ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 956 หงส์เพลิงปีกหัก

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

พอได้ยินคำถามของเยี่ยนจ้าวเกอ จวงเจาฮุยก็งงงันเล็กน้อย

หลังจากได้สติกลับมา สีหน้าของเขาก็กลายเป็นประหลาดพิกลอย่างไม่อาจควบคุม

จวงเจาฮุยมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความสับสนอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายโกรธคล้ายไม่โกรธ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าคิดออกแล้ว เมิ่งหวานนั่นมาจากโลกเบื้องล่างใบเดียวกับเจ้า สำนักที่อยู่โลกเบื้องล่างของนางถูกเขากว่างเฉิงของเจ้าทำลายไปกระมัง”

“บิดาของนางเป็นใคร บิดาของนางเป็นใคร…ฮ่า! บิดาของนางเป็นใครหรือ”

จวงเจาฮุยพลันหัวเราะขึ้น “เจ้าคงไม่อยากรู้แน่”

“แต่อีกไม่นานเจ้าจะได้รู้แล้ว”

รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย “อีกไม่นาน!”

จวงเจาฮุยจ้องเยี่ยนจ้าวเกอ “ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าสีหน้าของเจ้าหลังจากทราบเรื่องจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ข้าขอบอกเลยว่าไม่น่ายินดีอย่างนั้นแน่”

“อ้อ?” เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินแล้วกลับไม่มีโทสะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านก็พกความเสียดายไปด้วยเถอะ”

ว่าแล้วเขาก็จับเปลวเพลิงกลุ่มนั้น หุบห้านิ้วลง หมายจะขยี้เปลวเพลิง!

ใบหน้าของจวงเจาฮุยค่อยๆ สลายไปในเปลวเพลิง

ทว่าบนใบหน้าของเขายังคงปรากฏความสุข กรีดร้องว่า “เยี่ยนจ้าวเกอ ข้าจะรอเจ้าอยู่ด้านล่าง วันนั้นอยู่อีกไม่ไกล อีกไม่นานหรอก! อีกไม่นาน!”

“ถึงแม้ท่านจะไม่ได้บอกอะไรข้าเลย แต่จากคำพูดของท่าน ข้าก็พอจะทายออกคร่าวๆ แล้ว หลังจากเมิ่งหวานถูกท่านพาตัวไป นางก็ปลอดภัยไร้เรื่องราว” เยี่ยนจ้าวเกอมุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย “แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว”

จวงเจาฮุยตวาด “โจรน้อยแซ่เยี่ยน ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะตายอย่างไร!”

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่ท่านควรเป็นห่วงแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเหอะๆ พลางออกแรงที่ห้านิ้ว ทำลายเปลวเพลิงกลุ่มนั้นโดยสมบูรณ์

พลังชีวิตอันเปี่ยมล้นครานี้เหลือเพียงน้อยนิด ชีวิตของจวงเจาฮุยขาดสะบั้นเช่นนี้

เยี่ยนจ้าวเกอหยิบแผ่นหยกชิ้นนั้นขึ้นมาดู ‘จอมยุทธ์ที่ฝึกเคล็ดวิชาวรยุทธ์ที่พิเศษ มีพลังชีวิตกล้าแข็งเช่นนี้ เวลาฆ่าช่างยากเย็นจริงๆ’

ทว่าครั้งนี้แผ่นหยกไม่ได้มีการตอบสนองใดๆ

จวงเจาฮุยใช้การดับสิ้นของหงส์เพลิงไปแล้ว ความสามารถที่เตรียมไว้ล่วงหน้าซึ่งจวงเซินบิดาของเขาได้ทิ้งเอาไว้ให้ก็ถูกจัดการแล้วเช่นกัน

มาตรแม้นว่าจวงเจาฮุยจะมีพลังชีวิตแข็งแกร่งกว่านี้ ครั้งนี้ก็ต้องไปเจอมัจจุราชแล้ว

ครั้นจวงเจาฮุยถูกสังหาร นั่นหมายความว่าความแค้นระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอ เขากว่างเฉิง กับประมุขทักษิณจวงเซิน ได้เลื่อนขึ้นไปอยู่ระดับใหม่แล้ว

จิตใจของเยี่ยนจ้าวเกอกลับสงบราบเรียบยิ่ง ไม่เศร้าและไม่ยินดี เขาเก็บตราประทับตะวันและแผ่นหยก หันไปมองอาหู่และพ่านพ่าน กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ค้นหาในอารามเอกนิกายเป็นครั้งสุดท้าย พวกเราก็ไปได้แล้ว”

ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายจะสู้กันแค่ชั่วครู่เดียว เยี่ยนจ้าวเกอก็กำจัดพวกจวงเจาฮุยได้ แต่พลังที่กระตุ้นไปไม่อ่อนแอเลย

ผลกระทบที่การต่อสู้ก่อให้เกิด ทำให้อารามเอกนิกายทั้งหมดต่างได้รับผลกระทบ กำลังจะถล่มลง

ที่นี่ถึงอย่างไรก็ถูกทิ้งร้างมาหลายปี ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเช่นในอดีต

ในอารามยังมีของวิเศษและโอสถอยู่ไม่น้อย

กระนั้นหลังจากผ่านวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในอดีต และผ่านการกัดกร่อนของวันเวลาอันยาวนาน สิ่งของส่วนใหญ่ก็เสื่อมสลายไปแล้ว

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ในสิ่งที่เหลืออยู่ก็ยังคงมีของล้ำค่าอยู่ไม่น้อย

บางอย่างในจำนวนนี้ สำหรับคนส่วนใหญ่อาจจะดูธรรมดา ไม่มีคุณค่าเท่าไร

ทว่าสำหรับเยี่ยนจ้าวเกอ มันกลับสามารถเปลี่ยนความเสื่อมโทรมให้กลายเป็นความน่าอัศจรรย์ เปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นของวิเศษได้

หลังจากจัดการสิ่งของที่ต้องตาต้องใจเหล่านี้เสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็พาอาหู่และพ่านพ่านกลับตำหนัก

พวกเขาคารวะเทวรูปบรูมครูสามพิสุทธิ์อีกครั้ง จากนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็มาถึงตรงหน้าโต๊ะบูชา มองดูลวดลายอาคมบนผ้าเหลืองที่ใช้สีชาดเขียน

“อ้อ จะถอยออกไปแล้วรึ”

เพราะคนจากเนินต้นจักรพรรดิถูกการโจมตีจากภัยพิบัติทั้งสามของผนึกป้องกันในอารามเอกนิกายก่อน ดังนั้นคนกลุ่มที่สองของเขาสามขาที่ตามมาในภายหลังจึงสบายขึ้นมา

แม้การทำงานพร้อมกันของสามภัยพิบัติจะน่ากลัว แต่ก็เป็นการลดทอนความต่อเนื่องอย่างอ้อมๆ

กระนั้นหลังจากเห็นการดับสิ้นของหงส์เพลิงของพวกจวงเจาฮุย และเห็นพวกเขาผ่านผนึกป้องกันไปได้ คนจากเขาสามขาก็หวั่นวิตก

คนอื่นๆ จากเนินต้นจักรพรรดิล้วนพินาศ แต่ก็มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนเหลือรอดอยู่สองคน ทั้งคู่ต่าก็มีพลังไม่ธรรมดา

มีคนสองกลุ่มไปถึงก่อนแล้ว อีกทั้งยังแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

จอมยุทธ์เขาสามขากลุ่มแรกที่มีเจ้าสำนักอยู่ด้วยประสบผลร้ายมากกว่าผลดี หลังจากจอมยุทธ์เขาสามขากลุ่มที่สองลังเล สุดท้ายก็เลือกตัดใจ คิดออกจากสถานที่ที่ทำให้พวกเขาเสียหายอย่างหนักนี้

ตอนนี้ผนึกป้องกันอ่อนแอลง พวกเขาจึงหลุดออกไปได้

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางส่ายหน้า พาอาหู่กับพ่านพ่านตรงออกจากตำหนักใหญ่

เมื่อรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของปราณวิญญาณในนี้ เยี่ยนจ้าวเกอก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ ‘มีคนเปิดประตูอีกบาน ดูเหมือนพวกจวงเจาฮุยจะเข้ามาจากประตูที่เปิดขึ้นใหม่ เพียงแต่…’

เพียงแต่เมื่อเป็นเช่นนี้ ประตูที่ตนกับจอมยุทธ์เขาสามขาใช้เข้ามาจากทะเลรกร้าง เมื่อได้รับผลกระทบเช่นนี้ก็ต้องปิดลง ยากจะเปิดขึ้นมาอีกครั้ง

นี่บ่งบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอ หรือแม้แต่จอมยุทธ์เขาสามขาเหล่านั้น หากต้องการกลับโลกซ้อนโลกก็จำเป็นต้องไปยังเส้นทางที่พวกจวงเจาฮุยใช้เข้ามา

ไม่ต้องถามก็ทราบว่าอีกฝั่งหนึ่งของทางออก สมควรอยู่ในเขตเพลิงทักษิณ

เยี่ยนจ้าวเกออดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ สาวเท้าออกจากอาราม หลังจากแยกแยะทิศทางคร่าวๆ ก็เดินไปยังทะเลสาบที่พวกคนจากเนินต้นจักพรรดิใช้เข้ามา

