บทที่ 1169 ปรับระดับพลัง

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,169 ปรับระดับพลัง

เดี๋ยวก่อนนะ?

ทำไมเขาถึงได้แอปพลิเคชันใหม่เร็วขนาดนี้?

หรือจะเป็นของรางวัลที่หลินเป่ยเฉินสามารถพิชิตร่างแยกของเว่ยหมิงเฉินได้?

“อุวะฮ่า ๆๆ”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาด้วยความลิงโลด

เขารีบนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดเข้าไปดูในแอป สโตร์และในรายชื่อแอปที่รอการดาวน์โหลด ก็ได้ปรากฏแอปพลิเคชันใหม่ขึ้นมาจริง ๆ

โลโก้ของแอปพลิเคชันใหม่นี้มีความคุ้นตาหลินเป่ยเฉินมาก

“เป็นแอปแท็กซี่ตี๋น้อยได้ไงวะเนี่ย?”

หลินเป่ยเฉินไม่คิดไม่ฝันมาก่อน

เด็กหนุ่มไม่มีทางคิดว่าแอปพลิเคชันสำหรับการเรียกรถโดยสารจะมาอยู่ในโลกแห่งวรยุทธ์ได้เช่นนี้

เพราะว่าที่นี่ไม่มีรถแท็กซี่สักหน่อย

หรือมันจะเปลี่ยนเป็นรถม้า?

เปลี่ยนเป็นเรือเหาะ?

เปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรที่สามารถบินได้?

หรือเปลี่ยนเป็นกระบี่ที่สามารถบินได้?

แอปพลิเคชันทุกตัวที่ปรากฏอยู่ในโทรศัพท์มือถือของยมทูตเครื่องนี้ ต่างก็ได้รับการปรับปรุงแก้ไขจนมีความโดดเด่นหรือแตกต่างจากเดิม ดังนั้นประโยชน์ของแอปแท็กซี่ตี๋น้อยก็น่าจะมีมากกว่าการใช้เรียกรถโดยสารแน่ ๆ

หลินเป่ยเฉินกดดูรายละเอียดสำหรับการดาวน์โหลด

หลังจากนั้น เขาถึงได้พบว่าแอปแท็กซี่ตี๋น้อยต้องใช้อัตราการโอนถ่ายข้อมูลถึง 100 GB

เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้หลินเป่ยเฉินตกใจ มิหนำซ้ำกลับทำให้เขาดีใจเสียอีก

ยิ่งขนาดไฟล์ใหญ่มากเท่าไหร่ ความสามารถก็ยิ่งโดดเด่นมากเท่านั้น…

แต่หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจยังไม่ได้ดาวน์โหลดในตอนนี้

เนื่องจากแอปพลิเคชันที่ได้มาในฐานะของรางวัลนั้น พวกมันจะปรากฏอยู่ในรายชื่อแอปที่รอการดาวน์โหลดตลอดไปไม่มีวันหมดอายุ หลินเป่ยเฉินสามารถรอให้คุยธุระกับอาจารย์ติงเสร็จสิ้นลงก่อนถึงค่อยดาวน์โหลดก็ยังได้

มิฉะนั้นแล้ว หากเขาถูกดูดพลังออกจากร่างกาย และเผลอส่งเสียงครางออกมาต่อหน้าอาจารย์ติงกับลู่กวนไห่ มีหวังคงได้ถูกเข้าใจผิดคิดว่าตนเองล้อเลียนท่านอาจารย์ทั้งสองเป็นแน่แท้ และก็มีความเป็นไปได้สูงที่อาจารย์ติงกับลู่กวนไห่จะช่วยกันรุมสหบาทาเขาเพื่อเป็นการลงโทษ

“เจ้าตัวบัดซบ เจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”

ติงซานฉือซึ่งมองไม่เห็นโทรศัพท์ จึงเห็นเพียงหลินเป่ยเฉินยืนนิ่งเงียบและทำสีหน้าแปลกประหลาด

หรือว่าเจ้าเด็กคนนี้อาการทางสมองจะกำเริบอีกแล้ว?

