ตอนที่ 1218: ไปยังศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง (1)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1218: ไปยังศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง (1)

เจี้ยนเฉินและนูบิสค้นไปทั่วทั้งโถงศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดหลังจากที่เอาทักษะการต่อสู้ระดับเซียนออกมาแล้ว แต่มันก็น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้อย่างอื่นติดมือมาเลย อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ยังพอใจมาก เพราะทักษะการต่อสู้ระดับเซียนที่สมบูรณ์เป็นของที่ดีที่สุดที่เขาหาพบ

เจี้ยนเฉินและนูบิสออกไปจากโถงศักดิ์สิทธิ์แห่งความมืดและกลับไปหาคนอื่น ๆ พวกเขาเห็นว่าจอมยุทธของนิกายดาบโลหิตได้รออยู่มาสักพักแล้ว ในขณะที่พวกเขาได้ฆ่านักฆ่าของนิกายใต้พิภพไปหลายพันคนแล้ว

“ท่านหัวหน้านิกาย เหลาฉีอยู่ที่ไหน ? และหัวหน้านิกายของนิกายใต้พิภพ กู้เฉินล่ะ ? ข้าสงสัยว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่และเขาอาจจะยังซ่อนอยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์สักที่” เจียงหวังถามอย่างเคารพ เขารู้สึกค่อนข้างสงสัยที่เขาไม่เห็นศพของเหลาฉีเลย

“พวกนั้นหนีไปได้ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะซ่อนประตูมิติเอาไว้ในโถงศักดิ์สิทธิ์” เจี้ยนเฉินพูดอย่างเสียดาย

รุยจินขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากนั้นเขาก็พูด “ในเขตแดนมังกรของข้า มันไม่สามารถที่จะสร้างประตูมิติขึ้นมาได้เลย พวกเขาจะหนีไปทางประตูมิติได้ยังไง ? ข้าจะไปตรวจดูที่ที่พวกเขาใช้ประตูมิติสักหน่อย” รุยจินเข้าไปในซากของโถงศักดิ์สิทธิ์โดยที่เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ตามมาด้านหลัง

ในห้องที่เหลาฉีและชายชราหนีไป รุยจิน หงเหลียน เฮยยู่ เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ยืนอยู่รอบ ๆ และตรวจดูอาคมที่อยู่บนพื้น

“นี่มันไม่ใช่ประตูมิติ” หงเหลียนจ้องเขม็งไปที่อาคมที่อยู่บนพื้นและรู้ได้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างผิดไปอย่างรวดเร็ว ประตูมิตินั้นคล้ายกับอาคมที่อยู่บนพื้น แต่มันมีจุดที่แตกต่างกับอย่างเห็นได้ชัดระหว่างสองอย่างนี้

“ถูกต้อง นี่ไม่ใช่ประตูมิติ แต่เป็นอาคมเคลื่อนย้ายโบราณ ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีอะไรแบบนี้อยู่ที่นี่ได้ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมพวกเขาถึงหนีออกไปจากเขตแดนมังกรของข้าได้” รุยจินพูด

“อาคมเคลื่อนย้ายโบราณ ? ” เจี้ยนเฉินพึมพำ เขาเต็มไปด้วยความสงสัย และแม้แต่เจียงหวังและนูบิสก็ยังงุนงง

รุยจินอธิบาย “ข้ารู้เรื่องอาคมเคลื่อนย้ายโบราณจากความทรงจำโดยกำเนิดของข้า อาคมเหล่านี้ปรากฎขึ้นในครั้งโบราณกาลเท่านั้นและมันมีค่ามาก ไม่เพียงแต่มันจะมีรูปแบบการใช้งานที่คล้ายคลึงกับประตูมิติมากทนั้น มันยังสามารถเคลื่อนย้ายคนหรือสิ่งของจำนวนหนึ่งได้โดยไม่มีผลกระทบอะไรกับมิติรอบ ๆ เลย ดังนั้นมันจึงสามารถใช้ได้แม้แต่ในมิติที่บิดเบี้ยวอย่างรุนแรงหรือมิติที่แตกสลาย ระยะเคลื่อนย้ายนั้นไกลมากเช่นกันและสามารถทำลายข้อจำกัดทุกอย่างทางมิติได้ พวกมันนั้นทรงพลังกว่าประตูมิติมาก”

