ตอนที่ 2,501 : ลุกขึ้นอีกครั้ง
วาจาของอวิ๋นชิงเหยียนไม่ต่างใดจากอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาอย่างไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆมาก่อนสำหรับต้วนหลิงเทียน
ฟงชิงหยาง กลับกลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน 1 ในเก้าเก้า 81 แดนสวรรค์ ทว่าอวิ๋นชิงเหยียนมันไม่เพียงไม่กลัว กระทั่งยังกล่าวว่าได้ส่งข้ารับใช้ไปหาฟงชิงหยางแล้ว…
จากนั้นยังกล่าวอีกว่า
ตอนนี้ จี้เมี่ยเทียนสมควรไร้ซึ่งจักรพรรดิสวรรค์!
เขาย่อมเข้าใจความนัยวาจาของอวิ๋นชิงเหยียนได้เป็นธรรมดา!
ไม่มีอะไรมากไปกว่าคนที่มันส่งไปหาฟงชิงหยางที่จี้เมี่ยเทียน มีพลังสามารถสูงพอจะฆ่าฟงชิงหยางได้!
“เค่อเอ๋อ…คนที่มันส่งไปมีพลังมากพอจะสังหารตัวตนอย่างจักรพรรดิสวรรค์ได้จริงหรือ?”
ถึงแม้เขาจะเข้าใจความนัยวาจาของอวิ๋นชิงเหยียน แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เชื่อมันทันที เพียงส่งเสียงผ่านพลังไปถามเค่อเอ๋อก่อน
ในสายตาของเขา
ถึงเขาจะไม่รู้ว่าคนที่อวิ๋นชิงเหยียนส่งไปมีพลังฝีมือสูงพอจะฆ่าตัวตนอย่างจักรพรรดิสวรรค์ได้จริงหรือไม่ แต่เค่อเอ๋อสมควรรู้ดี!
“พี่เทียนหากมันคิดจะฆ่าจักรพรรดิสวรรค์จริงๆ มันเพียงสุ่มหยิบข้ารับใช้ข้างกายมาสักคน…นอกเสียแต่จะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดที่อาจจะพอมีหนทางเอาตัวรอดอยู่บ้าง หาไม่แล้วคงไม่มีแม้แต่โอกาสหลบหนี…”
เค่อเอ๋อกล่าวส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับมาทันที
ตอนนี้ความทรงจำในชาติที่แล้วของนางได้ฟื้นคืนมาราวๆ 7-8 ส่วน ดังนั้นนางจึงเข้าใจขุมพลังของอวิ๋นชิงเหยียนดี และรู้ได้ไม่ยากว่าคนที่อวิ๋นชิงเหยียนส่งไปมีพลังฝีมือระดับไหน…
“ข้ากระทั่งไม่เคยเจอผู้อาวุโสฟงชิงหยางด้วยซ้ำ…ไฉนเจ้าต้องไปรังควาญท่านเพราะข้า!?”
หลังได้ยินคำตอบของเค่อเอ๋อใจต้วนหลิงเทียนจมลงทันที ขณะเดียวกันก็อดหันไปมองถามอวิ๋นชิงเหยียนเสียงหนักจนแทบราวกับจะเป็นการตะโกน
“รังควาญมัน?”
