ราชันเร้นลับ 1340 : บันทึกการเดินทาง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

“เมื่อที่ชื่อยูโทเปียแห่งนี้ แทบไม่แตกต่างจากเมืองเล็กแห่งอื่นที่ฉันเคยไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ เชื้อชาติ หรือสถาปัตยกรรม ทุกด้านล้วนอิงตามมาตรฐานของอาณาจักรโลเอ็น”

“ฉันเคยได้ยินว่า ทางทวีปใต้มีธรรมเนียมแปลกประหลาดมากมาย และหวังว่าจะได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองในสักวัน แต่แน่นอน ต้องเป็นหลังจากสันติภาพในไบลัมตะวันออกและตะวันตกถูกฟื้นฟูกลับคืนมา”

“กล่าวถึงยูโทเปีย ความพิเศษของที่นี่คือการมีสภาพอากาศไม่คงที่ มักเกิดพายุบ่อยครั้งจนคนส่วนใหญ่พกร่มและเสื้อกันฝนเคลือบยางไม้ดอนนิงส์แมน บริกรที่โรงแรมบอกกับฉันว่า หากใครมีรายได้มั่นคงและต้องออกไปทำงานบ่อยครั้ง ทุกคนจะซื้อเสื้อกันฝนพกติดตัว ไม่อย่างนั้น หากป่วยขึ้นมาก็ไม่คุ้มกับเงินที่หายไป”

“ที่นี่ไม่มีการพยากรณ์อากาศ ฉันจึงไม่ทราบว่าทำไมละแวกนี้ถึงมีสภาพอากาศแปรปรวน คาดเดาได้เพียงว่า คงเป็นเพราะยูโทเปียอยู่ใกล้กับทะเล อยู่ในเขตพายุเฮอร์ริเคน ใช่แล้ว ยูโทเปียมีท่าเรือน้ำลึกอยู่ห่างออกไปไม่กี่กิโลเมตร แต่มีเจ้าหน้าที่คอยบริการไม่มากนัก รองรับได้เพียงการดำเนินการขนาดเล็ก”

“พวกเขาไม่มีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น คงเป็นเพราะเมืองแห่งนี้ค่อนข้างเล็ก มีประชากรแค่ไม่กี่พัน เด็กขายหนังสือพิมพ์ที่นี่จึงส่งแค่หนังสือพิมพ์ทัสซอค เดซีย์มิเรอร์ และหนังสือพิมพ์ลมทะเล..”

“อีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันชอบที่นี่ก็คือ ชาวยูโทเปียร่าเริงมาก มองโลกในแง่ดี และหลงใหลการใช้ชีวิต”

“ขณะที่ฉันเขียนสิ่งนี้ หน้าโรงแรมมีวงดนตรีเดินผ่าน”

“พวกเขาไม่ใช่วงดนตรีมืออาชีพ เป็นกลุ่มของมือสมัครเล่นโดยแท้จริง มีทั้งข้าราชการ อาสาสมัคร ทนายความ ตำรวจอาชีพ ครูโรงเรียน พนักงานโรงงานขนม เจ้าของร้าน… ในหมู่พวกเขา คนที่มีเงินและมีเวลาจะรับผิดชอบเครื่องเล่นยากๆ อย่างเชลโล่และไวโอลิน ขณะที่ชนชั้นกลางและล่างจะเล่นเครื่องเล่นที่ง่ายกว่า เช่นพิณและฮาร์โมนิก้า”

“ในวันหยุดบางวัน พวกเขาจะเดินไปตามถนน เริ่มจากจัตุรัสเทศบาลและวนไปรอบเมือง จนกระทั่งกลับมายังวิหารพระแม่อาเรียนน่าใกล้กับจัตุรัส พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า ‘ขบวนแห่ดนตรี’”

“ระหว่างขบวนแห่ ไม่เพียงพวกเขาจะไม่กีดกันให้ชาวเมืองเข้าร่วม แต่ยังเรียกให้ทุกคนเข้าไปร้องรำทำเพลงพลางเดินไปพร้อมกัน จากการเฝ้าสังเกตของฉัน ผู้เข้าร่วมล้วนมีความสุขและพึงพอใจ แต่ละคนแสดงออกถึงอิสระของชีวิตอย่างเต็มที่ พลอยทำให้ฉันได้รับพลังงานไปด้วย”

“ต้องสภาพตามตรงว่า ฉากดังกล่าวยากจะอดใจไหว ฉันจึงตัดสินใจเข้าร่วมขบวนไปพร้อมกับพวกเขา โยนปัญหาด้านความไร้พรสวรรค์เชิงดนตรีทิ้งไป เอาแต่เต้นรำและร้องเพลงอย่างมีความสุขพร้อมกับทุกคน…”

