ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 953 ไม่พูดพร่ำก็ลงมือ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

สำหรับเนินต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์ อารามเอกนิกายนี้เป็นหลุมใหญ่ที่ลึกสุดใจ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาสามขามาจากโลกซ้อนโลก ซึ่งต่อให้ได้การสืบทอดสายเหนือพิสุทธิ์ไปแล้วก็ไม่สามารถใช้ได้เหมือนกัน แต่กลับวางแผนเข้ามาในตำหนักใหญ่สุดชีวิต จวงเจาฮุยคงสงสัยว่าพวกเขาทราบอยู่แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่การสืบทอดสายเอกพิสุทธิ์

ส่วนสาเหตุที่พวกเขามอบแส้ปัดหักครึ่งชิ้นนั้นให้กับตน เป็นเพราะต้องการเล่นงานเนินต้นจักรพรรดิล้วนๆ

แต่ว่าเมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เขาสามขาน่ากลัวจะไม่ทราบเบื้องหลังที่แท้จริงของอารามเอกนิกายแห่งนี้

ขณะมองเทวรูปของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษด้านหน้า และคิดว่าขุมกำลังสองกลุ่มล้วนเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้ามา พวกจวงเจาฮุยก็หมดอาลัยตายอยาก อยากหัวเราะแต่หัวเราะไม่ออก

คนตายไปตั้งมากถึงเพียงนั้น ใช้ความพยายามไปมากถึงเพียงนั้น แต่กลับได้ผลลัพธ์เช่นนี้

จวงเจาฮุยไม่กล้าคิดต่อ เพราะรู้สึกคับข้องใจจนแทบกระอักเลือด

เขามองอาจารย์อาร่วมสำนัก อีกฝ่ายมีสีหน้าอึมครึมเหมือนกันกับตน

“มุ่งหน้าต่อไป ในเมื่อเข้ามาที่นี่แล้ว ก็กลับไปมือเปล่าไม่ได้” จวงเจาฮุยสูดหายใจลึก “มิพักเอ่ยถึงวรยุทธ์สายเหนือพิสุทธิ์ ถ้าหากมีของล้ำค่าเหลืออยู่ ก็สามารถปลอบประโลมวิญญาณของทุกคนที่อยู่บนสวรรค์ได้”

ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายอาศัยผนึกป้องกันขัดขวางพวกเขา ต่อมาพอผนึกป้องกันไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ ก็หนีไปทันที หมายความว่ามีความสามารถจำกัด

“ไม่อย่างนั้นก็กลับไปจัดการคนจากเขาสามขา ถือว่าระบายแค้นได้เหมือนกัน”

จวงเจาฮุยปั้นสีหน้าเย็นเยียบ “ท่านอาจารย์อา ถอยไปเช่นนี้โดยไม่ทำอะไรสักอย่าง ข้าไม่ยอมรับ!”

บุรุษวัยกลางคนมองเทวรูปของเทวกษัตริย์รัตนวิเศษ เงยหน้าถอนใจยาว “แม้นว่าเขาสามขาจะน่าชิงชัง แต่พวกเขาจะรอดมาจากในผนึกป้องกันได้หรือไม่ยังไม่แน่นัก จึงยังไม่ต้องไปสนใจพวกเขา”

“พวกเราหากเดินหน้าต่อ ในที่สุดก็จะรู้ว่าคนที่ลอบเล่นงานพวกเราเป็นใคร ไว้วันหน้าค่อยตามหาอีกฝ่ายเพื่อแก้แค้น”

การดับสิ้นของหงส์เพลิงของคนทั้งสอง ล้วนใช้ได้แค่ครั้งเดียว และได้หมดไปแล้ว

ตอนนี้ยังสูญเสียอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ต่อจากนี้จะต้องระวังตัว

แม้ว่าศัตรูจะดูเหมือนลอบเล่นงาน แต่พวกเขาก็ไม่กล้าประมาท

แต่ถ้าหากว่ากลับไปด้วยสภาพน่าอนาถขนาดนี้ อย่าว่าแต่จวงเจาฮุย แม้แต่บุรุษวัยกลางคนผู้นี้ก็ไม่ยอม

คนทั้งสองออกจากตำหนักใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ล่วงลึกเข้าไปในอารามเอกนิกาย

อีกด้านหนึ่ง อาหู่ที่ตอนแรกเฝ้าตำหนักหน้า หลังจากสัมผัสได้ว่ากำลังมีคนผ่านผนึกป้องกันเข้ามาในตำหนัก เขาก็อดเกาศีรษะไม่ได้ ‘เป็นยอดฝีมือจากที่ไหนกัน ภัยพิบัติสามอย่างทำงานพร้อมกันก็ยังฆ่าไม่ได้หรือ’

