บทที่ 1170 เพื่อความอยู่รอดของทุกคน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,170 เพื่อความอยู่รอดของทุกคน

หลินเป่ยเฉินลองพยายามดูอยู่หลายครั้ง

ลองแม้กระทั่งเปลี่ยนจุดหมายปลายทาง

ไม่ว่าจะลองเส้นทางใกล้ไกลอย่างเช่นจาก ‘สำนักกระบี่อมตะ เมืองไป๋หยุน’ ไปที่ ‘จวนท่านเจ้าเมือง เมืองไป๋หยุน’ หรือจาก ‘สำนักกระบี่อมตะ เมืองไป๋หยุน’ ไปที่ ‘สำนักกระบี่มนตรา เมืองไป๋หยุน’ ต่างก็ไม่มีรถยนต์ให้บริการทั้งสิ้น

“สุดท้ายก็ไร้ประโยชน์จริง ๆ สินะ”

หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดแรง

ดูเหมือนแอปแท็กซี่ตี๋น้อยจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย

แถมยังกินพื้นที่ในโทรศัพท์อีกต่างหาก

แต่เมื่อพิจารณาดูจากขนาดไฟล์ที่ใหญ่ถึง 100 GB เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจลบแอปพลิเคชันนี้ไม่ลง

เขาเก็บโทรศัพท์ ก่อนจะเดินออกจากห้องนอน

หลินเป่ยเฉินกำลังจะไปหานักพรตหญิงชิน

ด้วยความคิดถึงคนึงหา

เพราะระหว่างพวกเขาไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน

ไม่รู้ป่านนี้นางจะทำตัวเหินห่างบ้างหรือไม่

แต่อย่างไรก็ตาม คุณชายหลินก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะว่านักพรตหญิงชินได้อันตรธานหายตัวไปเสียแล้ว

“มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ”

หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วด้วยความพิศวง

ด้วยความสัมพันธ์อันสลับซับซ้อนและแน่นแฟ้นของเขากับนักพรตหญิงชิน ไม่ว่าจะเป็นในฐานะลูกศิษย์กับอาจารย์ ในฐานะนักบวชในวิหาร ในฐานะคนที่รู้จักคุ้นเคยกัน ใจคอนางจะไปโดยไม่บอกลาหลินเป่ยเฉินสักคำเชียวหรือ?

หรือว่านักพรตหญิงชินจะหึงหวงเขาเพราะเรื่องของเยว่เว่ยหยาง?

หลินเป่ยเฉินออกค้นหาไปทั่วเมืองด้วยความร้อนใจ

ในที่สุด เขาก็มาถึงคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง

“ไม่ต้องตามหาหรอก นางไปแล้ว”

“นี่คือโชคชะตาของนักพรตหญิงชิน นางเลือกที่จะปลดผนึกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นนางจึงถูกคำสาปห้ามไม่ให้เกี่ยวข้องกับผู้ใดเป็นระยะเวลานาน ๆ มิเช่นนั้นก็จะเกิดมหันตภัยขึ้น ด้วยเหตุนี้ เพื่อความอยู่รอดของทุกคน นางจึงต้องรีบออกเดินทางไปเช่นนี้เอง”

ลู่กวนไห่ผู้ประจำการอยู่ในคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองเป็นคนอธิบายเรื่องราวทั้งหมด

“หืม? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือขอรับ?”

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความพิศวง “ว่าแต่…. อะไรคือเพื่อความอยู่รอดของทุกคนหรือขอรับ?”

“หากนักพรตหญิงชินไม่รีบออกเดินทางไปโดยเร็ว บรรดาผู้คนที่นางใกล้ชิดสนิทสนมด้วย ก็จะต้องพบกับมหันตภัยร้ายแรง”

ลู่กวนไห่กล่าวตอบ

หลินเป่ยเฉินยังคงยืนตกตะลึงอยู่ที่เดิม

นี่มันอะไรกัน?

นักพรตหญิงชินถูกโชคชะตาฟ้ากำหนดให้ต้องอยู่คนเดียวอย่างนั้นหรือ?