อวิ๋นชิงเหยียนกล่าวตอบเสียงเบา “ต้องโทษที่เจ้าดันไปรับสืบทอดมรดกของมัน…อีกทั้งด้วยศักยภาพของฟงชิงหยางข้าไม่อาจนิ่งดูดายได้ ตัวเจ้าอาจไม่นับเป็นตัวอะไรมากไปกว่ามดปลวกสวะ แต่กับฟงชิงหยางผู้นั้นหากมีเวลาให้มันมากพอ มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางสร้างปัญหาให้ข้าได้…”
แน่นอนว่ามีอีกหลายอย่างที่อวิ๋นชิงเหยียนไม่ได้พูดออกมา
เหตุผลที่มันส่งคนไปฆ่าฟงชิงหยางนั้น เป็นเพราะมันกังวลว่าหลังฟงชิงหยางมีพลังฝีมือเพิ่มพูนขึ้นมากพอถึงจุดที่คุกคามมันได้ อีกฝ่ายจะยืนหยัดเพื่อต้วนหลิงเทียนและหันมาเล่นงานมัน
อีกทั้ง
มันกังวลว่าหากฟงชิงหยางยังอยู่ และวันใดที่ต้วนหลิงเทียนขึ้นสู่ระนาบเทวโลกและได้พบพานกับฟงชิงหยาง ภายใต้การเคี่ยวกรำสอนสั่งจากฟงชิงหยางโดยตรง ไม่แน่ว่าสักวันต้วนหลิงเทียนอาจเป็นภัยคุกคามมันได้ขึ้นมา…
เรื่องนั้นเป็นอะไรที่มันไม่อาจทนได้!
อันที่จริงวันนี้ก่อนที่มันจะมาปรากฏตัว มันก็คาดเดาไว้แล้วว่าเรื่องราวอาจจะจบลงทำนองนี้…
เพราะฉะนั้นนอกเหนือจากการพยายามเต็มที่เพื่อตรวจสอบเรื่องราวของเปี่ยวเม่ยที่กลับชาติมาเกิด และเรื่องของต้วนหลิงเทียน มันยังคาดคะเนความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่มันปรากฏตัว
ในจำนวนเหตุการณ์ทั้งหลายที่คาดไว้ ย่อมมีผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้รวมอยู่ด้วย
เมื่อมันเอาครอบครัวและคนใกล้ชิดต้วนหลิงเทียนออกมาบีบคั้น เปี่ยวเม่ยอาจยอมกลับไปกับมัน แต่ไม่พ้นเปี่ยวเม่ยต้องยืนคำขาดให้ละเว้นต้วนหลิงเทียนแน่นอน เช่นนี้มันก็ไม่อาจฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อถอนรากถอนโคนได้ จำต้องปล่อยให้อีกฝ่ายเติบโตต่อไปเท่านั้น…
ถึงแม้มันจะรู้สึกว่าต่อให้ยังมีฟงชิงหยางให้การสนับสนุนและเคี่ยวกรำ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีวันที่จะมีพลังสามารถมากพอจะเป็นภัยคุกคามอะไรให้มันได้…
แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัย มันตัดสินใจกำจัดปัจจัยเสี่ยงที่เอาแน่เอานอนไม่ได้อย่างฟงชิงหยางทิ้งไปแต่เนิ่นๆจะดีกว่า!
ด้วยวิธีนี้มันก็ไม่ต้องกังวลว่าต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาพลิกฟ้าอะไรได้อีก!!
“เจ้า…เจ้า…เจ้ามันสมควรตาย!!”
ต้วนหลิงเทียนถลึงตามองอวิ๋นชิงเหยียนด้วยโทสะอันเกรี้ยวกราด ร่างเขาสั่นสะท้านไปอย่างแรง หากแต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้เลย เพราะอวิ๋นชิงเหยียนไม่เพียงสะกดพลังเอาไว้ยังผนึกร่างเขาเอาไว้อีกด้วย!
