บุรุษลึกลับภายใต้เสื้อคลุมสีดำและอสูรยักษ์ผานกู่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดโดยทั้งสองฝ่ายปลดปล่อยพลังออกไปอย่างเต็มที่และไม่คิดยั้งมือแม้แต่น้อย
เดิมทีหลงอวี้เทียนและคนอื่น ๆ ต้องการเข้าไปช่วย ทว่าด้วยความแข็งแกร่งที่มี พวกเขาตระหนักดีว่าไม่อาจเข้าไปพัวพันในการต่อสู้นี้ได้ พลังของทั้งสองฝ่ายแกร่งกล้าจนเกินไป หากพวกเขาวู่วามลงมือโดยไม่ยั้งคิด มันอาจส่งผลกระทบต่อการโจมตีของอสูรยักษ์ผานกู่และสถานการณ์จะกลับกลายเป็นเลวร้ายลง
เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงหลบออกไปด้านข้างเพื่อจับตาดูสถานการณ์ ในขณะเดียวกัน หลงอวี้เทียนและทุกคนก็ร่วมมือกันสร้างม่านป้องกันขึ้นรอบบริเวณเพื่อมิให้พลังจากการต่อสู้ของบุรุษลึกลับและอสูรยักษ์ผานกู่ถูกดูดซับโดยหลุมดำมิติซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วในการขยายตัวของมันยิ่งกว่าเดิม
ฉินอวี้โม่ไม่รีบร้อนลงมือสิ่งใดและหลบไปยืนด้านข้างด้วยใบหน้าเรียบเฉยขณะมองดูการต่อสู้ระหว่างอสูรยักษ์ผานกู่และบุรุษชุดดำ
เวลานี้ อสูรยักษ์ผานกู่ซึ่งก่อตัวจากการรวมร่างของอสูรมายาทั้งหมดมีพลังที่ก้าวข้ามขอบเขตเทพสวรรค์แล้ว อย่างไรก็ตาม มันมีข้อเสียเปรียบที่ร้ายแรงอย่างหนึ่งนั่นคือการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า แม้มีการโจมตีที่ทรงพลังอย่างที่สุด ทว่าหากอีกฝ่ายมีพลังในระดับเดียวกัน พวกเขาก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย
ฉินอวี้โม่และบรรดาอสูรหารือกันก่อนหน้านี้แล้ว ทว่ายังไม่อาจหาคำตอบสำหรับปัญหาดังกล่าวได้
ทางที่ดีที่สุดคือการใช้พลังความแข็งแกร่งเพื่อชดเชยความเร็วที่ขาดไป หากเป็นเช่นนั้น พวกนางก็จะสามารถใช้ข้อได้เปรียบที่มีเพื่อต่อสู้กับศัตรูได้
กระบองยาวสีดำขลับในมือของบุรุษชุดดำไม่ธรรมดาแม้แต่น้อย กระบองยาวมีความแข็งแกร่งทนทานเป็นอย่างมาก เมื่อถูกเหวี่ยงออกไป เขาผสานพลังมายาเข้ากับมันและสามารถต้านทานขวานเล่มยักษ์ของผานกู่ได้อย่างไม่เสียเปรียบ
ในความเป็นจริง พลังของบุรุษลึกลับอยู่ในขอบเขตเทพเซียนเป็นอย่างต่ำ ทว่าพลังเหล่านั้นกลับถูกยับยั้งไว้พอสมควรเมื่ออยู่ในดินแดนนี้
หากเขาปลดปล่อยพลังอำนาจทั้งหมดออกมาได้ เกรงว่าอสูรยักษ์ผานกู่ก็คงจะมิใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย
การต่อสู้อย่างดุเดือดผ่านไปพักใหญ่ หนึ่งมนุษย์หนึ่งอสูรต่อสู้กันหลายสิบกระบวนท่า ทว่าก็ยังไม่มีผู้ใดเป็นฝ่ายชนะ
“มารยา เตรียมตัว”
ฉินอวี้โม่ตรงเข้าไปหามารยาผู้ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด จากนั้นทั้งสองก็ได้รวมพลังกันเพื่อสร้างข่ายอาคมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
บุรุษลึกลับสัมผัสได้ถึงการกระทำนั้นทันที ทว่าเขายังติดพันอยู่ในการต่อสู้กับอสูรยักษ์ผานกู่และไม่มีทางปลีกตัวออกไปได้เลย
สองก้านธูปต่อมา ข่ายอาคมของฉินอวี้โม่และมารยาก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว
“ถอยออกมา”
หลังจากสิ้นเสียงนั้น เสี่ยวเฮยและบรรดาอสูรก็แยกตัวออกจากกันก่อนกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอีกครั้ง
ฟึ่บ !