นางไปเปิดผนึกพลังอะไรเข้า?

“ไม่จริง ตอนที่ข้าอยู่ในเมืองหยุนเมิ่งนั้น…”

หลินเป่ยเฉินพยายามจะโต้แย้งออกไป

ตอนที่เขาอยู่ในเมืองหยุนเมิ่ง หลินเป่ยเฉินกับนักพรตหญิงชินใช้เวลาอยู่ด้วยกันตั้งมากมาย บางวันถึงกับนอนค้างอยู่ในวิหารเดียวกันด้วยซ้ำ แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่เห็นเขาหรือพวกของเยว่เว่ยหยางซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่นางเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจะต้องพบกับมหันตภัยอะไรเลยนี่นา

เอ๋?

แต่เดี๋ยวก่อนนะ…

หรือว่าความตายของนักบวชในวิหารเทพีกระบี่จากการตรวจสอบเทพเจ้า ไปจนถึงการที่เยว่เว่ยหยางต้องสูญเสียร่างกายให้แก่วิญญาณของเทพีกระบี่ตัวจริงนั้น รวมไปถึงการล่มสลายของวิหารเทพีกระบี่…

ทั้งหมดนี้จะเป็นเพราะการใกล้ชิดกับนักพรตหญิงชินมากเกินไปใช่หรือไม่?

ไม่น่าเป็นไปได้

ลู่กวนไห่คล้ายกับอ่านใจเด็กหนุ่มได้จึงรีบอธิบายต่อ “ตอนนั้น นางยังไม่ได้เปิดผนึกพลังศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้น ผู้ที่ใกล้ชิดกับนางสมัยอาศัยอยู่ในเมืองหยุนเมิ่งจึงยังคงอยู่รอดปลอดภัย แต่หากนางมาใกล้ชิดกับทุกคนในเวลานี้ ทุกอย่างก็จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว…”

หลินเป่ยเฉินอ้าปากเหวอด้วยความตกตะลึง

นี่แทบไม่ต่างนักพรตหญิงชินจากถูกเนรเทศเลยนะ?

หรือนี่จะเป็นผลพวงมาจากข่าวลือที่ว่าในอดีตนักพรตหญิงชินเคยสังหารเทพเจ้ามาแล้ว? พลังศักดิ์สิทธิ์ของนางจึงถูกปิดผนึกเพื่อเป็นการลงโทษ แต่บัดนี้ เมื่อนางเปิดผนึกพลังเหล่านั้นออกมา นักพรตหญิงชินจึงต้องคำสาปให้กลายเป็นบุคคลโดดเดี่ยวตลอดไป?

ไม่นะ

ในฐานะสตรีที่เป็นรักแรกของเขา หลินเป่ยเฉินจะปล่อยให้นางหลุดมือไปไม่ได้เป็นอันขาด

เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกกลัดกลุ้มอย่างบ้าคลั่ง

หลังได้รับคำยืนยันว่านักพรตหญิงชินเดินทางออกจากเมืองไปแล้วจริง ๆ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกเจ็บแปลบอยู่ในหัวใจ

เขาเดินทางกลับสำนักกระบี่อมตะด้วยความผิดหวัง

หลินเป่ยเฉินขังตนเองอยู่ในห้องนอน นำไวน์แดงออกมาเปิดดื่มจนเริ่มเมามายเล็กน้อย ก่อนที่จะเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในสุสานกระบี่เผาผลาญพลังของหลินเป่ยเฉินไปเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย ต่อให้เขาสามารถรักษาตนเองได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะกำจัดความอ่อนล้าออกไปได้หมดสิ้น เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงจำเป็นต้องนอนหลับให้เต็มอิ่มสักตื่นหนึ่ง

เมื่อนอนหลับได้เต็มอิ่มแล้วก็จะตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น

ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าใด

หลินเป่ยเฉินก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

เอ๋?

ทำไมแขนซ้ายแขนขวาของเขามันถึงนุ่มนิ่มจังเลยนะ?

