ตอนที่ 1219: ไปที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง (2)

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 1219: ไปที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง (2)

เจี้ยนเฉินรู้สึกค่อนข้างปวดใจ เมื่อเขาได้เห็นว่าหยูเฟิงหยานนั้นอาการหนักเพียงใด ป้ารองของเขาเป็นคนที่สำคัญในใจของเขามาก มากกว่าพ่อของเขาเองเสียอีก

นี่เพราะว่าในตอนที่เขายังเด็ก หยูเฟิงหยานดูแลเขาอย่างดีเป็นรองแค่แม่ของเขาเท่านั้น แม้แต่ท่านพ่อของเขาเองยังห่วงเขาไม่เท่าหยูเฟิงหยานเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่เขาไปทดสอบเป็นเซียน ในตอนที่เขาเริ่มทดสอบใช้พลังเซียนและถูกตราหน้าว่าเป้นคนไร้ค่า เจียงหยางป้าก็ยิ่งมาหาเขาน้อยลง ในตอนนั้น ในตระกูลมีเพียงไป๋หยุนเทียน หยูเฟิงหยาน และเจียงหยางหมิงเยว่เท่านั้นที่ห่วงใยเขา

เจี้ยนเฉินรู้สึกได้เลยว่าหยูเฟิงหยานนั้นรู้สึกเช่นไรในตอนที่เขามองไปที่นางซึ่งทนทุกข์ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความที่นางทำอะไรไม่ได้ด้วยเช่นกัน

ถ้าไม่สนใจเรื่องที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งไม่ได้ตั้งอยู่บนทวีปเทียนหยวนและมันยังไกลมากอีกแล้ว แค่อากาศที่หนาวเย็นที่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เซียนสวรรค์ไม่กล้าเข้าไปใกล้ที่นั่นแล้ว แม้แต่เซียนสวรรค์ที่ใช้ธาตุไฟยังสามารถแข็งเป็นก้อนน้ำแข็งได้เลยที่นั่น มีเพียงเซียนผู้คุมกฎเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตรอดที่นั่นได้

แม้ว่าในตอนนี้ตระกูลจะมีเซียนผู้คุมกฎอยู่สิบกว่าคนและเซียนราชาหลายคน แต่ทุก ๆ คนก็มีฐานะที่สูงส่ง แม้แต่หัวหน้าตระกูล เจียงหยางป้า ยังจำเป็นต้องสุภาพกับเขาเลย อย่าว่าแต่หยูเฟิงหยานที่เป็นหนึ่งในฮูหยินของเขาเลย

บนเปลือกนอกนั้น หยูเฟิงหยานเป็นฮูหยินรองของตระกูลและมีสถานะที่สูงส่ง แต่นางก็ไม่ได้มีอำนาจต่อหน้าคนที่ออกมาจากตระกูลผู้พิทักษ์ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการที่จะขอให้เซียนผู้คุมกฎสักคนพานางไปที่ขั้วโลกนั้นเป็นได้แค่ฝันลมลมแล้งแล้งด้วยสถานะของนางในตอนนี้ นางไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะพบพวกเขาด้วยซ้ำ

ดังนั้นหยูเฟิงหยานจึงได้แต่มาขอร้องเจี้ยนเฉิน นางทำเหมือนว่าเจี้ยนเฉินนั้นเป็นเพียงความหวังสุดท้ายที่จะทำให้นางได้พบกับลูกสาวของนางอีกครั้ง

เจี้ยนเฉินครุ่นคิดถึงคำขอ แม้ว่าจะมีบางคนที่หนีออกไปจากนิกายใต้พิภพได้ ซึ่งรวมถึงอดีตหัวหน้านิกายที่ทรงพลังกว่าเหลาฉีเสียอีก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะรับมือพวกนั้นไม่ได้ ในเวลาเดียวกัน มันยังผ่านมานานแล้วที่เขาพบกับพี่สาวของเขาครั้งล่าสุด เขาก็คิดถึงนางเช่นกัน

