ตอนที่ 1217: อาคมเคลื่อนย้ายโบราณ

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1217: อาคมเคลื่อนย้ายโบราณ

เขตแดนมังกรของรุยจินได้ปกคลุมไปทั่วรัศมีพันกิโลเมตร แต่มันก็เกิดขึ้นหลังจากที่โถงศักดิ์สิทธิ์ของนิกายใต้พิภพถูกทำลายไปในไม่กี่วินาทีเท่านั้น ในเวลาอันสั้นแบบนี้ แม้แต่เซียนผู้คุมกฎก็ไม่สามารถเดินทางไปได้ไกลเป็นพันกิดลเมตร ดังนั้นนักฆ่าทั้งหมดจึงติดอยู่ในเขแดนทันทีที่มันถูกสร้างขึ้นมา ไม่มีใครหนีได้สำเร็จ

เจียงหวังและผู้พิทักษ์ทั้งสี่ไล่ตามเซียนผู้คุมกฎทันแล้วในตอนนี้และเริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดของนิกายใต้พิภพใช้พลังเซียนธาตุมืด ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ทักษะลับในการเข้าไปในหมอกดำหนาแน่นทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น พวกเขาปกคลุมตัวเองในหมอกไว้และคอยหาโอกาสในการลอบโจมตีศัตรูของพวกเขา

เซียนผู้คุมกฎของนิกายใต้พิภพใช้พลังเซียนธาตุมืดเป็นหลักในการสังหารเป้าหมายของพวกเขา ในขณะที่นิกายดาบโลหิตใช้พลังหยินที่ชั่วร้ายเป็นไพ่ตาย องค์กรลอบสังหารทั้งหมดใช้ทักษะเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครในพวกเขาที่ใช้พลังหยินที่ชั่วร้ายเลยในการต่อสู้กับเซียนผู้คุมกฎของนิกายใต้พิภพ พลังหยินที่ชั่วร้ายได้มาจากการสังหาร ดังนั้นมันจึงมีค่ามากสำหรับเซียนผู้คุมกฎ

แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่จอมยุทธของนิกายดาบโลหิตก็ยังได้เปรียบอยู่ เพราะว่าพวกนั้นได้รับผลกระทบจากเขตแดนมังกร และพวกนั้นก็ใช้กำลังได้เพียงเจ็ดถึงแปดส่วนเท่านั้นในการจำกัดของเขตแดนมังกร

ปัง ! เจียงหวังโจมตีไปที่หัวของเซียนผู้คุมกฎด้วยมือของเขา และระเบิดหัวและกำจัดวิญญาณของคนผู้นั้นไปในทันที

ในเวลาเดียวกัน ผู้อาวุโสชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ฆ่าคู่ต่อสู้ไปด้วยเช่นกัน หอกสีแดงเลือดพุ่งผ่านหน้าผากของศัตรูของเขาไปก่อนที่จะทะลุออกมาอีกข้าง มันผ่านหัวของคู่ต่อสู้ของและทำให้วิญญาณของคนผู้นั้นสลายไปก่อนที่จะหนีได้

เจี้ยนเฉินไม่ได้เข้าร่วมในการตอนสู้และยืนอยู่กับนูบิส เขามองไปรอบ ๆ เรื่อย ๆ ด้วยสายตาที่เฉียบคม เขาวางแผนที่จะให้ผู้อาวุโสและเจียงหวังจัดการพวกเซียนผู้คุมกฎ เขาจะไม่ยุ่งกับพวกที่อ่อนแอด้วยตนเอง

“แปลกจัง เจี้ยนเฉิน ทำไมข้าไม่เห็นคนที่เจ้าตัดแขนไปเลย ? ” นูบิสยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินและมองหาไปรอบ ๆ

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาก็กำลังมองหาเหลาฉีอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ยังไม่เห็นเหลาฉีออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์เลย แม้ว่าโถงศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลายไปแล้ว แต่พลังด้านในก็ยังสลายออกไปไม่หมด ดังนั้นพลังแห่งการรับรู้ของเขาจึงผ่านเข้าไปในโถงไม่ได้