หลินเป่ยเฉินรีบลืมตาขึ้นมาสำรวจมองข้างกายของตนเองด้วยความลนลาน

เพราะเด็กหนุ่มพบว่าสองสาวรับใช้เฉียนเหมยกับเฉียนเจินได้มานอนซุกกายขนาบข้างเขาทั้งสองฝั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ…

เมื่อจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของสาวรับใช้ทั้งสอง หลินเป่ยเฉินก็อดตกตะลึงขึ้นมาไม่ได้

เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง

เมื่อคืนเขาสั่งให้พวกนางไปเข้านอนแล้วนี่นา

หลินเป่ยเฉินเมาก็จริง แต่ก็ไม่ได้เมาถึงขนาดนั้น

ดื่มเสร็จเขาก็หลับยาว

ถ้าอย่างนั้น พวกนางมานอนอยู่บนเตียงได้อย่างไร?

หรือว่าเขาจะตาฝาด?

หลินเป่ยเฉินสงบจิตสงบใจ หลับตาลงสูดหายใจลึก ก่อนจะลืมตากลับขึ้นมาใหม่

สองสาวรับใช้ยังคงนอนอยู่ที่เดิม

“นายท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของหลินเป่ยเฉิน เฉียนเจินก็ลืมตาขึ้นมาใบหน้าแดงซ่าน ท่าทางเอียงอายคล้ายกับดอกบัวแรกแย้มที่ไม่เคยสัมผัสกับสายลมมาก่อน

“นายท่านตัวร้อนจังเลย”

เฉียนเหมยบิดขี้เกียจและพึมพำออกมา

“นี่มันอะไรกัน…”

หลินเป่ยเฉินร้องเสียงหลง เขารีบลุกขึ้นนั่ง และดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังหน้าอกของตนเองและถามว่า “พวกเจ้า… พวกเจ้าทำอะไรข้า?”

เฉียนเหมยกับเฉียนเจินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ

“นายท่านเจ้าคะ เมื่อคืนนี้ตอนที่นายท่านหลับ นายท่านเอาแต่ตะโกนว่า ‘อย่าจากข้าไป อย่าจากข้าไป’ หลังจากนั้น นายท่านก็ฉุดมือพวกเรามานอนด้วยกันนี่แหละเจ้าค่ะ”

เฉียนเหมยตอบคำถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ “นายท่านรังเกียจพวกเราถึงขนาดนี้เชียวหรือเจ้าคะ?”

“นั่นน่ะสิ นายท่านเอาแต่กอดข้ากับเฉียนเหมยทั้งคืน ไม่ยอมทำอื่นใดอีกเลย” เฉียนเจินพยายามพูดออกมาด้วยความยากลำบาก

หลินเป่ยเฉินรู้สึกโล่งใจไม่น้อยที่เห็นว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ของสองสาวรับใช้ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ดีทุกประการ

แม้ว่าการควงสองมันจะประเสริฐมากก็ตาม

แต่ในสถานการณ์ที่จำอะไรไม่ได้เพราะความมึนเมา มันคงไม่ใช่ประสบการณ์ที่ดีสักเท่าไหร่นัก

เรื่องราวเช่นนี้ต้องทำตอนสร่างเมาไม่ใช่หรือ?

“ข้าจะรังเกียจพวกเจ้าได้อย่างไร?”

หลินเป่ยเฉินตบก้นเฉียนเหมยป้าบใหญ่และกล่าวว่า “แต่พอดีว่าข้าเป็นคนที่ใส่ใจกับประเพณีความดีงาม ข้าต้องการตัวพวกเจ้าทั้งสองคนจริง ๆ แต่ข้าอยากให้เกิดการแต่งงานของพวกเราก่อน ข้าจะเปิดเผยสถานะของพวกเจ้าให้ทุกคนได้รับรู้ ข้าไม่ได้คิดอยากเพียงครอบครองร่างกายของพวกเจ้าเท่านั้น”

ให้ตายสิ นี่มันสุภาพบุรุษอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินชัด ๆ

แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังอดชื่นชอบคำพูดของตนเองไม่ได้

