ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 954 เยี่ยนจ้าวเกอผู้หาญกล้า

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ปฐพีอนิสงส์และแสงม่วงบารมีประสานกัน พลังป้องกันน่าทึ่งถึงขีดสุด

จอมยุทธ์จากเนินต้นจักรพรรดิสองคนเพิ่มพลังฝึกปรือของตัวเองถึงขีดสุด ในสถานการณ์ปกติ แม้จะเป็นยอดฝีมือที่มีระดับพลังฝึกปรือสูงส่งกว่าพวกเขาก็ยากจะทำลายการป้องกันของพวกเขาได้

ทว่าจนปัญญาที่เยี่ยนจ้าวเกอไม่ใช่คนที่เอาหลักการทั่วไปมาวัดได้ตั้งแต่ไหนแต่ไร

มิพักเอ่ยถึงอานุภาพของตราประทับตะวัน เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ลงมือ ภายใต้ฝ่ามือเดียวก็หลอมรวมความลี้ลับของคัมภีร์พลิกฟ้า คัมภีร์นภาหยินหยาง และคัมภีร์เทพพระอาทิตย์เป็นหนึ่งเดียว

พลังที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่หนักสุดขีด ใหญ่สุดขีด หยาบสุดขีด แข็งสุดขีด เป็นหยางสุดขีด

ท้องนภาพลิกเอียง ปราณหยินสูญหาย เหลือเป็นความเป็นหยางสุดขีด ประสานกับพลังแห่งการพลิกคว่ำของฟ้าดิน กลายเป็นสภาวะจักรวาลพังทลาย!

พลังอันน่ากลัวนี้ทำให้คนต้องกลั้นหายใจและรู้สึกสิ้นหวัง

ภัยพิบัติฟ้าดิน ทุกสรรพสัตว์เมื่อต้องเผชิญ ใครจะรอดและหลบเลี่ยงได้กัน

สิ่งที่น่าสั่นสะท้านก็คือ พลังฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ ยังประสานกับตราประทับตะวันอย่างสมบูรณ์แบบ

ตอนราชันพระอาทิตย์หลอมสร้างตราประทับตะวัน ได้ใช้จิตพลังในวรยุทธ์มากมายเช่นคัมภีร์พลิกฟ้า คัมภีร์นภาหยินหยาง คัมภีร์เทพพระอาทิตย์ เพื่อเลียนแบบรอยตราพลิกนภาในตำนาน

ปัจจุบันเยี่ยนจ้าวเกอศึกษาแก่นแท้ที่อยู่ด้านใน กระตุ้นพลังของตราประทับตะวันออกมา

แม้ว่าตัวเขาจะยังไม่ได้ปีนขึ้นสะพานเซียน ตามทฤษฎีแล้วไม่อาจกระตุ้นพลังทั้งหมดของตราประทับตะวันได้

ทว่าในวินาทีนี้เมื่อตราประทับตะวันไปอยู่ในมือเขา ก็ค่อยๆ มีสภาวะเมื่อยามที่มันรุ่งโรจน์อยู่หลายส่วน!

เยี่ยนจ้าวเกอรวมกับอาวุธเป็นหนึ่ง การโจมตีที่เด็ดขาดเช่นนี้ พวกจวงเจาฮุยจะต้านทานได้อย่างไร

เพียงกระบวนท่าเดียวก็ถูกบดขยี้!

ปฐพีอนิสงส์ที่เสริมฟ้าสืบทอดเต๋า เนิ่นนานไม่ขาดสาย และแสงม่วงบารมีที่พาให้รอดจากภัยพิบัติ ไม่อาบย้อมรังสีสังหารถูกขจัดไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็หายไป

ปราณขาวกุศลซ่อนที่แฝงพลังชีวิตก็เหลือเพียงน้อยนิด แทบจะหมดสิ้น บอกเป็นนัยถึงพลังชีวิตเล็กน้อยที่แทบจะสังเกตไม่เห็นนั้น

ถ้าหากเป็นดวงอาทิตย์อยู่เบื้องหน้าจริงๆ จวงเจาฮุยจะสามารถเห็นเปลวเพลิงและจุดดำของดวงอาทิตย์ได้

คนจากเนินต้นจักรพรรดิสองคนถูกสะกดไว้ในตราประทับตะวัน ห้าอวัยวะภายในราวกับกำลังมอดไหม้

พวกเขาไม่ยอมรับ แต่ก็ชิงชังที่อาวุธและของล้ำค่าที่ตัวเองพกติดตัว ล้วนเสียหายไปเพราะผนึกป้องกันของอารามเอกนิกาย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ได้อยู่ในสภาพไร้กำลังโต้ตอบเช่นนี้