“บางทีเหลาฉีอาจจะกำลังซ่อนอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์หรือเปล่า ? ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเอง แม้ว่านักฆ่าทั้งหมดที่หนีออกมาจากโถงศักดิ์สิทธิ์จะใส่ชุดแบบเดียวกัน แต่ก็ไม่มีใครหนีรอดจากพลังแห่งการรับรู้ของเขาไปได้ เขาไม่เจอเหลาฉีเลย

“ข้าจะเข้าไปดูในโถงศักดิ์สิทธิ์” เจี้ยนเฉินพูดก่อนที่จะเข้าไปในซาก นูบิสก็ตามไปด้วยเช่นกัน

โถงศักดิ์สิทธิ์ดำสนิทด้านใน พลังเซียนธาตุมืดหนาแน่นมาก สำหรับผู้ที่ใช้พลังเซียนธาตุมืด การฝึกฝนภายในนี้คงจะได้ผลเป็นอย่างมาก แต่โถงก็ถูกทำลายไปแล้วในตอนนี้ ดังนั้นพลังเซียนจึงค่อย ๆ หายไป พลังของโถงศักดิ์สิทธิ์ก็กระจายหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เจี้ยนเฉินยืนอยู่กับนูบิสในโถงมืดมิดนี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะสายตาของเขามองเห็นได้น้อยกว่า 5 เมตรเท่านั้นเนื่องจากความมืดมิดนี้

“ฮืม เจ้าคิดว่าพลังเซียนธาตุมืดจะพอที่จะหยุดข้า นูบิสผู้ยิ่งใหญ่ อย่างนั้นหรือ ? ” นูบิสเหยียด เจากนั้นเขาก็เริ่มเปล่งแสงสีทองออกมา เขาเหมือนดวงอาทิตย์เล็กเล็กที่สว่างอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ พลังเซียนกระจายออกไปทันทีที่สัมผัสกับแสง ในพริบตาเดียว โถงก็สว่างขึ้น

พวกเขาอยู่ในโถงที่ตกแต่งอย่างดี มันว่างเปล่า มีเพียงของตกแต่งที่มีค่าไม่กี่ชิ้นเท่านั้น เจี้ยนเฉินไม่สนใจของเหล่านั้นและมองไปรอบ ๆ เขาพูด “เหลาฉีต้องซ่อนอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์แน่ พวกเราไปหารอบ ๆ กันก่อน พวกเราจะให้เขาหนีไปไม่ได้ ไม่งั้นไม่จะกลายเป็นปัญหาที่ไม่รู้จบในอนาคต พวกเรามีผู้อาวุโสทั้งสามคอยดูอยู่ด้านนอกอยู่ ดังนั้นพวกเราจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเหลาฉีจะหนีออกอีกทางในตอนที่พวกเรายังอยู่ที่นี่”

เจี้ยนเฉินและนูบิสเริ่มหาไปทั่วทั้งโถงศักดิ์สิทธิ์ ยังมีพลังงานของโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ยังเหลืออยู่ที่กำแพงรอบ ๆ ทำให้มันขวางพลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาจึงค้นหาไปได้อย่างช้า ๆ เท่านั้น

ตลอดทาง เจี้ยนเฉินไปเจอเข้ากับถ้ำหลายถ้ำที่ซ่อนอยู่อย่างดีในกำแพง เช่นเดียวกับกับดักที่ซ่อนอยู่ทุกที่ อย่างไรก็ตาม พวกมันก็ถูกทั้งสองทำลายไปทั้งหมด ความแข็งแรงของโถงศักดิ์สิทธิ์และกับดักด้านในถูกค้ำจุนด้วยพลังของโถงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันจึงค่อย ๆ อ่อนลงตามพลังงานของโถงที่กระจายหายไป

ในตอนนี้ มีห้องที่ถูกซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีในโถงศักดิ์สิทธิ์ คนที่อยู่ในชุดคลุมที่แขนหายไปกำลังยืนอยู่กับชายตัวเตี๊ย ชายชราค่อนข้างหน้าซีด แต่ตาของเขาก็เป็นประกายอย่างดุร้าย

“เหลาฉี มีสองคนที่เข้ามาในโถงศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันอาจจะไม่นานที่พวกเขาจะมาถึงที่นี่ พวกเราต้องไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” ชายชราพูดอย่างนุ่มนวลและเฉยเมย