“ศิษย์กำลังเป็นห่วงอนาคตของจักรวรรดิเป่ยไห่ อนาคตของเมืองไป๋หยุน และอนาคตของวิหารเทพีกระบี่น่ะขอรับ”

หลินเป่ยเฉินสามารถตอบคำถามได้โดยไม่มีความผิดปกติทางสีหน้าแม้แต่น้อย “หลังการต่อสู้ครั้งนี้จบลง วิหารเทพพงไพรคงหมายหัวพวกเราแน่ ถ้าพวกเขาคิดโจมตีเราขึ้นมาจริง ๆ ถึงตอนนั้น ประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็จะต้องพลอยได้รับเคราะห์กรรมไปด้วย เฮ้อ ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ศิษย์ก็ยิ่งเป็นห่วงความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์มากเท่านั้น”

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปที่สีหน้าของติงซานฉือกับลู่กวนไห่ หลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้พบเห็นความตื้นตันใจอย่างที่คาดคิด

แต่อาจารย์ทั้งสองท่านกลับแสดงสีหน้าเป็นทำนองว่า ‘นี่เจ้ากำลังล้อเล่นอยู่ใช่หรือไม่’ ออกมาแทน

เพราะเหมือนหลินเป่ยเฉินจะไม่รู้ตัวว่าตนเองเป็นปีศาจน้อยที่ชอบปล้นฆ่าผู้คน อีกทั้งยังเจ้าเล่ห์แสนกลเห็นแก่เงินเป็นที่หนึ่ง

แล้วอยู่ดี ๆ บุคคลเช่นนี้จะไปห่วงใยความปลอดภัยของคนบริสุทธิ์ได้อย่างไร?

เป็นอีกครั้งที่ติงซานฉือและลู่กวนไห่คิดว่าอาการทางสมองของหลินเป่ยเฉินคงกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว

หลินเป่ยเฉินเห็นดังนั้นก็ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผาก

พูดอะไรไม่ออก

โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเลยจริง ๆ

รีบหาทางขึ้นไปสู่ดินแดนทวยเทพดีกว่า

ถึงเขาจะเป็นคนกะล่อนปลิ้นปล้อนและเห็นแก่เงิน แต่สีหน้าที่ติงซานฉือกับลู่กวนไห่แสดงออกมานั้น มันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ?

อาจารย์ทั้งสองท่านเห็นเขาเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดในโลกหรืออย่างไร?

“จริงด้วยสิขอรับ ศิษย์มีเรื่องอยากถามอาจารย์สักเล็กน้อย”

หลินเป่ยเฉินรีบเปลี่ยนเรื่องพูดทันที “ตอนที่ท่านถอดวิญญาณจอมมารออกจากร่าง สภาพร่างกายหลังจากนั้นของท่านก็แก่ชราดูแทบไม่ได้ แล้วทำไมถึงต้องหลอมรวมวิญญาณกลับคืนร่างเดิมด้วยล่ะขอรับ อย่าบอกนะว่าอาจารย์เป็นโรคร้ายกำลังจะตายในไม่ช้า?”

“ไอ้เจ้าลูกศิษย์คนนี้นี่…”

ติงซานฉือได้ยินดังนั้นก็อดใบหน้ากระตุกขึ้นมาไม่ได้

เขาตบศีรษะของหลินเป่ยเฉินเต็มแรงและกล่าวด้วยความฉุนเฉียว “เป็นโรคร้ายใกล้ตายอันใด? แก่ชราดูแทบไม่ได้อันใด? เจ้าสมควรหัดอ่านตำราให้มากกว่านี้หน่อย… ตลอดเวลาที่อาจารย์สั่งสอนเจ้ามา ความรู้ไม่ได้แทรกซึมเข้ากลีบสมองของเจ้าบ้างเลยหรือ?”

“เจ้าไม่รู้หรอกว่าการถอดวิญญาณจอมมารเข้าไปอยู่ในร่างของผู้อาวุโสฉู่นั้น เป็นการปรับระดับพลังและบ่มเพาะให้วิญญาณจอมมารสมบูรณ์พร้อมมากกว่าเดิมต่างหากเล่า ฮ่า ๆๆ ครั้งนี้แหละ อาจารย์มั่นใจว่าตนเองจะต้องจัดการกับเจ้าพวกลูกหมาในวิหารเทพพงไพรพวกนั้นได้แน่นอน…”

พูดจริงสิ?

