หลังจากใช้เวลาอยู่ใต้ดินพักใหญ่และยังไม่สามารถหาวิธีทำลายหลุมดำมิติได้ ทุกคนก็กลับออกไปอีกครั้ง
“หากมีคนตั้งใจจะทำลายดินแดนของเราจริง อีกฝ่ายจะต้องปรากฏตัวอีกครั้งแน่ ข้าคิดว่าเราควรกระจายข่าวออกไปว่าเรามีวิธีทำลายหลุมดำมิติแล้วและเฝ้ารอให้คนผู้นั้นปรากฏตัว”
ฉินอวี้โม่กล่าวเสนอวิธีการ
หากจงใจเผยแพร่ข่าวออกไปเช่นนั้น ผู้ที่ต้องการทำลายดินแดนมหาเทพจะต้องแตกตื่นจนอยู่ไม่ติดอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น หากพวกนางจับตัวคนผู้นั้นได้สำเร็จ พวกนางก็อาจจะบีบเคล้นวิธีทำลายหลุมดำมิติมาจากอีกฝ่ายก็เป็นได้
“เป็นความคิดที่ดี ถ้าเช่นนั้นก็จัดการตามนั้นเถอะ”
ทุกคนไม่คัดค้านและคิดว่าเป็นวิธีการที่ดีเช่นเดียวกัน หากมีคนที่จงใจสร้างความเสียหายต่อดินแดนมหาเทพจริง เมื่อได้ทราบว่ามีวิธีการจัดการกับหลุมดำมิติ พวกเขาเหล่านั้นจะอยู่ไม่ติดอย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น ตราบใดที่จับตัวไว้ได้ ฉินอวี้โม่และทุกคนก็อาจได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากคนผู้นั้น
“ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
หลงอวี้เทียนกล่าวพร้อมรอยยิ้มและแยกตัวออกไปเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับแผนการ พวกเขาไม่ต้องกังวลเลยว่าคนผู้นั้นอาจไม่ปักใจเชื่อ เพราะเพียงการกลับมาของฉินอวี้โม่ก็เป็นข้ออ้างที่น่าเชื่อถือเกินพอ
ในเมื่อคนผู้นั้นจับตาดูสถานการณ์ของที่นี่อยู่ เขาย่อมทราบเกี่ยวกับตัวตนของฉินอวี้โม่ หากกล่าวว่านางมีวิธีแก้ไขปัญหานี้ก็มิใช่เรื่องแปลกและเชื่อว่าคนผู้นั้นจะไม่สงสัยสิ่งใด ต่อให้นึกสงสัยหรือไม่แน่ใจ เขาก็คงไม่กล้าประมาทและจะมาที่นี่เพื่อสำรวจให้แน่ชัดด้วยตัวเองอย่างแน่นอน ตราบใดที่ดักรออยู่ในห้องใต้ดินของพระราชวังและจับตัวคนผู้นั้นทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นมา เรื่องนี้ก็จะถือว่าคลี่คลายไปได้ส่วนหนึ่ง
วันต่อมาหลังจากที่ฉินอวี้โม่กลับมาถึงเมืองราชวงศ์ ข่าวใหญ่ก็ได้แพร่ออกไปทั่วโดยกล่าวว่านางมั่นใจว่าจะสามารถสะสางวิกฤตของดินแดนมหาเทพได้
ผู้ที่ทำลายผนึกรอบหลุมดำมิติจะต้องแข็งแกร่งมากเป็นแน่และการจับตัวเขาก็คงมิใช่เรื่องง่าย เพราะเหตุนั้น ยอดฝีมือทรงพลังของดินแดนจำนวนมากจึงเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวของนางและเฝ้ารออยู่ในห้องใต้ดินซึ่งเป็นบริเวณที่หลุมดำถูกปิดผนึกไว้
ช่วงหลายวันแรกผ่านไปโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ราวกับว่าข้อสันนิษฐานของพวกเขาผิดไปและไม่มีใครที่จ้องจะทำลายผนึกของที่นี่
อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่รีบร้อนและเฝ้ารออย่างใจเย็น
อีกห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในวันนี้ก็ได้มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นนอกคฤหาสน์เฟิงหัว
จู่ ๆ ระลอกคลื่นก็ปรากฏขึ้นบนอากาศ จากนั้นในพื้นที่ที่เคยว่างเปล่าก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ร่างนั้นสวมอาภรณ์สีดำสนิททำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้าหรือลักษณะอื่น ๆ ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น เขาก็หันมองซ้ายมองขวาราวกับต้องการสำรวจให้แน่ใจว่าไม่มีใครอื่นอยู่ที่นี่ จากนั้นเขาก็เดินตรงเข้าไปหาหลุมดำมิติ
“ฮ่า ๆ ๆ จับโจรได้แล้ว”
ในขณะที่เสียงหัวเราะดังขึ้นมา ฉินอวี้โม่ก็ก้าวออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัว
“อยากเห็นนักว่าใครกันที่จงใจทำลายดินแดนมหาเทพของเรา ?!”
