ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 957 เหยียบเขตเพลิงทักษิณ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งอยู่บนหลังพ่านพ่าน ออกมาจากทางเชื่อมเขตแดน พอเห็นสภาพแวดล้อมด้านนอกชัดเจน เขาก็อดรู้สึกยินดีไม่ได้

เพราะตอนนี้จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิหลายคน กำลังกลุ้มรุมผู้อาวุโสเขาสามขาสองคน

จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิหลายคนแม้นว่าจะอยู่ในขั้นเทวะสำแดง แต่ว่าข้อแรกเป็นเพราะพวกเขาร่ำเรียนวรยุทธ์มาอย่างล้ำลึก ข้อสองเพราะผู้อาวุโสจากเขาสามขาสองคนถูกเยี่ยนจ้าวเกอเล่นงานจนได้รับบาเจ็บสาหัสก่อนหน้านี้

ดังนั้นคนจากเนินต้นจักรพรรดิจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ

กระนั้นหลังจากเยี่ยนจ้าวเกอปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็หยุดมือ

จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิที่เฝ้าอยู่ที่นี่มองมาทางเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจ

แม้ว่าพวกเขาจะหยิ่งทะนง ในสายตามีแค่ยอดเขาอัศจรรย์และเขาโถงทอง ไม่ให้ความสำคัญกับเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงเหมือนกับจวงเจาฮุยที่ตายไปแล้ว

แต่ว่าเยี่ยนจ้าวเกอสังหารสหายในสำนักของพวกเขา จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิต่างจดจำรูปร่างหน้าตาของเขาไว้ขึ้นใจ ไม่มีทางจำผิด

พวกจวงเจาฮุยเข้าไปในที่อยู่ของอารามเอกนิกายแต่ไม่ออกมา กลับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอโผล่มาแทน นี่ทำให้จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิแตกตื่นสงสัย

หลังจากงงงันอยู่ชั่วขณะสั้นๆ หลายคนก็โจมตีใส่เยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน!

ประมุขทักษิณจวงเซินมีคำสั่งมาตั้งแต่แรก ว่าหากเยี่ยนจ้าวเกอกล้าเหยียบย่างเข้ามาในเขตเพลิงทักษิณ ให้สังหารทิ้งโดยไม่ปราณี และจอมยุทธ์ในเขตเพลิงทักษิณสามารถลงมือได้ทั้งสิ้น

มิพักเอ่ยถึงยอดฝีมือคนอื่นๆ ในเขตเพลิงทักษิณ เนินต้นจักรรรพดิแห่งเขาลีลาหงส์เป็นสำนักของประมุขทักษิณจวงเซิน ย่อมทำตามคำสั่งของเจ้าสำนักอย่างเคร่งครัด ลงมืออย่างไม่เกรงใจ

เยี่ยนจ้าวเกอนั่งขัดสมาธิบนหลังพ่านพ่าน ร่างกายเดิมทีไม่เคลื่อนไหว เพียงยื่นมือขวาออกมา

เขาเพียงพลิกฝ่ามือเท่านั้น แต่ในสายตาของจอมยุทธ์จากเนินต้นจักรพรรดิเหล่านั้น ฟ้าดินกลับพลันพลิกเปลี่ยน!

พลังฝ่ามือจากรอยตราพลิกนภาที่มีพลังยิ่งใหญ่กระจายไปทั่ว กวาดล้างไปทั้งสี่ทิศ

‘เทือกเขายืดยาวไม่ขาดสาย ทั้งยังมีต้นแสงวิญญาณขึ้นอยู่ทั่ว ปกคลุมเต็มสันเขา ที่นี่เหมือนกับเทือกเขายาวเหยียดที่อยู่ทางใต้ของเขตเพลิงทักษิณ…’ เยี่ยนจ้าวเกอลงมือไปพลาง สำรวจรอบๆ ไปพลาง

ที่แล้วมาเขาให้ความสำคัญกับข้อมูลและข่าวสาร เมื่อเพาะความแค้นกับสายสืบทอดของประมุขทักษิณ เขาย่อมต้องมีการเตรียมตัวไว้

ข้อมูลข่าวสารแต่ละชนิดหากรวบรวมได้ ก็ต้องรวบรวมให้หมด ใครจะรู้ได้ว่าจะได้ใช้ประโยชน์วันไหน

แม้นว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะมาที่เขตเพลิงทักษิณเป็นครั้งแรก แต่ก็ได้ฟังและได้ศึกษาเกี่ยวกับจุดสังเกตที่ค่อนข้างสำคัญของที่นี่ผ่านหลายๆ ช่องทางมาตั้งแต่แรกแล้ว

ยามนี้เมื่อสำรวจลักษณะเด่นทางภูมิศาสตร์ของสภาพแวดล้อมรอบๆ แม้เขาจะไม่กล้ายืนยัน แต่ก็คาดเดาว่าเป็นสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ทางใต้ของเขตเพลิงทักษิณ