เจี้ยนเฉินตัดสินใจหลังจากนั้น เขาพูด “ท่านป้า อย่าเสียใจไปเลย ให้ข้าจัดการบางอย่างก่อนแล้วข้าจะพาท่านไปที่ขั้วโลกเพื่อหาพี่สาวของข้ากัน”

“จริงหรือ ? เซียงเทียน เจ้าจะพาข้าไปหาหมิงเยว่จริงหรือ ? ” หยูเฟิงหยานยินดีมาก นางคว้ามือของเจี้ยนเฉินมาอย่างตื่นเต้น นางรู้ว่าถ้าเจี้ยนเฉินปฏิเสธนาง นางคงไม่ได้เจอกับลูกสาวของนางอีก เว้นเสียแต่ว่าเจียงหยาง หมิงเยว่จะกลับมาเอง

เจี้ยนเฉินพยักหน้า “แน่นอน ข้าจะพาท่านไป ท่านป้าพักผ่อนก่อนเถอะ ข้าจะไปจัดการเรื่องบางอย่างตอนนี้ และจากนั้นข้าจะพาท่านไปที่ขั้วโลกกับข้า”

เจี้ยนเฉินออกจากสวนไป และกลับไปที่ลานของตระกูล

ลานด้านหลังของเผ่าได้เป็นพื้นที่หวงห้ามของตระกูลเจียงหยางไปแล้ว ยามไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้ที่นี่ และแม้แต่หัวหน้าตะกูลและคนสำคัญคนอื่น ๆ ของตระกูลก็ถูกห้ามไม่ให้เข้ามาในสถานที่นี้ถ้าไม่ได้แจ้งก่อน เพราะที่นี่เป็นที่ที่เจียงหยาง ซู เซียวอยู่

นอกเหนือไปจากเจียงหยาง ซู เซียวแล้ว แม้แต่เจียงหยาง ซู หยวนเซียน เจียงหยาง ซู อวี้หยวน และเซียนผู้คุมกฎอีกสิบกว่าคนที่ออกมาจากตระกูลผู้พิทักษ์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ในขณะเดียวกัน ยามที่นี่นั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นเซียนสวรรค์ที่ออกมาจากตระกูลกับพวกเขาด้วยเช่นกัน

เจี้ยนเฉินเห็นเซียนสวรรค์ 4 คนนั่งอยู่ที่ทางเข้าของลานด้านหลังทันทีที่เขาเข้ามาในบริเวณนี้ บรรยากาศรอบ ๆ นั้นเงียบสงบมาก

เซียนสวรรค์ทั้งสี่คนลืมตาขึ้นพร้อมกันในตอนที่เจี้ยนเฉินมาถึง หลังจากที่จำเจี้ยนเฉินได้ พวกเขาก็ยืนขึ้นและคำนับเขาอย่างเคารพ

แม้แต่หัวหน้าตระกูล เจียงหยางป้า ยังต้องส่งข้อความมาแจ้งก่อนถ้าเขาจะเข้าไป แต่เจี้ยนเฉินไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น เขาสามารถเข้าออกได้ตามต้องการและไม่มีใครหยุดเขาได้

เจี้ยนเฉินพยักหน้าอย่างเป็นกันเองให้กับเซียนสวรรค์ก่อนที่จะเข้าไปที่เขตหวงห้ามอย่างไม่ติดขัดอะไร เขาไม่เคยเห็นเซียนสวรรค์ทั้งสี่คนนี้มาก่อน แต่เขารู้ว่าทุกคนเป็นคนของสาขาซูของตระกูลผู้พิทักษ์ พวกเขามาพร้อมกับเจียงหยาง ซู เซียว