เขาหดคอ กระโดดขึ้นบนหลังพ่านๆ หนึ่งคนหนึ่งตัวเข้าไปในตำหนัก พุ่งไปยังเบื้องหลัง

ยามนี้อาหู่ไม่กล้ารีรออยู่อีก แต่ทำตามคำสั่งของเยี่ยนจ้าวเกอ หากขวางไม่ได้ เช่นนั้นก็รีบถอย

ศัตรูที่สามารถผ่านผนึกป้องกันเช่นนั้นมาโดยไม่ตายได้ สมควรไม่ใช่คนที่เขากับพ่านพ่านรับมือได้

บางทีอีกฝ่ายอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถ้าเกิดไม่ใช่ขึ้นมา เขาอาจจะถูกอีกฝ่ายกำจัดก็เป็นได้

‘ไม่ทราบสถานะของอีกฝ่าย เลยแจ้งคุณชายไม่ได้’ อาหู่กล่าวในใจ นั่งบนหลังพ่านพ่าน ปล่อยให้พ่านพ่านวิ่งตะบึง

ในฐานะพาหนะของเยี่ยนจ้าวเกอ พ่านพ่านกับเขามีจิตใจเชื่อมถึงกัน

แม้ว่าด้านในอารามเอกนิกายตรงหน้าจะค่อนข้างลี้ลับ แต่พ่านพ่านก็หาตำแหน่งของเยี่ยนจ้าวเกอพบอย่างรวดเร็ว

เมื่อบรรลุถึงห้องสงบใจห้องนั้น อาหู่ก็ยื่นหน้าเข้าไปมอง อดสะดุ้งโหยงไม่ได้

เห็นด้านในห้องสงบใจ เยี่ยนจ้าวเกอถือแผ่นหยกไว้แท่งหนึ่ง อีกมือหนึ่งกำเป็นมุทรากระบี่ กำลังนั่งขัดสมาธิ

มีเส้นสีดำหลายเส้นยืดออกมาจากร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ เส้นสีดำแผ่ลามไปทั่วกำแพง พื้น และเพดานของห้องสงบใจ ตัดสลับพาดขวางกัน

เส้นสีดำกระจายไปทั่ว ห้องสงบใจเหมือนกลายเป็นโลกใบหนึ่ง ตัดขาดจากอารามเอกนิกายที่อยู่เบื้องนอก

เยี่ยนจ้าวเกอคนนั่งอยู่ที่นั่น แต่ว่าในประสาทรับรู้ของอาหู่ เยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เหมือนกับยุบตัวลงกลายเป็นจุดเดียว

เส้นสีดำลายสายในห้องสงบใจต่างเกิดขึ้นมาจากจุดนี้ แล้วขยายยืดออกไป

จากนั้นก็พันกันกลายเป็นระนาบ

ระนาบแต่ละระนาบ เกาะกลุ่มกันกลายเป็นโลกที่มีรูปทรงตรงหน้า

แต่ว่านี่ยังไม่ใช่ส่วนที่น่ากลัวที่สุด

ส่วนที่น่ากลัวที่สุดอยู่ที่กลางเส้นสีดำเหล่านี้ ปรากฏจิตแห่งความตายและการสิ้นสูญ น่าประหวั่นพรั่นพรึง ทำให้อาหู่ที่มองเกิดความรู้สึกสั่นกลัว

เยี่ยนจ้าวเกอยามนี้ลืมตาขึ้น พอเห็นอาหู่กับพ่านพ่าน ก็อดแตะนิ้วกับริมฝีปาก เอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “ผนึกป้องกันขวางคู่ต่อสู้ไม่ได้หรือ”

อาหู่ได้สติ รีบร้อนกล่าว “คุณชาย มีคนต้านทานสามภัยพิบัติที่ทำงานพร้อมกันได้ขอรับ”

“นั่นยอดเยี่ยมยิ่ง” เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เล่าให้ละเอียด”

เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายคล้ายกับหายไปในชั่วขณะ จากนั้นก็ปรากฏขึ้นมาใหม่ หลบพ้นน้ำจากแม่น้ำหนักอึ้งและบัวทองอัคคีวิเศษที่เหลือ เยี่ยนจ้าวเกอก็เบะปาก “นั่นน่าจะไม่ใช่เป็นการฝืนปะทะเข้ามา แต่อาศัยเคล็ดวิชาเร้นลับบางอย่าง”