“ถึงข้าจะสมควรตาย…แต่อย่างน้อยเจ้าต้องมีปัญญาฆ่าข้าให้ได้ซะก่อน”
อวิ๋นชิงเหยียนมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม และหลังจากยิ้มเยาะด้วยความดูแคลนแล้ว ร่างมันก็ลอยกลับขึ้นไปบนฟ้าก่อนหยุดลงข้างๆเค่อเอ๋อ “เปี่ยวเม่ย พวกเรากลับกันเถอะ”
และแทบจะพร้อมกันกับที่อวิ๋นชิงเหยียนกล่าวจบคำ มันก็เริ่มโบกมือออกมาส่งๆ
ทันใดนั้นเอง ไม่เพียงแต่ร่างของมันจะเริ่มกลายเป็นพร่ามัวดั่งเงาเลือนก่อนที่จะจางหายไป ร่างของเค่อเอ๋อที่เลือนรางลงทุกขณะก็จางหายไปเช่นกัน…
“เค่อเอ๋อ”
เมื่อเห็นเค่อเอ๋อได้จางหายไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ แม้ต้วนหลิงเทียนจะเตรียมใจไว้ก่อน ทว่าเมื่อต้องมาเผชิญกับฉากนี้เข้าจริงๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด กระทั่งยังบังเกิดความสิ้นหวังไม่น้อย…
“พี่เทียน”
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสูญสิ้นเรี่ยวแรงดั่งคนใจสลาย เสียงผ่านพลังของเค่อเอ๋อที่สมควรกล่าวไว้ก่อนหายไป ก็พึ่งถูกส่งมาถึงหูต้วนหลิงเทียนให้ได้ยินชัดเจน
“ขอท่านอย่าได้กังวล ข้าจะปกป้องท่านพ่อท่านแม่และพี่หญิงเฟยเอ๋อรวมถึงน้องหญิงเทียนหวู่อย่างดี…ข้าไม่มีทางปล่อยให้ทุกคนเกิดเรื่องอันใดขึ้นเด็ดขาด”
“นอกจากนี้ชาติที่แล้วข้าเรียกว่า เซี่ยหนิงเสวี่ย และตระกูลเซี่ยของข้า ก็เป็น 1 ใน 10 ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งทวยเทพ”
“ดินแดนแห่งทวยเทพก็คือ…”
ทว่าเสียงผ่านพลังของเค่อเอ๋อดังขึ้นถึงจุดนี้ก็ดับหายไป ไม่ทันกล่าวบอกให้ต้วนหลิงเทียนได้รับทราบว่า ดินแดนแห่งทวยเทพคืออะไร…
เห็นได้ชัดว่าก่อนที่เค่อเอ๋อจะทันได้กล่าวส่งเสียงผ่านพลังจบคำก็ถูกอวิ๋นชิงเหยียนพาตัวไปเสียก่อน
เซี่ยหนิงเสวี่ย!
ดินแดนแห่งทวยเทพ!
อย่างไรก็ตามด้วยเสียงผ่านพลังที่ไม่ครบถ้วนของเค่อเอ๋อ ก่อนที่นางจะถูกอวิ๋นชิงเหยียนพาตัวไป ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับเบาะแสที่สำคัญมากเรื่องหนึ่ง
ชาติที่แล้วของเค่อเอ๋อสมควรเป็นคนของ ตระกูลเซี่ย 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของดินแดนแห่งทวยเทพ
“ดินแดนแห่งทวยเทพ…ข้าจำได้แล้ว!”
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้สลักนาม ดินแดนแห่งทวยเทพ อันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเอาไว้ในใจ
และหลังจากที่อวิ๋นชิงเหยียนจากไป พลังที่สะกดผนึกร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ก็หายไปด้วย
ตอนนี้ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็สามารถเดินพลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้เสียที ขณะเดียวกันเขาก็เอาโอสถรักษาออกมาจากแหวนพื้นที่ เพื่อใช้รักษาอาการบาดเจ็บให้มันฟื้นตัวเร็วขึ้น
แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บของต้วนหลิงเทียนมันสาหัสเกินไป เขาแทบจะขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้เลยกว่า 2 เค่อ…
และอีกครึ่งชั่วยามต่อมา เมื่ออาการฟื้นฟูให้พอเขยื้อนร่างได้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พลิกตัวมาหนอนหงายอยู่บนยอดเขา เหม่อมองท้องฟ้าไปด้วยสายตาเลื่อนลอย คนคล้ายจะสูญเสียจิตวิญญาณไป แน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่นาน
คนที่ไม่รู้ หากเห็นฉากนี้จากไกลๆ น่ากลัวคงคิดว่าที่นอนอยู่ต้องเป็นศพแน่แท้…
สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว วันนี้นับเป็นวันที่มืดมนที่สุดในชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เค่อเอ๋อ ภรรยาได้จากเขาไปแล้ว
นอกจากนี้ครอบครัวทั้งญาติสนิทมิตรสหายก็ล้วนจากไปไม่มีเหลือ…
แถมเขาได้แต่เฝ้ามองอวิ๋นชิงเหยียนพรากคนสำคัญทั้งหมดในชีวิตจากไปอย่างที่ไม่อาจทำอะไรได้เลย…
“สวะ…ใช้การไม่ได้…ต้วนหลิงเทียนเจ้ามันขยะดีๆนี่เอง!!”