“วันนี้พวกเขาไม่มีขบวนแห่ดนตรี เพราะทุกคนไปรวมตัวที่วิหารเพื่อเป็นสักขีพยานแด่คู่บ่าวสาว”

“พูดถึงงานแต่ง สิ่งที่ฉันไม่เข้าใจเกี่ยวกับยูโทเปียมากที่สุดก็คือ เหตุใดที่นี่ถึงมีเพียงวิหารเทพธิดารัตติกาล ทุกคนคงทราบดี ไม่ว่าจะเป็นเมืองที่เล็กเพียงใดในอาณาจักร แต่ก็ต้องมีวิหารสองแห่งขึ้นไปเสมอ นั่นคือวิหารของเทพธิดารัตติกาลและเทพวายุสลาตัน”

“ก่อนจะมาเที่ยวยูโทเปีย ฉันไม่เคยจินตนาการมาก่อน ว่าจะมีเมืองใดในอาณาจักร สามารถนับถือเทพองค์เดียวโดยสมบูรณ์เช่นนี้”

“แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับฉันสักเท่าไร ก่อนอายุสิบแปด ฉันจำต้องนับถือศาสนาวายุสลาตันตามครอบครัว แต่หลังจากเรียนจบโรงเรียนมัธยม ฉันก็ได้เข้าใจว่า เทพผู้เห็นอกเห็นใจและรักมนุษย์มากที่สุดคือเทพธิดา”

“ย้อนกลับมาที่พิธีแต่งงาน ฉันมีโอกาสได้เข้าร่วมงานแต่งเมื่อสองวันก่อน และพบว่ายูโทเปียมีธรรมเนียมที่ค่อนข้างประหลาด”

“จากบรรดาทั้งหมด จุดที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดก็คือ เมื่อหลวงพ่อเรียกคู่บ่าวสาว ชายหญิงจะทำการโค้งคำนับกันและกัน สื่อเป็นนัยว่าไม่มีใครเหนือกว่าใคร เป็นการแสดงเคารพกันจากก้นบึ้ง ในฐานะที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันไปจนแก่เฒ่า”

“บางที ธรรมเนียมนี้อาจริเริ่มมาจากการยึดหลักความเท่าเทียมของชายหญิงตามคำสอนของเทพธิดา…”

“นอกจากนั้น หลังพิธีแต่งงานยังมีช่วงเวลาพิเศษ เช่น ให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเล่าเรื่องราวความรักของตัวเอง”

“อาจเป็นเรื่องน่าอายสำหรับคู่สมรส แต่เป็นเรื่องน่าสนุกสำหรับแขกร่วมงาน ใช่แล้ว ฉันเองก็คิดแบบนั้น แต่ถ้ามีโอกาสได้แต่งงาน ฉันจะไม่ใส่ส่วนนี้เข้ามาในงานของตัวเองเด็ดขาด”

“ในงานแต่งคราวนั้น ฉันมีโอกาสได้ฟังเรื่องราวความรักที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิต หากมีโอกาส และหากผู้อ่านคอลัมน์นี้ชื่นชอบ ฉันจะเล่าให้ฟังในภายหลัง แน่นอนว่าจะต้องเปลี่ยนชื่อและรายละเอียดบางส่วน เพื่อมิให้กระทบกระเทือนกับบุคคลจริง…”

“สิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับยูโทเปียมากที่สุดก็คือ อาหารของที่นี่รสชาติดีมาก แถมยังมาตรฐานสูง ถึงจะมีร้านน้อย แต่ทุกร้านล้วนคุณภาพดี และร้านที่ถูกปากมากที่สุดก็คือห้องอาหารโรงแรมดอกไอริชที่ฉันพักอยู่”

“ไม่ว่าจะเป็นอาหารพื้นฐานอย่างสเต๊ก หมู่ทอด เนื้อย่าง ปลาย่าง หรืออาหารซับซ้อนอย่างสตูแกะกับถั่ว ซุปครีม มันฝรั่งบดอบเนย มันฝรั่งอบทั้งเปลือก ทุกจานล้วนอยู่ในระดับพ่อครัวภัตตาคารใหญ่ นอกจากนั้น พ่อครัวที่นี่ยังเชี่ยวชาญการสร้างสรรค์อาหารแปลกใหม่ มีทั้งเมนูที่เพิ่งเคยได้ยินชื่ออย่างเนื้อหั่นเต๋าผัดเปรี้ยวหวาน หรือปลาย่างทาด้วยซอสรสชาติต่างๆ”

“สำหรับอาหารหลักที่ยากแก่การพลิกแพลง พ่อครัวของยูโทเปียก็มิได้ทอดทิ้งพวกมัน ฉันมีโอกาสได้กินขนมปังทุกชนิดในเมืองนี้ครบแล้ว ประกอบไปด้วย: แยม มันบด เนย ครีม และผลไม้ชิ้น… หากต้องการ ฉันจะได้กินขนมปังที่ซ้ำกันเลยในหนึ่งสัปดาห์”

