เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1788
แม้วิถีนี้แข็งแกร่งสุด แต่ก็อ่อนแอสุดเหมือนกัน แข็งแกร่งเพราะไม่มีที่สิ้นสุด ถึงเข้าสู่ขั้นสูงสุด กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สูงส่งแล้ว ก็ยังทะลุระดับฟ้าดินที่วิวัฒนาการมาเป็นเต๋าอันยิ่งใหญ่ได้ ก็เหมือนวิถีห้าธาตุที่สามารถวิวัฒนาการเป็นวิถีแห่งน้ำแข็ง วิถีแห่งลม วิถีแห่งสายฟ้า วิถีนี้ไม่มีที่สิ้นสุด อย่างน้อยก็ยังไม่มีใครบอกว่าตระหนักรู้วิถีนี้อย่างถ่องแท้แล้ว
อ่อนแอเพราะแม้เป็นเต๋าอันยิ่งใหญ่ แต่พลานุภาพไม่ได้แข็งแกร่ง เทียบกับวิถีแห่งชีวิต วิถีแห่งการทำลายที่เป็นเต๋าอันยิ่งใหญ่เหมือนกัน พลานุภาพของมันน้อยมาก
ดังนั้นขุนพลังสุดเหนือฟ้าจึงเป็นคนที่ตระหนักรู้เต๋าอันยิ่งใหญ่อย่างอื่น
“ถ้ามีมุกเต๋าอีกสักสองสามเม็ด ฉันคงทะลุระดับถึงแดนอริยปราชญ์ได้”
ลู่ฝานเอาสองมือไพล่หลัง ยืนพูดด้วยรอยยิ้มอยู่หน้าประตู เจ้าดำปรากฏตัวขึ้นบนไหล่ เต็มไปด้วยความฮึกเหิม พยักหน้ารัว เหมือนเห็นด้วยกับคำพูดของลู่ฝานมาก
เห็นได้ชัดว่าเจ็ดวันนี้มันก็ได้ประโยชน์ไม่น้อย ใครคนใดคนหนึ่งได้ดี ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงก็พลอยได้ดีไปด้วย อยู่กับเจ้านายที่มีความสามารถและโชคดีแบบนี้ ถึงเป็นอสูรวิเศษก็ยกระดับได้เร็วขึ้น
ลมเย็นปะทะแก้ม ลู่ฝานกำลังเพลินกับการทะลุระดับของตัวเอง
ขณะนั้นมีคนสี่คนเดินมาจากไกลๆ
เป็นเพราะส่วนสูงของพวกเขา ลู่ฝานจึงเห็นทั้งสี่คนตั้งแต่ไกลๆ อีกทั้งมองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าสี่คนนี้คือลูกน้องของคนที่ปลอมตัวเป็นองค์ชายใหญ่ ยังเคยสู้กับเขาด้วย
ลู่ฝานขมวดคิ้วเบาๆ ตอนหนานกงสิงกลับจวน เขาเคยบอกแล้วว่าห้ามใครมารบกวน ทำไมสี่คนนี้ถึงกล้าเข้ามา
ลู่ฝานยืนนิ่ง รอทั้งสี่คนเดินเข้ามา
ชายวัยกลางคนที่เดินนำมา เห็นลู่ฝานยืนอยู่หน้าประตู เขาหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ท่านเทวทูตมาจวนเตี้ยนเซี่ยของเราเพื่อเฝ้าประตูเหรอ รบกวนช่วยไปแจ้งหน่อยว่าเรามีธุระต้องการพบเตี้ยนเซี่ย”
ลู่ฝานมองทั้งสี่คนอย่างเฉยเมย “เตี้ยนเซี่ยปลีกวิเวกอยู่ ใครก็เข้าไปไม่ได้ทั้งนั้น พวกนายกลับไปเถอะ ถ้ามีเรื่องสำคัญจริงๆ บอกฉันมาได้!”
ลู่ฝานเพิ่งพูดจบ เซียนบำเพ็ญชี่เพียงคนเดียวในบรรดาทั้งสี่คนหัวเราะพรืด “นายเป็นใครไม่ทราบ แค่เทวทูตหน่วยที่ 33 กล้าทำตัวเป็นพ่อบ้านในจวนองค์ชายใหญ่เหรอ ถ้าไม่ไปแจ้งก็หลีกไปซะ!”
ทั้งสี่คนมองลู่ฝานด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าไม่เป็นมิตร
ลู่ฝานหัวเราะแล้วมองทั้งสี่คน “พวกนายรีบขนาดนั้นเลยเหรอ”
ชายวัยกลางคนที่นำมาพูดว่า “เรารีบหรือเปล่า ไม่เกี่ยวกับนาย ถ้านายไม่หลีก ระวังจะตายอย่างน่าเวทนา!”