ทันทีที่ปรากฏตัว นางและคนอื่น ๆ ก็ปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างไม่รีรอ
“เหอะ ช่างไม่รู้จักประมาณตน !”
บุรุษภายใต้เสื้อคลุมสีดำไม่มีท่าทีกังวลใด ๆ เขาเพียงแค่นเสียงเย้ยหยันและปล่อยคลื่นพลังรุนแรงตรงเข้าใส่ฉินอวี้โม่และทุกคน
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เหาะหลบออกไปอย่างรวดเร็วส่งผลให้การโจมตีดังกล่าวกระทบลงบนพื้นดินจนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ เพียงเท่านี้ก็เห็นได้แล้วว่าบุรุษชุดดำมีพลังที่แกร่งกล้าเพียงใด
“เจ้าเป็นใครกันและการทำลายดินแดนมหาเทพของเราจะก่อให้เกิดผลประโยชน์อะไรต่อเจ้า ?!”
หลงอวี้เทียนมองอีกฝ่ายด้วยแววตาโกรธแค้นพลางปล่อยการโจมตีที่เกรี้ยวกราดเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม
“เหอะ ดินแดนมหาเทพของพวกเจ้าไม่ควรมีอยู่ตั้งแต่แรก เป็นเพียงเพราะเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดเท่านั้นที่ทำให้ดินแดนมหาเทพก่อกำเนิดขึ้นมาและดำรงอยู่มาได้ ตอนนี้ข้าเพียงจะส่งพวกเจ้ากลับไปยังที่ที่ควรอยู่ก็เท่านั้น !”
บุรุษชุดดำแค่นเสียงเย็นชาทว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมาทำให้หลงอวี้เทียนและทุกคนฉงนงุนงงไม่น้อย
“ในเมื่อมันเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้ดินแดนมหาเทพก่อกำเนิดขึ้นมา เช่นนั้นมันก็ถือเป็นสิ่งที่โชคชะตาฟ้าลิขิตไว้แล้ว เจ้ามีจุดประสงค์ใดกันจึงคิดทำลายดินแดนของเรา ?”
แม้จะเกิดความสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน หลงอวี้เทียนและทุกคนก็ไม่คล้อยตามไปกับวาจาของอีกฝ่าย พวกเขายังคงปล่อยการโจมตีต่อไปและต้องการควบคุมคู่ต่อสู้ให้ได้
“เห็นทีคงจะเป็นแผนการของพวกเจ้าที่หลอกล่อให้ข้าออกมาสินะ แท้ที่จริงแล้วพวกเจ้าไม่มีวิธีที่จะทำลายหลุมดำมิติได้เลย ฮ่า ๆ ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก เชิญรอให้ถึงวันสิ้นสลายของดินแดนมหาเทพได้เลย ! ลาก่อน !”