“เหนือสิ่งอื่นใด เมนูเด็ดของที่คือของหวาน”

“พุดดิ้งครีม พุดดิ้งผลไม้ เค้กแบล็กฟอเรสต์ เค้กแคร์รอต เค้กนม มัฟฟิน ทาร์ต…”

“ยิ่งเขียนก็ยิ่งหิว นั่นคือเหตุผลที่อยู่มาเป็นสัปดาห์แล้วยังไม่อยากกลับ สิ่งที่กังวลมากที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่กระเป๋าสตางค์ แต่เป็นน้ำหนัก โชคดีที่โรงแรมไม่มีเครื่องชั่ง แต่ในเวลาเดียวกัน เป็นเพราะไม่มีเครื่องชั่ง น้ำหนักของฉันก็เลยเพิ่มเอาเพิ่มเอา”

“ไวน์แดงของยูโทเปียมีรสชาติค่อนข้างดี ปัญหาเดียวก็คือ ระยะเวลาในการบ่มองุ่นยังน้อยเกินไป ดูเหมือนว่าสวนองุ่นรอบๆ จะยังไม่ทราบจุดอ่อนข้อนี้”

“สำหรับเครื่องดื่มในยูโทเปีย ฉันขอแนะนำ ‘ชาเย็นซ่า’ รสชาติของมันมีเอกลักษณ์โดดเด่นมาก มีดีกว่าความหวานและฟอง…”

“ทุกเย็น ฉันจะไปเดินเล่นที่จัตุรัสเทศบาลซึ่งเป็นจุดพักผ่อนยอดนิยมของชาวยูโทเปีย พวกเขารักนกพิราบขาวมากเป็นพิเศษ”

“ที่นั่น ฉันได้พบกับจิตรกรคนหนึ่ง เขาชื่อแอนเดอร์สัน รูปหล่อและวาดภาพเก่งมาก แต่น่าเสียดายที่เขาเป็นใบ้…”

“ฉันยังได้รู้จักนักเขียนที่ชื่ออัลเซอร์ เป็นชื่อที่แปลกมาก เขาเล่าว่ากำลังเขียนนิยายและอยากให้ฉันติชมปฐมบท”

“ฉันไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหา แค่รู้สึกว่ามีชื่อคุ้นหูมากมายในตอนต้น”

“หนึ่งในนั้นรวมถึงแอนเดอร์สันและเวนดี้ เอ่อ เวนดี้คือเจ้าของร้านเบเกอรี่ที่ฉันโปรดปราน…”

“ฉันลองถามกลับไปในประเด็นดังกล่าว และอัลเซอร์ตอบว่า เมื่อนักเขียนคิดชื่อตัวละครไม่ออก เป็นปรกติที่จะนำชื่อคนใกล้ตัวมาแต่ง”

“สมเหตุสมผล!”

“…”

“เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด การแบ่งปันประสบการณ์จึงขอจบลงเพียงเท่านี้”

“รัก – ชาร์ล็อตต์ของทุกคน”

โมนิก้าวางปากกาลง อ่านต้นฉบับอย่างละเอียดถึงสองหนเพื่อแก้ไขคำผิดและไวยากรณ์

เธอเป็นนักเขียนที่ในตอนแรกไม่โด่งดังมากนัก หาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนนิยายรักน้ำเน่า และหลังจากเปลี่ยนมานับถือเทพธิดารัตติกาล บิดาของเธอก็แทบจะตัดพ่อตัดลูก

แต่เมื่อมิสฟอร์ส·วอลล์ผู้แต่ง ‘คฤหาสน์วายุสลาตัน’ เริ่มเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลังสงคราม โมนิก้าจึงเริ่มเขียนบันทึกการท่องเที่ยวของตัวเองลงหนังสือพิมพ์เบ็คลันด์บ้าง เธอเปลี่ยนงานอดิเรกให้กลายเป็นงานหลัก และเมื่อเป็นสิ่งที่เธอรัก คุณภาพของงานจึงออกมาดี ส่งผลให้เธอกลายเป็นนักเขียนคอลัมน์การเดินทางที่โด่งดัง

ชาร์ล็อตต์คือนามปากกา

หลังจากหมึกปากกาแห้งสนิท โมนิก้าคัดลอกสำเนาไว้อีกหนึ่งฉบับ และยัดมันลงในซองจดหมาย ติดตราไปรษณียากร

