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น “ส่งคนออกไปสืบข่าวมาว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ไม่นานนัก พวกเขาก็ได้รับรายงานอย่างละเอียด

นึกไม่ถึงเลยว่าทันทีที่พวกเขามาถึง ก็มีคนถือแผนที่จำลองนั้นนับไม่ถ้วนคอยยื่นให้คนจำนวนมากดู

คาดว่ากองกำลังแต่ละกองกำลังต่างก็มีแผนที่อยู่ในมือแล้ว!

มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำว่า “แผนที่นี้ไม่ได้เปิดเผยมาจากพวกเราแน่นอน นั่นก็มีความเป็นไปได้เพียงแค่สองอย่างเท่านั้น คือเปิดเผยมาจากโรงประมูลเมืองโยวกับเจ้าพิฆาตวิญญาณ”

กู้ไป๋อีกล่าว “โรงประมูลเมืองโยวไม่มีทางทำเรื่องที่ทำลายชื่อเสียงตัวเองเช่นนี้แน่นอน”

“เช่นนั้นก็อาจจะเป็นเจ้าพิฆาตวิญญาณแล้วล่ะ!”

สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น

“เจ้าหมอนี่คิดจะทำอะไรกันแน่ จะให้ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อฆ่าฟันกันอีกครั้งอย่างนั้นเหรอ?”

ในเมืองเหยียนในครั้งนั้น เขาสร้างกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปลอมออกมาเพื่อให้ทุกคนแย่งชิงเขาจนเกิดการสังหารอย่างโหดร้ายขึ้น

เจ้าหมอนี่อยากให้เกิดการสังหารเช่นนั้นขึ้นอีกอย่างนั้นเหรอ?

หากเขาอยากให้ผลลัพธ์เป็นเช่นนั้น แล้วทำไมจะต้องเอาแผนที่นั้นมาให้นางด้วยตัวเองด้วยล่ะ

ความคิดของเจ้าพิฆาตวิญญาณ นางคาดเดาไม่ถูกเลยจริง ๆ

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “มังกรเพลิง เจ้าคิดยังไง?”

มังกรเพลิงก็ตกใจกับเรื่องนี้มากเช่นกัน “นี่เจ้าพิฆาตวิญญาณคิดจะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องเล่นกับนายท่านเช่นนี้ด้วย เห็น ๆ กันอยู่ว่านายท่านสามารถเอาฝักกระบี่มาอย่างง่ายดายได้ แต่ทำไมต้องทำเรื่องวุ่นวายให้ผู้คนพากันมาแย่งชิงฝักกระบี่เช่นนี้ด้วย”

“ช่างน่าเกลียดเกินไปแล้ว ข้าเกลียดเจ้านั่นจริง ๆ” มังกรเพลิงเค้นเสียงลอดไรฟัน

สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความโกรธ “ข้าผิดเองล่ะ ข้าไม่ควรจะถามเจ้า! เจ้ากับพิฆาตวิญญาณก็เกิดมาพร้อมกันไม่ใช่เหรอ เหตุใดคนนึงไม่มีสมอง ส่วนอีกคนนึงก็มีความคิดที่คาดเดาได้ยากเช่นนี้?”

.

.