ลู่ฝานได้ยินก็หัวเราะดังขึ้นอีก ขยับฝ่ามือเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันว่าพวกนายไม่ได้รีบหรอก แต่รออยู่ข้างนอกนานแล้ว พอเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวด้านในก็เลยรีบพุ่งเข้ามาสินะ”
สีหน้าทั้งสี่คนเปลี่ยนไปทันที ลู่ฝานพูดได้ตรงประเด็นสุดๆ
ชายวัยกลางคนพูดเสียงขรึม “ใช่แล้วจะทำไม เด็กที่จู่ๆ ก็โผล่มาอย่างนาย มีแผนอะไรกันแน่”
ลู่ฝานพูดว่า “ในเมื่อนายเดาไม่ออก แล้วจะเดาไปทำไม ฉันก็ไม่บอกนายด้วย นายว่าถูกไหมล่ะ”
นัยน์ตาทั้งสี่คนมีความโมโห จ้องลู่ฝานเขม็ง
ตั้งแต่ลู่ฝานเห็นพวกเขาเข้ามา ก็รู้แล้วว่าทั้งสี่คนมาหาเรื่อง
สาเหตุน่ะเหรอ ถ้าลู่ฝานเดาไม่ผิด เป็นเพราะหนานกงสิงไม่ออกมาตั้งเจ็ดวัน คนพวกนี้เลยเข้าใจว่าเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
ลู่ฝานขี้เกียจอธิบายให้พวกเขาฟัง สำหรับผู้ฝึกชั่วร้าย การอธิบายคือการปิดบัง ปิดบังคือการแต่งเรื่อง ทุกอย่างไม่มีอะไรดีเท่าสู้กันจริงๆ สักตั้ง
“ไอ้หนุ่ม นายกำลังรน……”
ยังไม่ทันพูดจบ ทั้งสี่คนลงเคลื่อนไหวพร้อมกัน
พูดยังไม่ทันจบแล้วลอบโจมตีแบบนี้มันน่าโมโหจริงๆ แต่สำหรับผู้ฝึกชั่วร้าย กลับเป็นวิธีที่ปกติสุดๆ
ทั้งสามคนพุ่งเข้ามาตรงหน้าลู่ฝาน ครั้งนี้เซียนบำเพ็ญชี่คนนั้นได้บทเรียนแล้ว เขาไม่ได้พุ่งเข้ามา แต่โยนเครื่องรางของตัวเองออกมา
มองการกระทำของทั้งสี่คน ลู่ฝานยื่นมือข้างหนึ่งออกมาอย่างใจเย็น
“ทำลาย!”
ทันใดนั้น แรงกระเพื่อมออกมาจากปลายเล็บของลู่ฝาน
นักบู๊สามคนที่พุ่งมาหาเขาชะงักอยู่กับที่
เห็นด้วยตาเปล่าว่าร่างกายของทั้งสามคนกำลังพังทลายอย่างรวดเร็ว
พรวด!
ทั้งสามคนกระเด็นถอยหลังพร้อมกัน ทั้งตัวไม่มีจุดไหนสมบูรณ์เลย
เซียนบำเพ็ญชี่ที่อยู่ไม่ไกลถึงกับอึ้ง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่เครื่องรางของเขาพุ่งเข้ามา ตราประทับหน้าผีพร้อมพลังแข็งแกร่งพุ่งมาหาลู่ฝาน
ออร่าปีศาจที่แฝงอยู่ด้านในไม่เลวเลย อย่างน้อยด้านพิษถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน
แต่น่าเสียดายที่เขาเจอลู่ฝาน
ลู่ฝานยื่นมือมาจับเครื่องรางของเขา
ไม่มีแสงอะไรปล่อยออกมาจากตัวลู่ฝานเลย พลังบนเครื่องรางพังทลายลงทันที
ลู่ฝานพูดเสียงเบาว่า “เครื่องรางของนายไม่เลว ฉันเก็บไว้ละกัน”
พูดพลางกำมืออย่างแรง เซียนบำเพ็ญชี่คนนั้นกระอักเลือดทันที ถอยไปข้างหลังไม่หยุด ลู่ฝานโยนเครื่องรางใส่เข้าไปในเข็มขัดอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นพูดในใจว่า “กลืนกินซะไอ้เก้า!”
เจดีย์เสวียนเก้ามังกรพูดด้วยรอยยิ้ม “งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะเจ้านายผู้ยิ่งใหญ่”
ลู่ฝานเอาสองมือไพล่หลัง มองทั้งสี่คนที่ตื่นตระหนกสุดขีดอย่างเฉยเมย “เห็นแก่องค์ชายใหญ่ ฉันจะไม่ฆ่าพวกนาย กลับไปซะ!”
ทั้งสี่คนไม่เข้าใจ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ทำไมคนคนนี้ถึงแข็งแกร่งขนาดนี้
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าเข้าไปแล้ว รีบถอยอย่างรวดเร็ว
ลู่ฝานมองเงาพวกเขา สัมผัสพลังตัวเองครู่หนึ่งแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นไปตามคาด ปราณชี่ของฉันประกอบกับห้าธาตุพิฆาต เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก แม้การเปลี่ยนที่มากมายหลากหลายไม่ขาดสาย แต่ใจความก็ยังคงเดิม ฟ้าดินที่วิวัฒนาการเป็นเต๋าอันยิ่งใหญ่ ฉันคงมีโอกาสฝึกสำเร็จแล้วล่ะ!”