“ท่านอดีตหัวหน้านิกาย พวกเราจะไม่สนใจคนอื่นในนิกายเลยอย่างนั้นหรือ” เหลาฉีถามเสียงแหบแห้ง

“พวกเขาสามารถทำลายโถงศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ดังนั้นคู่ต่อสู้ต้องอยู่ในระดับเซียนจักรพรรดิแน่ ข้าอาจจะไม่มีพลังที่จะสู้กลับได้แม้ว่าข้าจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด หืม พลังหยินที่ชั่วร้ายนี้ช่างทรงพลังจริงจริง ข้าได้รับบาดเจ็บจากพลังหยินที่ชั่วร้ายของฮุสตันเมื่อพันปีก่อน วิญญาณของข้ายังไม่ฟื้นฟูเลยหลังจากที่พักมาเป็นพันปี” ชายชราจ้องออกไปอย่างเย็นชา เขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังรุนแรง

“คนทั้งหมดของนิกายดาบโลหิตอยู่ข้างนอกในตอนนี้เช่นเดียวกันกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังอย่างน่ากลัวทั้งสามคน พวกเราจะถูกหาเจอแน่ตอนที่พวกเราออกไป ดังนั้นพวกเราจะหนีไปได้อย่างไร ? ” เหลาฉีถาม

“ข้าเข้าใจสถานการณ์ด้านนอกแล้ว จอมยุทธได้ร่ายวิชาที่ครอบคลุมรัศมีรอบ ๆ พันกิโลเมตรเอาไว้ พวกเราไปข้างนอกไม่ได้แน่ แต่พวกเรายังมีอย่างหนึ่งที่ยังเก็บไว้อยู่ ไม่งั้นพวกเราต้องจบชีวิตแน่ในวันนี้” ชายชราตัวเตี้ยพูดด้วยเสียงหนักแน่น พลังเซียนธาตุมืดพุ่งออกมาจากเท้าของเขาไปสู่พื้น อาคมที่ซับซ้อนมากค่อย ๆ ปรากฎขึ้นใต้พวกเขา

“นี่มันประตูมิติ พวกเราสามารถออกไปได้ผ่านประตูมิติในโถงศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ ? ไม่ใช่ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปิดประตูมิติในโถงศักดิ์สิทธิ์อย่างนั้นหรือ ? ” เหลาฉีถามอย่างสงสัย

ชายชราตัวเตี๊ยยิ้มอย่างเย็นชากลังจากนั้น “นี่ไม่ใช่ประตูมิติ แต่มันเป็นอาคมเคลื่อนย้ายโบราณ นิกายได้รับมันมาโดยบังเอิญเมื่อหลายหมื่นปีก่อน และมันถูกร่ายขึ้นที่นี่เผื่อไว้ในกรณีที่พวกเราถูกโจมตีอย่างหนักจากศัตรู มันทำให้พวกเราหนีจากหายนะไปได้ และเมื่อมันถูกใช้แล้ว อาคมจะทำลายตัวมันเอง ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าคนอื่นจะตามร่องรอยได้”

เหลาฉียินดีในใจ เขาพูด “ให้ข้าไปเอาทักษะการต่อสู้ระดับเซียนก่อนแล้วพวกเราค่อยไปกัน”

“ไม่มีเวลามากพอแล้ว สองคนนั้นใกล้เข้ามาแล้ว ดังนั้นพวกเราต้องไปตอนนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะหนีไม่ได้ถ้าพวกเขาทำลายอาคมนี้” ชายชราตอบกลับ

อาคมเคลื่อนย้ายทำงานอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มิติกระเพื่อมอย่างรุนแรง ทั้งสองก็หายไป

ห่างออกไปร้อยเมตร เจี้ยนเฉินและนูบิสก็กำลังหาต่อไป และมุ่งหน้าไปที่ทิศทางของห้องนั้น พลังของโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นเบาบางกว่าก่อนหน้านี้มากแล้ว ดังนั้นพลังแห่งการรับรู้ของเจี้ยนเฉินจึงผ่านสิ่งกีดขวางไปได้บ้าง