ต่อให้จะอยู่ในเขตเพลิงทักษิณ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่แตกตื่นลนลาน

เขายกมือขึ้นจัดการลูกศิษย์เนินต้นจักรพรรดิตรงหน้า

เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้กระหายเลือด แต่ว่าการลงมือฆ่าคนไม่ใช่เรื่องใหญ่มาแต่แรกแล้ว

จอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิเหล่านี้แม้ว่าจะรู้สึกกริ่งเกรงเยี่ยนจ้าวเกออยู่บ้าง แต่ก็ยังโถมเข้ามาโดยสัญชาตญาณ

พอพวกเขาพบว่าเรื่องราวไม่ได้รวบรัดเหมือนอย่างที่ตนจินตนาการไว้ จะเสียใจยามนี้ก็สายไปเสียแล้ว

กลับเป็นผู้อาวุโสเขาสามขาสองคนนั้นที่ตั้งใจหนีเพียงอย่างเดียว ฉวยโอกาสตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอจัดการจอมยุทธ์เนินต้นจักรพรรดิเหล่านั้น บ่ายหน้าหนีไปยังที่ไกลออกไปโดยไม่หันหลังกลับมา

คนทั้งสองว่องไนกว แยกกันหนีสองทาง หวังว่าจะสามารถหนีภัยพิบัตินี้ไปได้

เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพร้อมกับตบศีรษะของพ่านพ่านเบาๆ จากนั้นตนก็ปราดขึ้นฟ้า ไล่ตามผู้อาวุโสเขาสามขาที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนผู้นั้นไป

พ่านพ่านแบกอาหู่ ไล่ตามคู่ต่อสู้ที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นเทวะสำแดงอีกคน

อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ว่าจะสู้หรือจะหนี ล้วนเอาชนะพ่านพ่านไม่ได้

ครั้นผู้อาวุโสเขาสามขาที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสะพานเซียนสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายอันน่ากลัวเข้ามาใกล้เบื้องหลัง ทันทีที่หันกลับไปมอง เขาก็พลันตื่นตระหนก

“เยี่ยนจ้าวเกอ ท่านสร้างปัญหาให้เขาสามขาของข้า พึงทราบว่า…”

พูดยังไม่ทันจบคำ เขาก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอตัดบท “ข้ารู้ว่าคนที่ยืนอยู่เบื้องหลังท่านเป็นผู้ใด แต่นั่นไม่ส่งผลต่อการลงมือของข้าอยู่ดี”

“พวกเจ้าสำนักของท่านต่างรอท่านอยู่ด้านล่างแล้ว ท่านไม่ต้องรู้สึกเหงาอย่างแน่นอน”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็ฟาดฝ่ามือลงไป!

อีกฝ่ายตาถลน ยากจะเชื่อ “ท่านถึงกับ…”

อีกฝ่ายพูดได้ครึ่งหนึ่ง ก็ถูกเยี่ยนจ้าวเกอฟาดใส่ขม่อม ศีรษะเปิดออก

เมื่อฆ่าอีกฝ่ายเสร็จ เยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่รั้งอยู่ หมุนกายอย่างเรียบเฉย ไล่ตามไปอีกทางหนึ่ง

กระนั้นเพียงครู่เดียวเขาก็ไล่ตามทัน เห็นเงาหลังของอาหู่ที่นั่งอยู่บนหลังพ่านพ่าน

“จัดการเสร็จแล้วหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอพุ่งลงบนหลังพ่านพ่านอย่างไร้สุ้มไร้เสียง “ไม่มีกลิ่นคาวเลือด ไม่ได้ลงมือหรือไร”

อาหู่ตอบด้วยสีหน้าพิกลอยู่บ้าง “คุณชาย เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายเล็กน้อย”

เขาชี้นิ้วไปยังที่ไกลลิบๆ

ความจริงไม่ต้องให้เขาชี้ หลังจากพบว่าพ่านพ่านไม่ได้โจมตีสังหารอีกฝ่าย เยี่ยนจ้าวเกอก็กวาดมองรอบๆ และมองไปทางทิศทางนั้นแต่แรกแล้ว

ที่แห่งนั้นมีคนสองคนกำลังประมือกันอยู่

เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งสายตามองไป เห็นคนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นั้น อีกคนกลับเป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง

บุรุษหนุ่มผู้นั้นมีอายุราวๆ ยี่สิบปี สวมอาภรณ์แดง รวดเร็วดุจสายฟ้า

ส่วนอายุจริงของเขา เยี่ยนจ้าวเกอคาดเดาว่าไม่ต่ำกว่ายี่สิบปี แต่เมื่อเทียบกับระดับพลังฝึกปรือของเขาแล้ว นับว่ายังคงอ่อนเยาว์ถึงขีดสุด ถึงขั้นสร้างความตื่นตระหนกให้แก่คนส่วนใหญ่