เสียงหนึ่งดังขึ้นและข่ายอาคมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาใต้เท้าของบุรุษชุดดำทันที
มันมิใช่ข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพที่ทรงพลังที่สุดของฉินอวี้โม่ หากแต่เป็นข่ายอาคมใหม่ที่นางและมารยาร่วมศึกษาด้วยกันในช่วงที่ผ่านมา
ทันใดนั้น ราวกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวกลายเป็นสีแดงฉานและเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่ไร้ที่สิ้นสุดจนทุกคนอดรู้สึกหดหู่และขนลุกไม่ได้
แน่นอนว่าบุรุษลึกลับในวงล้อมของข่ายอาคมต้องกังวลใจยิ่งกว่าใคร เวลานี้ราวกับมีพลังมหาศาลกำลังจะกลืนกินเขาทั้งร่างในขณะที่พลังลึกลับอีกอย่างก็ค่อย ๆ กัดกินจิตใจของเขาจนให้ความรู้สึกที่อึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
“นี่มันข่ายอาคมอะไรกัน ?”
เขาเคยประจันหน้ากับผู้ใช้ข่ายอาคมมาแล้วหลายคน ทว่าไม่เคยพานพบข่ายอาคมที่ประหลาดเช่นนี้มาก่อน หากมิใช่เพราะพลังปัจจุบันของฉินอวี้โม่ที่ยังไม่ถึงระดับสูงสุด ข่ายอาคมนี้เพียงอย่างเดียวก็เกินพอที่จะกำจัดเขาได้อย่างสิ้นซากแล้ว
“ข่ายอาคมโลหิตสังหาร !”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ข่ายอาคมโลหิตสังหารของนางทรงพลังยิ่งกว่าข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพเสียอีก เพียงแต่การจัดวางมันทำได้ยากพอสมควร หากอยู่เพียงลำพัง นางจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วยามในการวางข่ายอาคมโลหิตสังหารนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อร่วมมือกับมารยา ระยะเวลาที่ใช้เพื่อเตรียมมันก็สั้นลงมาก
ยิ่งไปกว่านั้น การวางข่ายอาคมโลหิตสังหารก็จำเป็นต้องใช้ผลึกหัวใจมายาจำนวนมาก ซึ่งมันก็มากเกินไปจนแม้แต่ฉินอวี้โม่ก็ยังต้องรู้สึกเจ็บปวดใจอยู่ลึก ๆ
“เหอะ รอดูข้าทำลายข่ายอาคมนี่ได้เลย !”
บุรุษลึกลับแค่นเสียงเย็นชาก่อนคลื่นพลังรอบตัวเขาจะพุ่งพรวดขึ้นมาอีกครั้งและเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงภายใต้เสื้อคลุมสีดำ
แท้จริงแล้วเขาเป็นบุรุษหนุ่มที่ดูมีอายุไม่เกินยี่สิบสี่ปีเท่านั้น ด้วยใบหน้าที่ขาวซีดและร่างกายซูบผอม แม้ใบหน้าจะดูหล่อเหลา ทว่าภายนอกเขาก็ดูอ่อนแอและไม่แข็งแรงนัก
ประกายแสงกะพริบขึ้นมาในแววตาของเขาก่อนที่คลื่นพลังรุนแรงจะถูกปล่อยไปยังข่ายอาคมโลหิตสังหารของฉินอวี้โม่ด้วยความต้องการที่จะฝ่าทำลายมันในคราวเดียว
น่าเสียดายที่ข่ายอาคมโลหิตสังหารไม่มีทีท่าว่าจะพังทลายลงแม้แต่น้อย แม้ถูกโจมตีโดยพลังของเขา มันก็ยังทรงพลังเช่นเดิมและไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
สีหน้าของบุรุษชุดดำเริ่มเปลี่ยนไปทันที คิดไม่ถึงเลยว่าการโจมตีที่เปี่ยมไปด้วยพลังแปดในสิบส่วนของเขาจะไม่สามารถทำให้ข่ายอาคมโลหิตสังหารสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
“ฮ่า ๆ ๆ หากทำลายได้ง่าย ๆ ข้าจะจัดวางมันให้เสียเวลาทำไม ? เพลิดเพลินกับมันและแสดงฝีมือให้ข้าได้เห็นสักหน่อยเถอะ”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเยาะ ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง การเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเกิดขึ้นกับข่ายอาคมโลหิตสังหาร
กระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากพื้นดิน เหนือศีรษะและรอบตัวของบุรุษชุดดำก่อนพุ่งตรงไปยังร่างของเขา สิ่งสำคัญคือกระบี่เหล่านั้นอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลทั้งสิ้น
บุรุษชุดดำไม่กล้าประมาทอีกต่อไปขณะเหวี่ยงกระบองยาวในมือเป็นวงกลมและปัดกระบี่รอบตัวจนร่วงลงพื้นทีละเล่ม ๆ
กระบี่เหล่านั้นเป็นเพียงภาพมายาที่ไม่มีรูปร่างแท้จริงซึ่งมันก็หายวับไปทันทีที่ตกลงสู่พื้น อย่างไรก็ตาม หลังจากกระบี่หายไป กระบี่อีกจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นแทนที่และกระหน่ำโจมตีเป้าหมายต่อไป
“บัดซบ ! บัดซบจริง ๆ !”