แม้บุรุษชุดดำจะทรงพลังอย่างยิ่ง เขาก็ไม่คิดที่จะต่อสู้พัวพันกับฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ นานเกินไป เขาจึงกล่าวทิ้งท้ายก่อนโบกมือและต้องการจะหนีออกไป
ทว่าหลังจากก้าวเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาก็พบว่าตนยังอยู่ที่เดิมและสีหน้าของเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย
“ฮ่า ๆ ๆ น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ ในบรรดาพวกเจ้ามีผู้ใช้ข่ายอาคมที่ทรงพลังอยู่ด้วยสินะ”
แทนที่จะโกรธเกรี้ยว เขากลับหัวเราะออกมาก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่ฉินอวี้โม่ ก่อนหน้านี้เขาได้สืบข้อมูลเกี่ยวกับนางมาแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าฝีมือการวางข่ายอาคมของนางจะอยู่ในระดับสูงถึงเพียงนี้ ต้องยอมรับเลยว่ามีผู้ใช้ข่ายอาคมเพียงน้อยคนที่จะกักขังเขาได้สำเร็จ
“ในเมื่อก่อนหน้านี้เจ้าทำให้ผนึกอ่อนแอได้ เจ้าก็คงจะทราบถึงวิธีซ่อมแซมมันเช่นกัน หรือบางที…เจ้าอาจจะรู้วิธีทำลายหลุมดำมิติก็เป็นได้”
ฉินอวี้โม่เดินตรงเข้าไปหาบุรุษชุดดำอย่างช้า ๆ พลังของบุรุษผู้นี้แกร่งกล้าอย่างมากและตัวนางเพียงคนเดียวมิใช่คู่มือของเขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีอสูรมายาจำนวนมากอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัว นางจึงไม่หวาดหวั่นต่ออีกฝ่ายเท่าใดนัก อสูรรวมร่างในปัจจุบันทรงพลังกว่าในอดีตมากนัก เพราะเหตุนั้น ชายลึกลับภายใต้เสื้อคลุมสีดำจึงมิใช่ปัญหาใหญ่สำหรับนาง
“ฮ่า ๆ ๆ หลุมดำมิติเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในจักรวาลนี้ ข้าจะรู้วิธีทำลายมันได้อย่างไร ? ส่วนการซ่อมแซมผนึก ข้าก็พอจะรู้ข้อมูลอยู่บ้าง ทว่าเหตุใดข้าจะต้องบอกพวกเจ้าด้วย ?”
บุรุษชุดดำหัวเราะเยาะขณะแผ่คลื่นพลังออกไปรอบตัวเพื่อพยายามทำลายข่ายอาคม
อย่างไรก็ตาม ข่ายอาคมลวงตาของฉินอวี้โม่ลึกลับยิ่งนัก แม้ใช้เวลาพักใหญ่ เขาก็ยังทำไม่สำเร็จ
“ไม่ว่าเจ้าจะอยากบอกหรือไม่อยากบอก มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า !”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยขณะโบกมือช้า ๆ อึดใจต่อมา อสูรมายาทั้งหมดก็ปรากฏกายขึ้นมา จากนั้นพวกมันก็ไม่ได้ลังเลแม้แต่น้อยและผสานรวมตัวกันเป็นอสูรยักษ์ผานกู่ในทันที
“การที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้ เขาคงจะอัปลักษณ์มากเป็นแน่”
เสียงของเสี่ยวเฮยดังขึ้นพร้อมกับขวานยักษ์ที่ฟาดฟันลงไปที่บุรุษชุดดำ
ตูมมม !
บุรุษลึกลับขัดขวางการโจมตีไว้ได้ทัน ทว่าแรงโจมตีนั้นทำให้ร่างของเขากระเด็นถอยหลังออกไปหลายก้าวก่อนจะกลับมาทรงตัวได้อีกครั้ง
“นี่มันพลังอะไรกัน ?”
เขาขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อยและสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะมีไพ่ตายที่ทรงพลังเช่นนี้
ในดินแดนมหาเทพ พลังของเขาถูกยับยั้งไว้มากและไม่สามารถปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาได้อย่างเต็มที่
เดิมที หากไม่มีอสูรยักษ์ผานกู่ตรงหน้า เขามั่นใจว่าจะเอาชนะฉินอวี้โม่และคณะได้ ต่อให้เอาชนะไม่ได้ การหลบหนีก็จะไม่เป็นปัญหาอย่างแน่นอน
แต่ทว่า ฉินอวี้โม่กลับกักขังเขาไว้ด้วยข่ายอาคมและตอนนี้ก็ยังมีอสูรยักษ์ผานกู่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อเขา เรียกได้ว่าตอนนี้เขาไม่มีโอกาสหลบหนีได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้คนเหล่านี้จะร่วมมือกัน การที่คิดจะทำร้ายให้เขาบาดเจ็บก็เป็นได้เพียงความฝันลม ๆ แล้ง ๆ เท่านั้น
ทันใดนั้น กระบองยาวสีดำก็ปรากฏในมือของเขาก่อนเหวี่ยงออกไปโจมตีอสูรยักษ์ผานกู่ พลังมหาศาลจากการโจมตีทำให้ผู้ที่อ่อนแอบางคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่…