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มดูถูกตัวเอง
เมื่อเผชิญหน้ากับอวิ๋นชิงเหยียน อาศัยพลังความแข็งแกร่งของเขาที่จัดว่าเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบโลกียะ กลับไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!
ต่อหน้าอวิ๋นชิงเหยียนเขาเสมือนมดตัววกระจ้อยแสนอ่อนแอไร้พลัง ที่อีกฝ่ายอาจพลังเผลอเหยียบเขาตกตายลงได้ทุกเมื่อ!
ถึงขั้นที่กระทั่งอวิ๋นชิงเหยียนเพียงยืนอยู่เฉยๆไม่ทำอะไร อาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิดก็เข่นฆ่าเขาให้ตายได้อย่างไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน!
“อวิ๋นชิงเหยียนนั่น มันเป็นใครกันแน่…”
“อาศัยแค่คนที่มันสุ่มส่งไปสักคน…กลับมีพลังสูงพอจะเข่นฆ่าตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ได้เชียวหรือ?”
“ดินแดนแห่งทวยเทพ มันเป็นสถานที่อันใดกันแน่…”
ในขณะที่กำลังท้อแท้ทั้งหยันหยามตัวเอง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
ปรากฏว่าเดิมทีเขาคิดว่าอวิ๋นชิงเหยียนที่ว่า สมควรเป็นตัวตนอันทรงพลังในระนาบเทวโลก ถึงแม้จะร้ายกาจแต่ก็ไม่สมควรร้ายกาจเท่าจักรพรรดิสวรรค์!
แต่ไม่คิดไม่ฝันเลย
อวิ๋นชิงเหยียนเพียงส่งใครไปสักคนตามอำเภอใจ ก็สามารถเข่นฆ่าตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ได้แล้ว!
ถึงแม้ตัวอวิ๋นชิงเหยียนเองอาจจะยังไม่มีพลังมากพอจะสังหารตัวตนอย่างจักรพรรดิสวรรค์ได้เอง แต่ภูมิหลังของมันก็ทรงพลังอำนาจมากพอจะขู่ขวัญผู้คนให้ตกใจตาย!
“ผู้อาวุโสฟงชิงหยาง … ”
เมื่อนึกถึงผู้อาวุโสที่เขาไม่เคยพบหน้าเพียงแค่ได้รับมรดกจากอีกฝ่ายมา ทว่าสุดท้ายอีกฝ่ายกลับต้องพบพานเภทภัยเพราะตัวเองแบบนี้ ใจต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิด กระทั่งความรู้สึกผิดนี้ยังไม่อาจลบเลือนได้อยู่นาน…
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมาหากไม่ได้มรดกที่ผู้อาวุโสฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้ เส้นทางของเขาคงไม่ราบรื่นนัก…
ยิ่งไปกว่านั้นดีไม่ดีเขาอาจตกตายไประหว่างทางตั้งนานแล้ว…
ทว่ามาตอนนี้ผู้อาวุโสฟงชิงหยางอาจถูกฆ่าตายไปแล้วเพราะเขา…
จะไม่ให้เขารู้สึกผิดได้อย่างไร!