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่งที่อายุน้อยเช่นนี้ สำหรับทั่วทั้งโลกซ้อนโลกใบนี้ล้วนหายากยิ่ง

ใบหน้าของเขาเดิมทีเรียกได้ว่าองอาจหล่อเหลา แต่ว่าบนแก้มกลับมีรอยแผลเป็นที่น่ากลัวอยู่รอยหนึ่ง รวมถึงตาข้างขวาที่ถูกทำลายไปแล้ว

แต่ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้หาใส่ใจไม่ ไม่แม้กระทั่งจะสนใจบาดแผลบนใบหน้าของตัวเอง เพียงจ้องจะโจมตีผู้อาวุโสเขาสามขาอย่างเดียว

เพราะต้องใช้พลังทั้งหมด เขาจึงไม่มีสมาธิไปสนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง ดังนั้นบนหน้าของเขาจึงมีเลือดไหลนอง

ผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นั้นเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ทลายนภาเห็นเทวะสำแดง จนปัญญาที่ก่อนหน้าถูกเยี่ยนจ้าวเกอทำร้ายบาดเจ็บสาหัส จึงแสดงความสามารถของตัวเองออกมาไม่ได้

เขายังกลัวว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะไล่ตามมา ดังนั้นจึงคิดหนีให้เร็วที่สุด

แต่ว่ายิ่งกลัวเท่าไร เขาก็ยิ่งเสียเปรียบเท่านั้น จึงถูกคู่ต่อสู้ที่มีะระดับพลังฝึกปรือต่ำกว่าตัวเองมากพัวพันไว้

กระนั้น หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอมองดูอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกสนใจอย่างอดไม่อยู่ “อืม มีความสามารถอยู่บ้าง”

แม้จะเป็นเพราะสาเหตุต่างๆ มากมาย จึงยากจะแสดงพลังของตัวเองออกมาได้ ทว่าพลังของบุรุษหนุ่มอาภรณ์สีแดงผู้นั้น ก็สุดที่จอมยุทธ์ในระดับเดียวกันจะเทียบเคียงได้

อย่าว่าแต่คู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นหนึ่ง แม้จะเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองส่วนใหญ่ ก็เกรงว่าจะสู้บุรุษอาภรณ์แดงผู้นี้ไม่ได้

เขาถึงแม้จะมีแค่หมัดเปล่ามือเปลือย หากแต่เมื่อตั้งฝ่ามือประดุจดาบแล้ว ทุกดาบที่ฟันออกล้วนก่อเกิดแสงสายฟ้าเทียมนภา

แสงสายฟ้านั้นแดงฉานดุจเลือด ดุดันน่ากลัวยิ่ง

สายฟ้าฟาดติดต่อกัน ทำให้จอมยุทธ์เขาสามขาที่ปล่อยแสงอาทิตย์ออกมาตรงหน้า เหมือนกับถูกสีโลหิตครอบไว้ชั้นหนึ่ง

สายฟ้ากับประกายดาบรวมกันเป็นหนึ่ง กวนคนพายุรอบด้าน ด้วยสภาวะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ระเบิดประกายสีทองของดวงอาทิตย์ที่มีมากมายทิ้งไป

บุรุษอาภรณ์สีแดงมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม ส่งเสียงตะโกนก้องดุจฟ้าผ่า ไม่สนใจเป็นตาย ใช้ชีวิตแลกชีวิต โจมตีใส่คู่ต่อสู้ของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

‘จะว่าไปเมื่อครู่ก็เหมือนมีความรู้สึกบางอย่าง ว่าในถุงย่อส่วนที่อยู่บนตัวของคนจากเขาสามขาผู้นั้น ยังมีคนเป็นๆ อยู่ด้วย’ เยี่ยนจ้าวเกอลูบคาง “ตอนนั้นนึกว่าเป็นสหายในสำนักของเขาที่มีพลังฝึกปรือค่อนข้างต่ำเสียอีก”

“ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเชลยแล้วสินะ”

อาหู่พยักหน้า “มิผิด ข้ากับพ่านพ่านไล่ตามมาได้ไม่นาน ที่แขนเสื้อของคนผู้นั้นก็พลันฉีกขาด แสงสายฟ้าสีแดงฉานสายหนึ่งพุ่งออกมาโจมตีใส่ตัวเขา”

“คงเป็นเพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไป จึงไม่อาจผนึกเชลยที่อยู่ในถุงย่อส่วนได้อีกต่อไป”

เขาเกาศีรษะ “สุดท้ายพวกเรายังไม่ทันได้ลงมือ พวกเขาสองคนก็สู้กันเองแล้ว”