สีหน้าของบุรุษลึกลับในตอนนี้บิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด เดิมทีเขามั่นใจว่ากระบี่เหล่านั้นจะทำอะไรตนไม่ได้ ทว่าเมื่อครู่กระบี่เล่มหนึ่งจ้วงแทงเขาสำเร็จจนเกิดบาดแผลบนไหล่ เห็นได้ชัดว่าพวกมันทะลวงผ่านการป้องกันของเขาได้อย่างง่ายดาย
พลังของเขาที่ปะทุออกไปสามารถทำลายกระบี่เหล่านั้นได้จริง ทว่าทันทีที่ถูกทำลาย กระบี่เหล่านั้นก็จะก่อตัวขึ้นมาใหม่ เพราะเหตุนั้น ไม่ว่าเขาจะทรงพลังเพียงใด ความพยายามเหล่านั้นก็ถือว่าไร้ประโยชน์
เขาทำได้เพียงใช้กระบองสีดำเหวี่ยงไปมาเพื่อปัดกระบี่เหล่านั้นออกจากตัว ทว่าเขาทราบดีว่ายิ่งเวลายืดเยื้อนานเพียงใด สถานการณ์ของตนก็จะยิ่งเลวร้ายลงมากเพียงนั้น
พลังมายาในร่างกายของเขามีขีดจำกัด ในขณะที่ข่ายอาคมโลหิตสังหารก็ได้รับการเติมเต็มพลังงานจากฉินอวี้โม่และมารยาอย่างต่อเนื่อง เว้นแต่ว่าจะฝ่าผ่านข่ายอาคมออกไปได้โดยเร็ว ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือการถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น
“เหอะ !”
ทันใดนั้น ฉินอวี้โม่แค่นเสียงเย็นชาและควบแน่นกระบี่ยาวขึ้นมาในมือ นางไม่คิดเสียเวลากับคู่ต่อสู้และตัดสินใจยุติการต่อสู้นี้โดยเร็ว
บุรุษชุดดำกำลังจดจ่อกับกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนตรงหน้า ทว่าจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรง เขาหันขวับไปด้านข้างทันทีและกระบี่ยาวของฉินอวี้โม่ที่ก่อตัวขึ้นเมื่อครู่ก็ฟาดฟันเข้าที่หัวไหล่ของเขาจนบาดเจ็บหนัก
สิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่านั้นคือกระบี่มากมายรอบตัวได้ถือโอกาสนี้โจมตีเข้าที่จุดอ่อนทั่วร่างของเขา หากรับกระบี่เหล่านี้เข้าไป แม้ไม่ถึงตาย เขาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
“มะ..ไม่ ไม่สู้แล้ว พอเถอะ ข้ายอมแพ้ ข้าจะบอกทุกอย่างที่พวกเจ้าอยากรู้”
เขารีบตะโกนออกไปทันทีและไม่ต้องการตายอยู่ที่นี่
ถึงอย่างไรผนึกที่นี่ก็เสียหายไปมากแล้วและการทำงานของหลุมดำมิติก็เป็นสิ่งที่มิอาจหยุดยั้งได้ ในเมื่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ต้องการทราบข้อมูล การยอมเปิดเผยข้อมูลบางส่วนก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่นัก ต่อให้ค้นพบวิธีการซ่อมแซมผนึก มันก็ไร้ประโยชน์
สำหรับหลุมดำมิติในปัจจุบัน ด้วยพลังของฉินอวี้โม่และจอมยุทธ์เหล่านี้ พวกนางไม่สามารถปิดผนึกมันได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
“กลับมา”
ฉินอวี้โม่โบกมือและข่ายอาคมโลหิตสังหารก็สลายไปก่อนผลึกหัวใจมายาจำนวนมากจะพุ่งกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว อันที่จริง ฝ่ายตรงข้ามเพียงต้องอดทนอีกสองก้านธูปเท่านั้นและข่ายอาคมโลหิตสังหารของนางก็จะสลายหายไปโดยอัตโนมัติเนื่องจากใช้ผลึกหัวใจมายาจนหมด
ข่ายอาคมโลหิตสังหารเป็นเครื่องจักรผลาญทรัพย์โดยแท้…