ครั้นเพิ่งถึงริมแม่น้ำ ก็เห็นเงาคนหลายสายกำลังจะเข้าไปด้านใน เมื่อมองดูอาภรณ์และการแต่งตัว รวมถึงดูจากระดับวรยุทธ์ พวกเขาก็คือจอมยุทธ์เขาสามขานั่นเอง

อีกฝ่ายพอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัว ก็พลันหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

พวกเขาครุ่นคิดในใจ ไม่ทราบว่าด้านในอารามเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เยี่ยนจ้าวเกอไม่เกรงใจ บรรลุถึงด้านหน้าจอมยุทธ์เขาสามขาเหล่านั้นในก้าวเดียว เขาไม่รอช้า ยกฝ่ามือขึ้นใช้รอยตราพลิกนภาฟาดออกไป!

“ท่าน…” ผู้อาวุโสเขาสามขาที่เป็นผู้นำเพิ่งคิดจะเอ่ยวาจา ลมกรรโชกก็พุ่งเข้าปะทะหน้า ทำให้เขาต้องปิดปากลง

เขาแม้จะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเจ็ด ขั้นสะพานเซียนระยะต้น แต่ก็ยากจะต้านทานพลังอันมหาศาลหาใดเปรียบจากรอยตราพลิกนภาของเยี่ยนจ้าวเกอ ถูกฟาดกระอักเลือดกระเด็นออกไปภายในครั้งเดียว

สภาวะฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอไม่หยุดพัก กดดันเข้าใส่ เหมือนท้องฟ้าถล่มทลาย

ฟ้าดินทั้งหมดบิดเบี้ยวและยุบลงไปที่ใจกลางทะเลสาบ เพราะการออกแรงของฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอในเวลานี้

จอมยุทธ์เขาสามขาไม่กล้าต้าทาน รีบร้อนหนีไปยังทางเชื่อมเขตแดนที่ก้นทะเลสาบ

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอยังคงสังหารไปได้หลายคนด้วยฝ่ามือเดียว!

มีเพียงแค่สองคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงจะกระอักเลือด แต่ก็ฝืนรักษาชีวิตไว้ได้ รีบคลานหนีเข้าไปในประตูทางเชื่อมเขตแดน

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่บนหลังพ่านพ่านด้วยท่าทีสบายๆ

พ่านพ่านยกอุ้งเท้าทั้งสี่อย่างไม่รีบไม่ร้อน ติดตามเข้าไปในทางเชื่อมเขตแดน

ผู้อาวุโสเขาสามขาสองคนนั้นเห็นเข้า ก็ทั้งแตกตื่นทั้งหวาดกลัว “นี่คือเยี่ยนจ้าวเกอหรือ? โหดเหี้ยมโดยแท้! เจ้าสำนักกับคนอื่นๆ ล้วนตายด้วยน้ำมือของเขาหรือ”

ข้ามผ่านทางเชื่อมเขตแดน บรรลุถึงประตูที่อยู่อีกด้าน

ที่นี่กลับมีคนขวางทาง

คนจากเนินต้นจักรพรรดิแห่งเขาลีลาหงส์แห่งเขตเพลิงทักษิณ

พวกจวงเจาฮุยมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ของอารามเอกนิกาย กลับมีสหายในสำนักคนอื่นเฝ้าอยู่ที่ประตู

พอเห็นผู้อาวุโสเขาสามขาสองคนนั้นปรากฏตัว สีหน้าของจอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิที่เฝ้าอยู่ก็เปลี่ยนแปลง “ผู้ใดกัน”

“รีบหนี! รีบหนี!” สองผู้อาวุโสแห่งเขาสามขาร้องขึ้นพร้อมกัน แย่งกันหนีอย่างบ้าคลั่ง

แต่ว่าเพราะอาการบาดเจ็บ จึงเคลื่อนไหวไม่สะดวก ถูกจอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิขวางไว้ รีบร้อนจนสองตาแดงฉาน “ไม่อยากตายก็หลีกทาง!”

จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิได้ยินก็บังเกิดโทสะ “วาจาสามหาว!”

เปลวเพลิงลุกไหม้กลายเป็นคมดาบเต็มฟ้า ฟันใส่คนทั้งสอง

ผู้อาวุโสเขาสามขาสองคนอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา กลิ่นอายอันน่าสะพรึงที่เดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายไปที่ด้านหลัง ขณะนี้ยิ่งมายิ่งเข้าใกล้แล้ว!