“แต่ตามความทรงจำโดยกำเนิดของข้านั้น แม้แต่ในครั้งโบราณกาลนั้น อาคมเหล่านี้นั้นก็ยังหาได้ยากมาก ไม่มีคนรู้ที่มาของมัน และไม่มีใครที่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้เพราะสิ่งที่ใช้ในการสร้างนั้นมันมากเกินไป เจ้าจำเป็นต้องเชี่ยวชาญในด้านอาคมมากที่สุด และต้องมีความเข้าใจในมิติอย่างดีมาก แม้แต่ระดับเซียนจักรพรรดิยังไม่ใกล้เคียงที่จะทำเช่นนี้ได้เลย อาคมเคลื่อนย้ายในครั้งโบราณกาลนั้นปรากฏขึ้นที่ใดไม่รู้และถูกใช้ไปอย่างช้า ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้มาเห็นอาคมอันหนึ่งที่นี่”

“ข้าไม่คิดว่านิกายใต้พิภพจะครอบครองอาคมเคลื่อนย้ายที่มีค่าขนาดนี้เลย ดูเหมือนว่าพวกเขาจะยังไม่ถึงฆาตในวันนี้” เจี้ยนเฉินคิด หลังจากที่รู้เรื่องอาคมเคลื่อนย้าย เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดไม่ให้พวกเขาหนีไปได้ในวันนี้

“อดีตหัวหน้านิกายของนิกายใต้พิภพ กู้เฉินน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ดูเหมือนว่าเขาหนีไปพร้อมกับเหลาฉี ข้าสงสัยจริงจริงว่ากู้เฉินฟื้นตัวสมบูรณ์และรุดหน้าในการฝึกฝนไปบ้างหรือไม่ เมื่อหนึ่งพันปีก่อน กู้เฉินเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 ถ้าเขาก้าวหน้าขึ้นไปได้อีก มันคงเป็นปัญหา” เจียงหวังกังวล

“รองหัวหน้านิกาย อย่ากังวลไปเลย ลุงเซียวได้ยกโถงศักดิ์สิทธิ์โลหิตให้กับข้า ข้าจะให้ท่านควบคุมโถงศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นแม้ว่าหัวหน้านิกายจะฟื้นฟูสมบูรณ์แล้ว เขาก็ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ถ้าท่านมีโถงศักดิ์สิทธิ์” เจี้ยนเฉินพูด

พวกเขาไม่ได้อยู่ต่อนานและจากไปจากทะเลทรายอย่างรวดเร็ว แหวนมิติจากนักฆ่าทั้งหมดถูกส่งมอบให้เจี้ยนเฉินเช่นกัน แต่เจี้ยนเฉินก็มองข้ามมันแล้วส่งแหวนมิติทั้งหมดให้เจี้ยงหวัง หลังจากที่สำรวจแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่เขาต้องการ แม้ว่าจะมีทรัพย์สินค่อนข้างมากในแหวนมิติทั้งหมด แต่เงินก็ไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่แม้จริงสำหรับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินไม่ได้กลับไปที่ฐานของนิกายดาบโลหิต หลังจากที่มอบโถงศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับมาจากลุงเซียวไปแล้ว เขาก็ไปที่ตระกูลเจียงหยางพร้อมกับรุยจินและคนอื่น ๆ

ในเมื่อพวกเขายืนยันได้แล้วว่ามีเซียนราชาอย่างน้อย 2 คนหนีไปได้ นิกายดาบโลหิตก็ต้องเตรียมตัวที่จะปกป้องตนเอง ในตอนนี้ พวกเขามีเซียนราชาเพียงเจียงหวังเพียงคนเดียวเท่านั้น และเขายังอยู่แค่ชั้นสวรรค์ที่ 3 เท่านั้น เขายังไม่ใช่คู่มือของเซียนราชาที่หนีไปได้ ดังนั้น การมอบโถงศักดิ์สิทธิ์ให้เจียงหวังนั้นทำให้เขาป้องกันตัวจากการแก้แค้นของเหลาฉีและกู้เฉินได้

เขาครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาหลังจากที่กลับมาที่ตระกูลเจียงหยาง เจี้ยนเฉินให้โหยวเยว่คอยดูแลกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีสักพัก แม้ว่าโหยวเยว่จะยังอ่อนแอ แต่เขาก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อเขาคิดถึงเรื่องอาจารย์ที่ทรงพลังของโหยวเย่