หลินเป่ยเฉินตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น

ปรากฏว่าเมืองไป๋หยุนวางแผนมาอย่างยาวนานแล้ว

ที่ฉู่เทียนกัวยอมใช้ร่างกายของตนเองปิดผนึกวิญญาณจอมมารอยู่ในสุสานกระบี่เป็นเวลานานนับสิบปี ก็เพื่อปรับระดับพลังและบ่มเพาะให้วิญญาณจอมมารแห่งเผ่าปีศาจจันทราทมิฬมีความแข็งแกร่งมากขึ้น…

นี่เท่ากับว่าอาจารย์ติงฝากให้ผู้อื่นบำเพ็ญตบะและเก็บตัวฝึกวิชาแทนตนเองมาโดยตลอดอย่างนั้นหรือ?

ฟังดูน่าสนใจชะมัด

หากเป็นเช่นนี้ อาจารย์ติงก็สมควรเป็นคนที่เขาต้องเกาะขาเอาไว้ให้แน่น ๆ มากกว่านักพรตหญิงชินแล้ว

ดังนั้นหลินเป่ยเฉินจึงต้องแสดงความจงรักภักดีต่ออาจารย์ติงให้มากที่สุด

ในขณะที่กำลังคิดอยู่นี้ เด็กหนุ่มก็ได้ยินติงซานฉือกล่าวต่อว่า “เจ้าลูกสุนัขพวกนั้นน่ะไม่คณามือของข้าหรอก”

หลินเป่ยเฉินกะพริบตาปริบ ๆ

นี่อาจารย์ของเขามั่นใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

นิสัยปากกล้าหน้าด้านเช่นนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าติงซานฉือไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับฉู่เทียนกัว ผู้ทำหน้าที่บ่มเพาะวิญญาณจอมมาร?

ท่านผู้เฒ่าหายตัวไปที่ใด?

หลินเป่ยเฉินสลัดหลุดความมึนงงสับสนและถามออกมาในที่สุด

“ท่านอาจารย์ใหญ่เก็บตัวแล้ว”

ลู่กวนไห่อธิบาย

ฉู่เทียนกัวต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ่อลาวามาเป็นเวลาเกือบสามสิบปี ทั้งตัวและหัวใจอุทิศให้กับการบ่มเพาะพลังให้แก่วิญญาณจอมมารในร่างกาย ดังนั้น เมื่อติงซานฉือกลับมารับวิญญาณจอมมารกลับคืนไป ชายชราจึงตัดสินใจเก็บตัวก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกายของตนเอง

หลายปีที่ผ่านมา เมืองไป๋หยุนต้องประสบเคราะห์กรรมมากมาย

ลูกศิษย์คนสำคัญประจำเมืองจากสำนักต่าง ๆ ถูกคนจากวิหารเทพพงไพรจับตัวไปสังหาร

ตลอดเวลาที่เหตุการณ์ชั่วร้ายเหล่านั้นบังเกิดขึ้น ฉู่เทียนกัวก็ไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้ นอกจากนั่งบำเพ็ญตบะและอุทิศตนให้กับการบ่มเพาะพลังวิญญาณจอมมารในร่างกาย

แต่บัดนี้ พวกเขาก็กำลังจะได้รับโอกาสให้แก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ แล้ว

เมื่อกลับมาถึงสำนักกระบี่อมตะ หลินเป่ยเฉินก็ขังตนเองอยู่ในห้องนอนทันที

หลังจากนั้น เสียงครวญครางของเด็กหนุ่มก็ดังขึ้นเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม

การดาวน์โหลดแอปแท็กซี่ตี๋น้อยลงสู่โทรศัพท์มือถือสำเร็จลงด้วยดี

เขาทดแทนพลังที่สูญเสียไปด้วยการดูดซับพลังจากศิลาบูชาจำนวนหนึ่งก้อน ต่อด้วยรับประทานผลกวนเจี๋ยอีกสองสามลูก ใช้พลังวารีบำบัดอีกสองสามรอบ หลังจากนั้นพลังในร่างกายก็กลับมาสมบูรณ์ดังเดิมเหมือนก่อนที่จะดาวน์โหลดแอปแท็กซี่ตี๋น้อย

หน้าตาการใช้งานแอปที่คุ้นเคย

ระบบการใช้งานที่คุ้นเคย

“หรือว่าแอปนี้จะช่วยทำให้เราเดินทางจากเมืองไป๋หยุนไปที่นครหลวงหรือไปที่นครเจาฮุยได้เร็วขึ้นด้วยแท็กซี่ของพวกเขานะ?”

หลินเป่ยเฉินได้แต่เดาไปเรื่อยเปื่อย

เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แอปแท็กซี่ตี๋น้อยก็จะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก

มันต้องช่วยประหยัดเวลาได้แน่นอน

อย่างน้อย ๆ ในโลกแห่งวรยุทธ์ก็คงไม่มีปัญหาการจราจรติดขัด

เมื่อคิดได้ดังนี้ เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจทดลองใช้งาน

เขาป้อนสถานที่ต้นทางเป็น ‘สำนักกระบี่อมตะ เมืองไป๋หยุน’ และตั้งสถานที่ปลายทางเป็น ‘สถานศึกษากระบี่ที่ 3 สามแยกเป่ยเฉิน นครเจาฮุย’

ค่าโดยสารถูกคำนวณออกมาเป็นราคาหกร้อยก้อนศิลาบูชาและจะใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วยาม

ในหัวสมองของหลินเป่ยเฉินเกิดความคิดสองอย่างขึ้นมาพร้อม ๆ กัน

“เชี่ย แพงชิบหาย”

“เชี่ย โคตรเร็วเลยว่ะ”

ต่อให้เดินทางด้วยเรือเหาะวิหคยักษ์และปรับระดับความเร็วสูงสุด กว่าจะเดินทางไปถึงนครเจาฮุยได้ ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน

แต่แอปแท็กซี่ตี๋น้อยใช้เวลาเพียงชั่วยามเดียวเท่านั้น

ด้วยระดับความเร็วที่ยอดเยี่ยมราวปาฏิหาริย์เช่นนี้ บอกไปคงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่แท้

ไม่ว่ามองจากแง่มุมใด ราคาค่าโดยสารก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว

หลินเป่ยเฉินเสียเวลาตัดสินใจเพียงเล็กน้อย เขาก็กดปุ่มตอบตกลง

การเรียกรถเริ่มต้นขึ้น

แต่หลินเป่ยเฉินไม่ได้ต้องการจะเสียเงินจริง ๆ หรอก

เขาแค่อยากจะลองดูว่าแอปแท็กซี่ตี๋น้อยในโลกวรยุทธ์แห่งนี้ จะมีสิ่งที่เรียกว่า ‘รถยนต์’ จริงหรือไม่?

รอจนสามารถเรียกรถยนต์ได้สำเร็จ ค่อยกดยกเลิกทีหลังก็ยังไม่สาย

ผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป

‘ขออภัย ไม่พบรถยนต์ในพื้นที่ให้บริการของท่าน ได้โปรดลองใหม่อีกครั้ง’

ข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์

ให้ตายสิ…

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความไม่เข้าใจ

ไม่มีรถ

นี่ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย?

ตัวแอปสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ไม่มีรถยนต์ในโลกวรยุทธ์แห่งนี้

ดังนั้น แอปแท็กซี่ตี๋น้อยที่ต้องใช้อัตราการดาวน์โหลดข้อมูลถึง 100 GB กลับเป็นเพียงแอปพลิเคชั่นที่มีไว้เพียงประดับเครื่อง หาได้มีประโยชน์อันใดไม่เท่านั้นเองหรือ?

แท็กซี่ตี๋น้อยมารดามันเถอะ

เฮอะ

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกกลั่นแกล้งไม่มีผิด!