“ผู้อาวุโสฟงชิงหยางขอท่านอย่างได้ห่วง…สักวันข้าจะล้างแค้นให้ท่าน!”
เมื่อเวลาผ่านไปสายตาของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มกลับมาแน่วแน่อีกครั้ง
ถึงเขาจะรู้ตัวเองดีว่าตอนนี้ช่องว่างระหว่างเขากับอวิ๋นชิงเหยียนคนนั้น มันช่างไกลห่างราวกับสวรรค์และโลก แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาถ้อถอยและยอมแพ้!
เขาต้องยืนหยัดขึ้น…ก้าวต่อไปเพื่อลบความต่างนั่น! และสักวันต้องล้างแค้นให้ผู้อาวุโสฟงชิงหยางให้จงได้!!
นอกจากนั้นสิ่งที่อวิ๋นชิงเหยียนกล่าวกับเค่อเอ๋อก่อนหน้า ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่ง…
เค่อเอ๋อสมควรมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาถึงที่สุด ด้วยตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังของเค่อเอ๋อ หากเขาคิดให้ตระกูลเค่อเอ๋อยอมรับ เกรงว่าเขาต้องมีพลังสูงมากพอ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ เสี่ยวเฟยเอ๋อ เทียนหวู่ เนี่ยนเทียน ซือหลิง…ทุกคนรอข้าก่อน ข้าจะหาหนทางช่วยทุกคนออกจากคุกอันหนาวเหน็บนั่นให้เร็วที่สุด!”
เมื่อนึกถึงครอบครัว และมิตรสหายที่ถูกอวิ๋นชิงเหยียนจับตัวไปคุมขัง ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกผิดนัก
ท้ายที่สุดแล้วหากไม่ใช่เพราะทุกคนเกี่ยวข้องกับเขา อวิ๋นชิงเหยียนไม่มีวันปรายตามองกระทั่งจับกุมตัวทุกคนไปแบบนี้แน่!
“พลัง…พลังของข้าในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป!”
ก่อนวันนี้ หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังความแข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ เขาก็อดที่จะภาคภูมิใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เผชิญหน้ากับอวิ๋นชิงเหยียนวันนี้ทำให้เขารู้ตัวดี…
ตัวเขายังคงอ่อนแอเกินไป!
อาศัยความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยเท่านี้ของเขา ต่อหน้าตัวตนอันทรงพลังที่แท้จริงเขาไม่นับเป็นตัวอะไรเลย!
สามวันผ่านพ้นไป…
ต้วนหลิงเทียนนอนอยู่อย่างนั้นเป็นเวลา 3 วัน…
ในช่วง 3 วันนี้เขาที่นอนเหม่อมองฟ้าก็ได้ครุ่นคิดเรื่องราวไปต่างๆนาๆ อารมณ์เองก็ขึ้นๆลงๆ
อย่างไรก็ตามสุดท้ายอารมณ์ของเขาก็กลับมามั่นคง กลับมามีแรงใจและลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
‘อาการบาดเจ็บข้า…เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกสิบกว่าวันถึงจะหายดีดังเดิม’
ต้วนหลิงเทียนที่กลับมาครองสติและฟื้นคืนกำลังใจ สายตาตอนนี้แลดูสงบไร้เรื่องราวไม่เหมือนคนที่พึ่งถูกพรากคนสำคัญในชีวิตทั้งหมดไปแม้แต่น้อย!
แน่นอนว่าสำหรับต้วนหลิงเทียนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวและคนใกล้ตัว อาการที่แสดงออกก็แค่ผิวเผินเท่านั้น…
เพียงเก็บงำเรื่องราว ฝังความทุกข์ทรมานและความปวดปร่าเอาไว้ในใจ ไม่เผยออกมาให้ใครได้เห็น…