“อาจเป็นวิชาตายแทนเกิดใหม่ จึงค่อยรอดมาได้”

อาหู่ว่า “ต่อจากนั้นเหมือนมีกลุ่มที่สองตามมา ถูกน้ำจากแม่น้ำหนักอึ้งกับบัวทองอัคคีวิเศษที่เหลืออยู่ขวางไว้ กลุ่มแรกทะลวงผนึกป้องกันได้สำเร็จ ข้าไม่ได้ขัดขวางพวกเขาต่อ แต่เข้ามาตามหาคุณชายท่าน”

ขณะที่พูด เส้นสีดำมากมายนั้นก็หายไปในร่างของเยี่ยนจ้าวเกอ ไม่เห็นอีก

ทว่าในระหว่างนั้น อาหู่กับพ่านพ่านเกิดความรู้สึกว่าชีวิตของตนถูกฉุดดึงไปด้วย

เส้นสีดำพอหายไปหมดสิ้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ถือแผ่นหยก แล้วผุดลุกขึ้นจากพื้น

เขาเอียงศีรษะเงี่ยหูฟัง “อืม มาถึงนี้แล้ว…ความรู้สึกนี้ ข้าคุ้นเคยอยู่บ้าง”

เขาเดินออกจากห้องสงบใจ เห็นในทางโค้งอีกด้าน ปรากฏเงาคนสองสาย คนหนึ่งเป็นบุรุษหนุ่ม คนหนึ่งเป็นบุรุษวัยกลางคน

เป็นพวกจวงเจาฮุยจากเนินต้นต้นจักรพรรดิบนเขาลีลาหงส์นั่นเอง

พวกจวงเจาฮุยค้นหาในอารามเอกนิกายแล้ว ครั้นพบร่องรอยคนก็พากันมุ่งหน้ามา

ขณะที่กำลังรู้สึกหงุดหงิด พลันเห็นตรงหน้ามีชายหนุ่มสวมอาภรณ์ขาว ทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินโผล่มา กำลังโบกมือให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่เจอกันนาน”

ทั้งสองฝ่ายพอเจอกัน จวงเจาฮุยสับสนเล็กน้อย “เยี่ยนจ้าวเกอ เป็นเจ้า?”

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม “ศัตรูทางคับแคบแท้ๆ”

เสียงยังไม่ทันขาด เขาก็สืบเท้าออก บรรลุถึงด้านหน้าพวกจวงเจาฮุยในชั่วพริบตา

พวกจวงเจาฮุยหลังจากหายงงงัน ก็ลงมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย!

เพลิงโหมลุกโชนกลายเป็นคมดาบน่ากลัว ฟันใส่เยี่ยนจ้าวเกอที่ถลันเข้ามา

ระหว่างสองฝ่ายไม่มีการพูดคุยอะไรอีก ไม่พูดพร่ำก็ลงมือเอาจริงทันที!

แม้ว่าการประมือกับเยี่ยนจ้าวเกอบนดินแดนสุทธทัศน์ในทะเลหวงเจีย จะทำให้จวงเจาฮุยสลักความทรงจำเกี่ยวกับอีกฝ่ายไว้อย่างล้ำลึก ทว่าชายหนุ่มในตอนนั้นยังอยู่ในขั้นรวมรูป ที่ได้เปรียบเป็นเพราะหลุมดำก้นทะเลใต้ดินแดนสุทธทัศน์

ทว่าตอนนี้ จวงเจาฮุยค้นพบความจริงที่ทำให้คนไม่อาจทนรับได้

เยี่ยนจ้าวเกอยกฝ่ามือหนึ่งขึ้น ตราประทับตะวันที่ยิ่งใหญ่และแข็งกร้าวราวกับดวงอาทิตย์พลันลอยอยู่กลางหาว

สภาวะอันคลุ้มคลั่งของเยี่ยนจ้าวเกอ แทบทำให้พวกจวงเจาฮุยต้องกลั้นหายใจ

เพียงพริบตาเดียว พวกเขารู้สึกเหมือนกาลเวลาย้อนกลับ เผชิญหน้ากับภัยพิบัติมากมายเหมือนบัวทองอัคคีวิเศษเมื่อครู่นี้อีกครั้ง

‘แม้จะเป็นตราประทับตะวัน อานุภาพนี้ก็แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!’ จวงเจาฮุยสีหน้าบิดเบี้ยวกว่าเดิม ‘ข่าวที่ทางเขตตะวันอาคเนย์ลือกันว่าเขาสังหารยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นแปดได้ด้วยตัวคนเดียว เป็นข่าวจริงหรือนี่’

………………..