รุยจิน หงเหลียน และเฮยยู่ช่วยเขามามากพอแล้วในช่วงที่ผ่านมานี้ ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงไม่สามารถบากหน้าไปให้พวกเขาช่วยดูแลกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้อีก

เจี้ยนเฉินส่งหน่วยค้นหาของนิกายดาบโลหิตออกไปทุกที่ทั่วทวีปเพื่อตามหาจอมยุทธที่หนีไปเช่นกัน แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ว่ามันอาจจะไม่ได้เรื่องอะไร แต่เขาก็คงไม่ละทิ้งความหวังเล็กน้อยนี้ ทุกวันที่เซียนราชาพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่ ก็คือทุกวันที่เขาไม่อาจสงบสุขได้

ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เรื่องที่เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในทวีปนั้นเป็นเรื่องนิกายดาบโลหิต นิกายดาบโลหิตที่ได้หายไปพันปีได้ปรากฎขึ้นมาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่มันจะสร้างความสนใจให้องค์กรใหญ่หลายองค์กรเท่านั้น นิกายยังทำเรื่องที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนตกใจ ฐานลับของนิกายใต้พิภพที่อยู่ในทวีปถูกนิกายดาบโลหิตหาเจอและย้อมมันให้เป็นสีเลือด

และข่าวที่ทำให้ตกตะลึงมากกว่านั้นก็กระจายไปทั่วทวีปหลังจากนั้น นิกายใต้พิภพที่มีอยู่มาเป็นแสนปีได้ถูกกวาดล้างออกไปจากทวีปโดยนิกายดาบโลหิต ทำให้คนนับไม่ถ้วนอึ้งไป ความปั่นป่วนที่เกิดจากข่าวนั้นใหญ่มากจนเมืองทหารรับจ้างและจักรวรรดิใหญ่ทั้งสามยังได้รับผลกระทบไปด้วย

เพราะว่านิกายดาบโลหิตนั้นเป็นองค์กรที่เทียบเท่ากับตระกูลโบราณ บวกกับฮุสตันที่เป็นเซียนราชาขั้นสูงสุดด้วยแล้ว เขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นที่สุดแม้แต่ในตระกูลโบราณ มันเป็นไปไม่ได้ที่องค์ใหญ่ใหญ่จะไม่ปั่นป่วนในการที่จู่ ๆ พวกเขาก็กลับมา

เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจความวุ่นวายในทวีปในขณะที่เขาอยู่ในตระกูลเจียงหยาง เขากำลังอยู่กับป้ารองของเขา หยูเฟิงหยาน ในกระโจมในสวน ดวงตาของหยูเฟิงหยานเป็นสีแดงและบวม น้ำตาไหลอาบใบหน้าของนาง นางใช้ผ้าเช็ดหน้าไหมของนางซับน้ำตา

นางคิดถึงลูกสาวของนางมาหลายปีและในตอนนี้ นอกจากกลับมาครั้งหนึ่งในตอนที่เจี้ยนเฉินถูกบีบให้ออกจากทวีปไป นางก็ไม่ได้ข่าวเกี่ยวกับเจี้ยงหยาง หมิงเยว่อีกเลย ซึ่งนั่นทำให้หยูเฟิงหยานกังวลเพราะนางมีลูกสาวเพียงคนเดียว นางใช้เวลาทั้งหมดไปในการคิดถึงลูกสาวของนาง และนางดูอ่อนแรงมากกว่าเดิมหลังจากที่รอคอยมาตลอดหลายปี

ความโหยหาที่มีต่อลูกสาวของหยูเฟิงหยานมาถึงจุดสูงสุดอย่างไม่เคยมีในตอนที่เจียงหยางหู่กลับมา ในที่สุดนางก็มาพบเจี้ยนเฉินหลังจากที่อดทนไม่ไหวอีกต่อไป

“เซียงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นจอมยุทธที่มีชื่อเสียงในทวีปในตอนนี้ แต่ข้าคิดถึงหมิงเยว่มาก เจ้าพาข้าไปเจอหมิงเยว่ได้หรือไม่ ? ข้าขอร้อง ข้าต้องการแค่จะเห็นนางสักครั้งและข้าก็พอใจแล้ว” หยูเฟิงหยานสะอื้นให้ นางเสียใจมาก