แต่เมื่อคิดให้ละเอียด ต่อให้จะยังมีของวิเศษและอาวุธอยู่ ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยนจ้าวเกอ อย่างน้อยก็ได้แต่ดูว่าจะหนีเอาชีวิตรอดได้หรือไม่

เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจของทั้งสองก็อดเกิดความสิ้นหวังไม่ได้

ในฐานะบุตรของประมุขทักษิณ จวงเจาฮุยมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นอัจฉริยะฟ้าประทาน ในหมู่คนรุ่นเดียวกันของทั่วทั้งโลกซ้อนโลกมีไม่กี่คนที่เทียบเขาได้

เขาที่ทะนงตนมาโดยตลอด ที่แล้วมาล้วนวางท่าจนเคยชิน ไม่อย่างนั้นตอนนั้นคงไม่กล้าข้ามเขตแดน ไปตามหากระดูกหงส์เพลิงในเขตตะวันอาคเนย์

ในตอนนั้นที่เขาเสียท่าเพราะเยี่ยนจ้าวเกอกับเขาโถงทอง สามารถกล่าวได้ว่าเป็นเพราะกาลฟ้าชัยภูมิดิน ไม่ใช่เพราะตัวเอง

แต่วันนี้ความภาคภูมิใจของจวงเจาฮุยกลับถูกบดขยี้จนหมดสิ้น!

อัจฉริยะที่แข็งแกร่งกว่าเขา จวงเจาฮุยไม่ใช่ไม่เคยเจอ

แม้จะไม่เคยประมือกัน แต่ว่าในโลกซ้อนโลกก็มีการกล่าวว่า บัวแดงสูงส่งฟู่ถิง บุตรีเพียงคนเดียวของจักรพรรดิแพรงาม แม้จะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ก็เป็นคนเก่งกาจที่เหนือกว่าเขา

จวงเจาฮุยแม้ว่าจะไม่พอใจ แต่ก็จนปัญญา

กระนั้นไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร นั่นก็เป็นสตรีอัจฉริยะที่เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของจักรพรรดิแพร มีเบื้องหลังยิ่งใหญ่กว่าเขา

ทว่าในวันนี้ คนที่เอาชนะเขาได้ กลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอที่มาจากโลกเบื้องล่าง!

อีกทั้งยังไม่ได้ก้าวสู่ขั้นสะพานเซียน ก็ทำให้คนยากจะสู้ เรื่องนี้ไหนเลยจะไม่ทำให้จวงเจาฮุยขุ่นแค้นจนแทบกระอักเลือด

ก่อนหน้านี้ยังวางแผนอยู่ว่างจะจัดการเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงอย่างไร มิคาดเพียงพริบตาเดียวตนถึงกับกำลังจะตายใต้ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอ!

ยิ่งไม่ต้องกล่าวว่า คนที่กระตุ้นผนึกป้องกันของอารามเอกนิกาย สังหารลูกศิษย์จากเนินต้นจักรพรรดิกลุ่มใหญ่เมื่อครู่ ก็ต้องเป็นพวกเยี่ยนจ้าวเกออย่างไม่ต้องสงสัย

จวงเจาฮุยยามนี้ถูกกดดันอยู่ใต้ตราประทับตะวัน เดือดดาลแทบคลุ้มคลั่ง

“เยี่ยนจ้าวเกอ เจ้าสังหารหลี่จิ้น เนินต้นจักรพรรดิของข้าไม่ใช่จะไม่อาจอภัยได้” บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นตวาด “หากเจ้าสังหารข้ากับเจาฮุย ศิษย์พี่จวงไม่มีทางยอมเลิกราแน่ ระหว่างเขากว่างเฉิงของเจ้ากับเนินต้นจักพรรดิของข้า ไม่ตายไม่ยอมเลิกรา!”

จวงเจาฮุยกล่าวด้วยความแค้น “อาจารย์อากล่าวไปจะมีประโยชน์อันใด มีปัญญาก็สังหารพวกเราทิ้งที่นี่เสีย!”

เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะฮิฮะ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่จำเป็นต้องขู่ข้า ไม่จำเป็นต้องใช้วิธียั่วยุ และไม่จำเป็นต้องอวดอ้าง ไม่ว่าพวกท่านจะพูดอะไร ข้าก็ไม่คิดจะปล่อยพวกท่านไปอยู่แล้ว”

แม้ใบหน้าจะประดับด้วยรอยยิ้ม แต่ว่าสายตาของเยี่ยนจ้าวเกอกลับเย็นเยียบเป็นพิเศษ

ขณะที่พวกจวงเจาฮุยรู้สึกเย็นเยือก ก็รู้สึกหวั่นไหว คล้ายนึกอะไรบางอย่างได้

พวกเขามองเยี่ยนจ้าวเกออย่างสับสน ตกใจเพราะการคาดเดาของตัวเอง

“เจ้า…เจ้าหรือว่า…”