เจี้ยนเฉินได้ยินมาว่าลานด้านหลังนั้นกลายเป็นเขตหวงห้ามมานานแล้ว เขาไม่ว่าอะไรและยังสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วย เพราะว่า คนที่มาตั้งรกรากที่นี่นั้นถูกเจียงหยาง ซู เซียวและเจียงยาง ซู หยวนเซียวพามา เจียงหยาง ซู เซียนเป็นเซียนราชาที่เกือบเข้าใกล้ขั้นสูงสุดแล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เจียงหยาง ซู เซียวและเจียงหยาง ซู หยวนเซียวนั้นออกจากตระกูลผู้พิทักษ์เพื่อที่จะช่วยเขา ดังนั้นแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะไม่ได้ลึกซึ้งมาก แต่เขาก็ยังชื่นชมคนพวกนี้จากใจ

เจี้ยนเฉินเจอเจียงหยาง ซู เซียวในโถงที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย ผมของเจียงหยาง ซู เซียวนั้นเป็นสีเทาซีด เขาดูเหมือนจะแก่กว่าตอนที่เขาอยู่ในตระกูลผู้พิทักษ์เสียอีก และเขายังดูค่อนข้างอ่อนแรงเช่นกัน

เห็นชัดว่าการออกมาจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยางนั้นมีผลกระทบต่อจิตใจของเจียงหยาง ซู เซียวมาก เพราะว่าที่นั่นเป็นบ้านของเขามาหลายพันปี เขาจึงมีความรู้สึกผูกพันกับมัน

เจี้ยนเฉินคำนับเจียงหยาง ซู เซียวในฐานะผู้เยาว์ ก่อนที่จะอธิบายถึงเหตุผลที่เขามา เขามาหาเจียงหยาง ซู เซียวในครั้งนี้เพื่อที่จะขอให้เขาเตรียมรับมือกับเซียนราชาของนิกายใต้พิภพ เพื่อให้มั่นใจว่าพวกนั้นจะไม่ทำอันตรายกับตระกูล

“เซียงเอ๋อ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นไปหรอก แม้ว่าข้าจะไม่สามารถหาเซียนราชาที่ซ่อนอยู่ในอาณาจักรเกอซุนได้ แต่ก็ไม่มีเซียนราชาคนไหนที่หลุดจากสัมผัสของข้าไปได้ถ้าพวกเขาเข้ามาในเมืองเล็ก ๆ นี้หรอก ทักษะลับโบราณของตระกูลผู้พิทักษ์ไม่ใช่อะไรง่ายง่ายแบบนั้น อย่างไรก็ตาม ถ้าเซียนราชาพยายามที่จะเข้ามาลอบสังหาร ข้าก็สามารถปกป้องได้แค่เมืองนี้เท่านั้น ข้าไม่สามารถช่วยราชนิกูลของอาณาจักรได้ เมื่อคิดถึงเรื่องที่คู่หมั้นของเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของราชนิกูลแล้ว และนางยังเป็นพระธิดาของราชาอีก ข้าจะให้หยวนเซียวไปคุ้มกันพระราชวัง หยวนเซียวอาจจะเป็นแค่ชั้นสวรรค์ที่ 5 แต่เขาก็รู้ทักษะลับบ้าง เซียนราชาธรรมดาไม่ใช่คู่มือของเขาหรอก” เจียงหยาง ซู เซียวพูดอย่างเป็นเป็นกันเอง เขาปฏิบัติต่อเจี้ยนเฉินอย่างเป็นคนสำคัญมาก ดังนั้นเขาจึงคิดถึงทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินคลายกังวลหลังจากที่ได้ฟังที่เจียงหยาง ซู เซียวพูด เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านทวด ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านรู้เรื่องศาลาเทพธิดาน้ำแข็งมากน้อยแค่ไหนกัน ? ”