ในตอนที่เหลาฉีหลบหนีไปด้วยอาคมเคลื่อนย้าย ท่าทางของเจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้ทันทีถึงมิติที่กระเพื่อมอย่างเล็กน้อยมาก ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปที่ทิศทางนั้นอย่างไม่คิด

ตู้ม ! เจี้ยนเฉินตัดทางเข้าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวหลังจากที่มาถึงที่ด้านนอกของห้อง คลื่นมิติเต็มไปทั่วทั้งห้องยิ่งหนาแน่นขึ้นในตอนที่ประตูหายไป แต่ไม่มีใครอยู่ในห้องเลย มีเพียงอาคมที่ถูกทำลายที่อยู่บนพื้น

เจี้ยนเฉินถอนหายใจเมื่อเห็นอาคม “พวกเรามาช้าไป พวกเขาไปแล้ว ข้าไม่คิดว่าพวกเราจะหนีไปจากโถงโดยใช้ประตูมิติ”

ใบหน้าของนูบิสค่อนข้างมืดมน เขารู้ดีว่ามันหมายความว่าอย่างไรในการปล่อยให้เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 5 หนีไป ปัญหาในอนาคตของพวกเขาต้องไม่จบแน่เมื่อพวกนั้นตัดสินใจมาล้างแค้น และมันคงจะเป็นสถานการณ์ที่น่ารำคาญ นี่ยังไม่พูดถึงการที่คนซึ่งหลบหนีไปเป็นนักฆ่าที่เป็นเซียนราชาอีกด้วย

“เจี้ยนเฉิน พวกเราจะทำอย่างไรดี ? ” ท่าทีของนูบิสค่อนข้างกลัว เขาได้กลายเป็นสหายรักของเจี้ยนเฉินจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ดังนั้นเห็นได้ชัดว่า เขาใส่ใจเรื่องของเจี้ยนเฉินเหมือนเป็นเรื่องของตัวเอง

เจี้ยนเฉินขมวดคิ้วก่อนที่จะผ่อนคลายลงในไม่ช้า ความกังวลมากที่สุดของเขาคือตระกูลเจียงหยางและสหายของเขาในกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี แต่ตระกูลเจียงหยางในตอนนี้มีเจียงหยาง ซู หยวนเซียวที่เทียบเท่ากับเซียนราชาขั้นสูงสุดคอยปกป้องอยู่ ดังนั้นตระกูลจึงปลอดภัย เขาวางแผนที่จะให้รุยจินและหงเหลียนคอยดูกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีเอาไว้ โหยวเยว่ก็ช่วยได้เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของไป๋เหลียนและคนอื่น ๆ ในเมื่อโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มยังอยู่

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉิน นูบิสก็เริ่มค้นไปทั่วทั้งโถงศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาพบหินใหญ่ที่อยู่ในกำแพงหินในห้องข้าง ๆ สิ่งที่ทำให้เจี้ยนเฉินตกใจก็คือ มันคือทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่สมบูรณ์

เจี้ยนเฉินเริ่มเอาแผ่นหินออกมาจากกำแพงอย่างไม่ลังเล หลังจากที่พยายามอย่างมาก เขาก็เอาแผ่นหินออกมาได้ในที่สุด มันยาว 5 เมตร แต่มันหนักมากมาก มากกว่าเหล็กหลายเท่า แม้ด้วยกำลังของเจี้ยนเฉิน เขาก็จำเป็นต้องใช้พลังมากในการยกมันขึ้นมา

ทักษะการต่อสู้ระดับเซียนถูกบันทึกอยู่ในแผ่นหินเป็นวิชาหมัดซึ่งไม่เหมาะกับเจี้ยนเฉิน เจี้ยนเฉินฝึกฝนในทางที่แตกต่างจากคนของทวีปเทียนหยวน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถฝึกทักษะการต่อสู้ระดับเซียนได้ เขาเก็บแผ่นหินไว้ในแหวนมิติและวางแผนจะใช้คนชั้นหัวกะทิของเขาฝึกทักษะการต่อสู้ระดับเซียนทันทีที่พวกเขาเป็นเซียนผู้คุมกฎ