เยี่ยนจ้าวเกอเบ้ปาก “หลังจากเขากว่างเฉิงของข้าเพิ่มระดับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย่อมต้องการขยายพื้นที่ให้ใหญ่กว่าเดิม”

“เขตตะวันอาคเนย์แม้จะใหญ่โต แต่เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ เพียงแต่เขาโถงที่แล้วมาเป็นมิตรกับข้า หลายปีมานี้ยังคอยดูแล ข้าผู้แซ่เยี่ยนไม่เคยลืม”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราย่อมได้แต่ขยายดินแดนไปทางอื่นแล้ว”

ชายหนุ่มมองพวกจวงเจาฮุย ยิ้มเล็กน้อย “นอกจากเรื่องเหนือความคาดหมายอื่นๆ แล้ว ไม่อย่างนั้นสำนักของพวกเราทั้งสองท้ายที่สุดก็ต้องสู้กัน ดังนั้นสำหรับข้าจึงยินดีสังหารพวกท่านทิ้งที่นี่”

“ไม่ว่าจะมากหรือจะน้อย การตัดกำลังของเนินต้นจักรพรรดิของพวกท่าน ก็เป็นเรื่องที่ข้ายินดีทำให้สำเร็จ”

“ปัญหาที่ต้องพิจารณาเพียงหนึ่งเดียวอยู่ที่ เวลาเหมาะสมหรือไม่ สำนักข้าเตรียมตัวดีแล้วหรือไม่”

พวกจวงเจาฮุยมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความตื่นตระหนก

แม้การคาดเดาในใจจะได้รับการยืนยัน แต่ว่าความรู้สึกสั่นสะท้านและเหลวไหลในใจของคนทั้งสองกลับรุนแรงกว่าเดิม

คนหนุ่มที่พูดจาฉะฉานตรงหน้า เป็นแค่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก ขั้นเทวะสำแดงระยะท้ายเท่านั้น

สำนักของเขายังมาจากโลกเบื้องล่างใบหนึ่ง ทั้งสำนักมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ

แต่ว่าพวกเขากลับเล็งเป้าหมายมาที่เนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์!

นั่นเป็นที่ใดกัน?

ขุมกำลังอันเป็นที่อยู่ของประมุขทักษิณ หนึ่งในประมุขทั้งสิบแห่งโลกซ้อนโลกปกครอง ควบคุมเขตเพลิงทักษิณทั้งเขต เป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานทางใต้ของโลกซ้อนโลก

ในเวลามากกว่าพันปีที่สืบทอดกันมาบนโลกซ้อนโลก ไม่นับจวงเซิงที่เป็นประมุขในหมู่คน เนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์ก็มียอดฝีมือมากมายดุจหมู่เมฆ

เนินต้นจักรพรรดิแค่จำนวนยอดฝีมือในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน ก็มีมากกว่าจำนวนจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของเขากว่างเฉิงในตอนนี้แล้ว!

คนหนุ่มผู้นี้ถึงกับคิดจะปะทะกับเนินต้นจักรพรรดิ หรือเขาจะบ้าไปแล้ว

หลังจากตกตะลึง จวงเจาฮุยกลับเดือดดาลจนยิ้มออกมา “อาศัยพวกเจ้าน่ะหรือ ถ้าหากไม่ใช่เพราะมียอดเขาอัศจรรย์และเขาโถงทองคอยคุ้มครอง สำนักเล็กๆ จากโลกเบื้องล่างของเจ้าคงถูกเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์ของข้าทำลายไปร้อยแปดสิบครั้งแล้ว!”

“เป็นเพราะสาเหตุนี้ ข้าจึงได้บอกว่าต้องพิจารณาว่าเวลาเหมาะสมหรือไม่ สำนักเตรียมการได้ดีแล้วหรือไม่” รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอยังคงเดิม “มาถึงตอนนี้ แม้เวลาจะยังคงบอกไม่ได้ว่าสุกงอมเต็มที แต่ทุกสิ่งก็พัฒนาไปในทางที่ดีแล้วไม่ใช่หรือ”

จวงเจาฮุยอ้าปากสบถ เสียงพลันชะงัก

เขามองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เบื้องหน้าอย่างงงงัน

หกปีก่อนตอนอยู่ที่ดินแดนสุทธทัศน์ในทะเลหวงเจีย เขาเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก เยี่ยนจ้าวเกอเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง

การพบเจอกันอีกครั้งในวันนี้หลังจากผ่านไปหกปี เขาเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด…

ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหก!

เขากว่างเฉิงที่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ถึงสิบคน เขากว่างเฉิงที่ไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียน…

กลับมียอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้า สิ้นชีวิตเพราะเขากว่างเฉิงแห่งนี้!

………………..