เจียงหยาง ซู เซียวขมวดคิ้วเล็กน้อยในตอนที่เขาได้ยินชื่อศาลาเทพธิดาน้ำแข็ง เขาเงียบไปสักพักก่อนที่จะพูดขึ้นมา “ในความเข้าใจทั้งหมดของข้าเกี่ยวกับศาลาเทพธิดาน้ำแข็งนั้นมาจากบันทึกโบราณที่เซียนจักรพรรดิในอดีตของตระกูลผู้พิทักษ์เขียนขึ้นมานั้น ข้าเพียงแต่รู้ว่าองค์กรนี้นั้นทรงพลังมาก แม้แต่สุดยอดจอมยุทธทั้งสี่ในครั้งโบราณกาลยังไม่ไปที่นั่นเลย ไม่มีใครรู้ว่าศาลาเทพธิดาน้ำแข็งปรากฏขึ้นมาตอนไหน แต่พวกเขาไม่เคยมายุ่งเรื่องของทวีปเลยและยังไม่เคยปรากฎตัวในทวีปอีกด้วย ไม่มีใครรู้การมีอยู่ของพวกเขานอกจากเมืองทหารรับจ้างและตระกูลผู้พิทักษ์ การที่พวกเขามาเมื่อสิบปีก่อนนั้นเป็นครั้งแรกในรอบล้านปีเลยทีเดียว และมันถูกบัทึกไว้ทั้งหมดแล้วโดยตระกูลผู้พิทักษ์”

เจียงหยาง ซู เซียวจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเคร่งเครียดทันที เขาถามด้วยเสียงหนักแน่น “เซียงเอ๋อ เจ้าวางแผนที่จะไปศาลาเทพธิดาน้ำแข็งงั้นหรือ ? ”

“ถูกต้อง พี่สาวของข้าอยู่ที่นั่นและข้าต้องการที่จะไปหานาง” เจี้ยนเฉินสารภาพ

เจียงหยาง ซู เซียวเงียบไปสักพักก่อนที่จะตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักใจว่า “แม้ว่า ข้าจะไม่เคยไปที่ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งมาก่อน แต่ข้าก็รู้ว่ามันน่ากลัวมาก เพราะทุก ๆ บันทึกจากบรรพบุรุษเซียนจักรพรรดิเตือนลูกหลานไว้ว่าไม่ให้ไปตามหาพวกเขาหรือไปหาเรื่องพวกเขา พวกเขาต้องมีคนที่น่ากลัวอยู่ด้วยแน่ แต่หลังจากที่ผ่านมาหลายปีแล้ว คนที่บรรพบุรุษเซียนจักรพรรดิของพวกเรากลัวก็คงตายไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังหวังที่จะให้เจ้าเปลี่ยนใจ มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่ไปที่นั่น”

“ในเมื่อศาลาเทพธิดาน้ำแข็งลึกลับและมีพลังในเวลาเดียวกัน ทำไมพวกเขาถึงให้พี่สาวของข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ล่ะ ? ข้าไม่รู้ว่าพวกเขามีแผนการอะไร แต่ท่านพูดถูก ไม่ว่าคนผู้นั้นจะทรงพลังมากแค่ไหน แม้ว่าเขาจะเหนือกว่าเซียนจักรพรรดิก็ตาม แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ได้นานขนาดนี้ ดังนั้นพวกเขาคงไม่น่ากลัวเหมือนในอดีตแล้ว ข้าจำเป็นต้องไป” เจี้ยนเฉินตอบกลับ

“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าก็จะไม่ห้ามเจ้า แต่ระวังตัวไว้ด้วย” เจียงหยาง ซู เซียวล้มเลิกในการห้ามเจี้ยนเฉินเมื่เห็นว่าเขาโน้มน้าวเจี้ยนเฉินไม่ได้

เจี้ยนเฉินออกไปจากลานด้านหลังก่อนที่จะไปหารุยจิน หงเหลียน และเฮยยู่อีกครั้ง เจี้ยนเฉินจำเป็นต้องระวังศาลาเทพธิดาน้ำแข็งที่ลึกลับและทรงพลัง ดังนั้นเพื่อที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่กะทันหัน เขาจึงตัดสินใจที่จะพาทั้งสามคนไปด้วย