เมื่อยืนยันว่าที่อยู่ไม่มีข้อผิดพลาด หญิงสาวเจ้าของผมสีดำหยักศกสไตล์อ่าวเดซีย์ หยิบกระเป๋าถือเดินออกจากโรงแรม ตรงไปยังที่ทำการไปรษณีย์เมืองยูโทเปีย

ที่ทำการไปรษณีย์อยู่ติดกับสำนักงานโทรเลข ทุกครั้งที่โมนิก้าเดินผ่านจะรู้สึกว่า ‘เสียของ’ เสมอ

ตามความเห็นของเธอ ชาวเมืองยูโทเปียแทบไม่ต้องพึ่งพาการส่งโทรเลข การมีสำนักงานโทรเลขเป็นของตัวเองจึงค่อนข้างสิ้นเปลือง

ส่งจดหมายเสร็จ โมนิก้าแหงนมองฟ้าและเดินไปยังจัตุรัสเทศบาล

เมื่อมาถึงหน้าทางเข้าวิหารพระแม่อาเรียนน่า เธอได้พบกับไบลส์

ไบลส์คือตำรวจผู้เคยสอบปากคำโมนิก้าในคดีฆาตกรรมที่โรงแรมดอกไอริช

น่าเสียดายที่โมนิก้าไม่รู้จักกับสุภาพบุรุษนามว่าเวนเดลล์

หลังจากพยักหน้าทักทายกัน โมนิก้าเดินเข้าไปในวิหาร หาที่นั่ง และฟังทัศนาจากบิชอปนามทาวน์เซ่น

อีกฝ่ายเป็นนักบวชที่เหมือนนักบวชที่สุดเท่าที่โมนิก้าเคยพบนับตั้งแต่ย้ายมานับถือเทพธิดารัตติกาล ผมบนหัวกว่าครึ่งมีสีขาว คำพูดคำจาสุขุมนุ่มนวล อารมณ์สงบนิ่ง เนื้อเสียงอ่อนโยน ทำให้จิตใจผู้คนเย็นลงโดยไม่รู้ตัว

โมนิก้าหลับตาลงและตั้งใจฟังธรรม

แคว้นเชสเตอร์ตะวันออก ในป่าบนที่ดินตระกูลฮอลล์

อัลเฟรด ฮิบเบิร์ต และออเดรย์ พาสุนัขล่าเนื้อส่วนตัว รวมถึงคนรับใช้อีกจำนวนมาก ปิดล้อมป่าเพื่อล่าเหยื่อ

นี่คือครั้งแรกที่สามพี่น้องได้ล่าสัตว์ร่วมกันนับตั้งแต่เป็นผู้ใหญ่

อัลเฟรดและฮิบเบิร์ตกำลังแสดงฝีมืออย่างโดดเด่นต่อหน้าน้องสาว หรืออย่างน้อยก็เท่าที่ตาเห็น

สำหรับอัลเฟรด ปัญหาใหญ่ที่สุดของมันก็คือ การควบคุมตัวเองมิให้โดดเด่นเกินไป เพราะถ้าผู้วิเศษลำดับ 5 อัศวินวินัย เอาจริงในการล่าสัตว์ พี่น้องคนอื่นก็คงหมดโอกาส

มันทราบว่าน้องสาวเป็นผู้วิเศษ แต่ก็ตระหนักดีว่าลำดับ 7 เส้นทางผู้ชมแทบไม่มีพลังด้านการต่อสู้

ขณะกำลังไล่ตามเหยื่อ พวกมันขี่ม้าออกจากป่าและได้พบกับทุ่งข้าวสาลี

“ที่นี่คือ?” ออเดรย์ซึ่งแต่งกายในชุดล่าสัตว์ ถามอย่างเป็นกันเอง

นี่คือครั้งแรกที่เธอเคยล่าสัตว์ในป่าแห่งนี้ จึงไม่ทราบปลายทางของมัน

ฮิบเบิร์ตเองก็ไม่คุ้น จึงหันไปพูดกับบุรุษรับใช้

“ไปถามใครสักคนมา”

ระหว่างรอ สามที่น้องสนทนาอย่างสนุกสนานพลางหัวเราะขณะพูดคุยเกี่ยวกับผลการล่า ส่วนซูซี่ โกลเดนรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ กำลังชำเลืองสายตาไปมองสุนัขตัวผู้ที่พยายามเข้าใกล้เธอ ใช้การข่มขู่ทางจิตทำให้พวกมันรักษาระยะห่าง

ผ่านไปสักพัก บุรุษรับใช้ของฮิบเบิร์ตกลับมารายงาน

“นายท่าน ใกล้ๆ นี้มีหมู่บ้านหนึ่งชื่อฮาร์ตลาร์ค…”

ฮาร์ตลาร์ค… หมู่บ้านบูชามังกร? เรามาถึงที่นี่ได้ยังไง? ออเดรย์ผงะตกใจเมื่อได้ยิน