“นายท่านเจ้าคะ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาการประลองรอบชิงชนะเลิศแล้ว” เฉียนเจินเปลี่ยนเรื่องพูดอย่างเข้าใจในความหมายของหลินเป่ยเฉิน

สตรีที่ชาญฉลาดจะไม่ถามอะไรให้มากความ

สองสาวรับใช้ช่วยเหลือหลินเป่ยเฉินสวมใส่เสื้อผ้าด้วยความประคบประหงม

หลินเป่ยเฉินรู้ผลลัพธ์ของการประลองประจำปีนี้เรียบร้อยแล้ว

ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้เขาเป็นกังวล

เมื่อล้างหน้าล้างตาทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินก็เดินออกมาจากที่พักของตนเอง อาจารย์อาสาวแสนสวยอิ๋นซานนั่งหน้าเครียดอยู่บนเก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง สายตาของนางจ้องมองไปที่ประตูห้องนอนของหลินเป่ยเฉินตลอดเวลา…

เมื่อเห็นเด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสามเดินออกมา อิ๋นซานก็รีบลุกขึ้นยืนหมุนตัวเดินหนีไปด้วยความตื่นตระหนก

หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นอย่างใช้ความคิด

ขณะนี้ พวกของเหยียนหรู่อี้และลูกศิษย์ของนางก็ได้มารออยู่ที่ลานหน้าสำนักกระบี่อมตะเรียบร้อยแล้ว

เมื่อพวกเขาเดินทางไปถึงยอดเขาหลุนเจี๋ยนเฟิง ก็มีการประกาศการถอนตัวของกลุ่มตัวแทนจากเมืองไป๋หยุนอย่างเป็นทางการ

“สรุปว่า… คุณชายหลิน ท่านจะชนะเช่นนี้เลยหรือ?”

ดวงตากลมโตของเหยียนหรู่อี้เบิกโพลงด้วยความไม่อยากเชื่อ

นางคิดว่าตนเองเข้าใจผิด

แต่หลังจากที่ซวีหวันกับหูเหม่ยเอ๋อร์ช่วยกันยืนยันแล้วว่านี่คือข่าวที่ถูกต้อง พวกนางก็อดโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจไม่ได้

“บัดนี้ ข้าขอประกาศให้สำนักคฤหาสน์กำยานเป็นผู้ชนะการประลองกระบี่ประจำปีนี้”

ผู้อาวุโสฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ส่วนตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนตกเป็นของหลินเป่ยเฉินตัวแทนผู้มีความแข็งแกร่งที่สุด… เอาล่ะ พิธีประกาศผลผู้ชนะเสร็จสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้”

พูดจบ ชายชราก็เปลี่ยนร่างเป็นลำแสง พุ่งหายวับไปในอากาศ

สายลมโชยพัด

หลินเป่ยเฉินยืนผมยุ่งอยู่บนยอดเขาหลุนเจี๋ยนเฟิง

เอ่อ…

ไม่น่าเชื่อ

การประลองอันดุเดือดเลือดพล่านจะจบลงเช่นนี้

แต่นี่เป็นการค้นหาสุดยอดมือกระบี่ประจำแผ่นดินตงเต้าแท้ ๆ ทำไมการประกาศผลผู้ชนะถึงไม่ยิ่งใหญ่อลังการมากกว่านี้?

นี่ออกจะเรียบง่ายเกินไปหน่อยไหม?

อย่าว่าแต่จะมีการร่วมแสดงความยินดีจากตัวแทนของสำนักอื่น ๆ เลย แม้แต่เหรียญตราหรือถ้วยรางวัลก็ไม่มีมอบให้แก่ผู้ชนะสักชิ้น

ไม่มีอะไรเลย

ไม่มีอะไรเลยจริง ๆ

ว่าแต่ตำแหน่งเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนนั้น เมื่อได้รับการแต่งตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

นี่ยังไม่เห็นเกิดอะไรขึ้นเลย

แต่จังหวะที่หลินเป่ยเฉินกำลังคิดเช่นนั้น พลัน สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ได้เกิดขึ้นแล้ว!