เมืองราชวงศ์แห่งมณฑลกลางของดินแดนมหาเทพคือศูนย์รวมยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าของทั่วทั้งดินแดน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองราชวงศ์เด่นชัดจนบรรดายอดฝีมือในดินแดนรับรู้ได้ พวกเขาต่างก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติและรีบมุ่งหน้ามายังเมืองราชวงศ์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ให้แน่ชัด รวมถึงดูว่าจะสามารถช่วยอะไรได้หรือไม่
เยี่ยเฟิง ฉินอี้เฟย เสี่ยวโร่วและฉินเหยียนก็เดินทางจากโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มาถึงที่เมืองราชวงศ์โดยตรง
หลังจากที่ฉินอี้เฟยได้พบกับหลงอวี้เทียนและคนอื่น ๆ เขาก็ได้แนะนำเยี่ยเฟิงและฉินเหยียนให้อีกฝ่ายรู้จัก จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังพิกัดที่เกิดหลุมดำมิติด้วยกัน
หลุมดำมิติในตอนนี้ขยายใหญ่กว่าเดิมมากและกำลังดูดกลืนสภาวะพลังรอบบริเวณอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเยี่ยเฟิงและคนอื่น ๆ เข้าไปใกล้ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดอันน่าสะพรึงกลัวราวกับกำลังจะถูกดูดกลืนเข้าไปข้างใน
“ตอนนี้ผนึกที่วางไว้รอบหลุมดำมิติแทบจะไม่มีผลต่อมันนัก คาดว่าคงอีกไม่นานที่มันจะดูดกลืนสภาวะพลังได้มากพอ และเมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่ามันจะกลืนกินดินแดนมหาเทพของเราไปทั้งหมด”
เดิมทีพวกเขายังมีเวลาเหลืออีกหลายปีในการเตรียมตัวรับมือกับมัน ทว่าจากสถานการณ์ในตอนนี้ ผนึกที่คอยยับยั้งหลุมดำมิตินี้คงจะยื้อเวลาได้อีกไม่นานแล้ว
พวกเขาจะต้องหาทางทำลายหลุมดำมิตินี้ให้ได้โดยเร็วที่สุดเพื่อให้มั่นใจว่าดินแดนมหาเทพจะปลอดภัยและรอดพ้นจากวิกฤต
เยี่ยเฟิงก็พยายามใช้พลังของตนเองในการโจมตีหลุมดำมิติ แต่แล้วก็ต้องพบว่าหลุมดำมิติดูดกลืนพลังที่เขาปล่อยออกไปทั้งหมด การโจมตีเหล่านั้นกลายเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงหลุมดำประหลาดให้แข็งแกร่งมากขึ้น แม้พลังของเขาจะพัฒนาขึ้นมากหลังจากการสืบทอดพลังจากบรรพบุรุษของตระกูลเยี่ย ทว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่เขาจะสร้างความเสียหายต่อหลุมดำไม่ได้เท่านั้น ในทางตรงกันข้าม มันกลับช่วยให้หลุมดำมิติทรงพลังมากยิ่งขึ้น
“ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ หลังจากอวี้โม่ออกมาจากช่วงเก็บตัว เราอาจมีทางจัดการกับมัน”
ทุกคนถอยออกจากบริเวณหลุมดำมิติและกลับไปรอที่เมืองราชวงศ์
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และก็เป็นเพียงเมื่อครู่นี้เท่านั้นที่ฉินอี้เฟยสัมผัสได้ว่าอุปกรณ์สื่อสารของฉินอวี้โม่ถูกเปิดขึ้นมาอีกครั้งและคาดเดาได้ว่านางคงจะออกมาจากสภาวะเก็บตัวบ่มเพาะแล้ว เขาจึงเริ่มติดต่อหานางโดยตรงและติดต่อได้สำเร็จดังที่คาดหวังไว้
“ตอนนี้สถานการณ์ยังถือว่าคงที่ แม้ว่าหลุมดำมิติจะดูดซับสภาวะพลังเร็วขึ้นกว่าก่อนมาก ทว่าผนึกก็ยังต้านทานได้อีกระยะหนึ่ง”
ฉินอี้เฟยอธิบายอย่างคร่าว ๆ ก่อนกล่าวต่อ “อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป เจ้ามาที่เมืองราชวงศ์ก่อนเถอะ เราทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว”
ในเมื่อยังไม่มีสิ่งที่น่าเป็นห่วงในอนาคตอันใกล้ ฉินอวี้โม่จึงไม่จำเป็นต้องคิดมากจนเกินไปและสามารถคลายกังวลได้ชั่วคราว
ฉินอวี้โม่เข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างดี ทว่านางก็ยังคงเร่งความเร็วอย่างเต็มที่
นางใช้เวลาหนึ่งเดือนในการเดินทางจากโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปจนถึงเมืองราชวงศ์แห่งดินแดนมหาเทพและตรงเข้าไปในพระราชวังทันที
เวลานี้ หลงอวี้เทียนและคนอื่น ๆ ก็ได้รับข่าวกันแล้ว พวกเขาจึงพากันมารวมตัวในห้องโถงหลัก เมื่อฉินอวี้โม่ปรากฏตัว คนส่วนใหญ่ก็อดลุกขึ้นยืนด้วยความตกตะลึงไม่ได้
ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนทราบถึงความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เป็นอย่างดี ทว่าภายในเวลาเพียงหนึ่งปี พลังของนางกลับบรรลุไปถึงขอบเขตเทพสวรรค์ขั้นสูงสุดแล้วซึ่งเป็นการพัฒนาที่เหนือมนุษย์และน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
แม้ทราบว่านางมีเครื่องมือที่ทรงพลังในการช่วยบ่มเพาะอย่างคฤหาสน์เฟิงหัว แต่พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าฉินอวี้โม่จะสามารถพัฒนาไปได้ไกลเช่นนี้
“ขออภัยที่ทำให้ทุกท่านต้องรอนาน”
ฉินอวี้โม่กล่าวทักทายก่อนทุกคนจะนั่งลงตามเดิม
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ตอนนี้พวกท่านมีความคิดเห็นกันอย่างไรรึเจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่ประกบกำปั้นต่อหน้าทุกคน เวลานี้ ทุกคนที่มารวมตัวกันในเมืองราชวงศ์ล้วนเป็นยอดฝีมือและบุคคลสำคัญของดินแดนมหาเทพ แม้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบัน ยอดฝีมือเหล่านี้จะมิใช่คู่ต่อสู้ของนางแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม พวกเขาล้วนเป็นคนเฒ่าคนแก่ที่มากประสบการณ์และรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากกว่าจึงอาจจะมีมุมมองเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน
“บอกตามตรง เราจนปัญญากับเรื่องนี้จริง ๆ”
เหลยเจี้ยนเชิงกล่าวอย่างอับจนหนทาง ก่อนหน้านี้พวกเขาพยายามใช้วิธีการต่าง ๆ มากมาย ทว่าไม่มีวิธีใดที่จะสร้างผลกระทบต่อหลุมดำมิติได้เลย
หลุมดำมิติไม่ได้หวาดกลัวพลังของพวกเขาแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายมันยังดูกระตือรือร้นมากขึ้นตามความทรงพลังของการโจมตีที่ปล่อยออกไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากดูดกลืนพลังเหล่านั้นเข้าไป พลังของหลุมดำกลับพัฒนามากขึ้น
เพราะเหตุนั้น พวกเขาจึงมิกล้ากระทำสิ่งใดอีกต่อไปด้วยกังวลว่ามันจะนำไปสู่ผลที่ตรงกันข้ามและยิ่งทำให้หลุมดำมิติทำลายผนึกได้เร็วขึ้น
“อวี้โม่ หลุมดำมิติสามารถดูดซับการโจมตีของเราและแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังของมันเองได้ มันเป็นสิ่งที่แปลกพิลึกเหลือเกิน หากยังไม่สามารถวิเคราะห์และทำความเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ ข้าคิดว่าเราไม่ควรโจมตีมันอีก”
หลงอวี้เทียนกล่าวกับฉินอวี้โม่ซึ่งถือเป็นการอธิบายสถานการณ์ของหลุมดำมิติไปในเวลาเดียวกัน
ฉินอวี้โม่ทราบดีและไม่เคยคิดที่จะโจมตีหลุมดำมิติโดยตรง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะต้องแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นางจะทราบได้ก็ต่อเมื่อได้เห็นมันอีกครั้ง
หลังจากพักผ่อนในช่วงสั้น ๆ ฉินอวี้โม่ก็ตามหลงอวี้เทียนและคนอื่น ๆ ลงไปใต้ดินเพื่อไปตรวจดูหลุมดำมิติ
ณ ใต้ดิน ในจุดที่หลุมดำมิติถูกปิดผนึกไว้ เมื่อเห็นหลุมดำประหลาดที่มีความยาวประมาณสองจั้งและกว้างประมาณสองฉื่อตรงหน้า ฉินอวี้โม่ก็ขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม
ไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงที่ผ่านมาหลุมดำที่เดิมทีมีขนาดเพียงประมาณมนุษย์หนึ่งคนจะขยายใหญ่ขึ้นมากเช่นนี้ หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอีกไม่นานมันจะสามารถกลืนกินดินแดนมหาเทพได้ทั้งดินแดนจริง ๆ
ความเร็วในการดูดกลืนสภาวะพลังของหลุมดำก็รวดเร็วอย่างมาก ฉินอวี้โม่สัมผัสถึงพลังที่หลั่งไหลเข้าหามันได้อย่างชัดเจนและหลุมดำประหลาดก็ขยายใหญ่ขึ้นทีละน้อย ๆ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“เราสงสัยว่าอาจจะมีใครบางคนที่แอบทำบางอย่างกับผนึกที่วางไว้รอบหลุมดำมิติ เพียงแต่ยังไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ใดและยังไม่มีเบาะแสเช่นกัน”
หลงอวี้เทียนชี้ไปยังผนึกรอบ ๆ และรู้สึกได้ว่าผนึกเหล่านั้นอ่อนแอลง นอกจากนี้ พวกเขาก็ร่วมกันสืบหาเบาะแสตลอดช่วงที่ผ่านมา ทว่าไม่พบสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ มันจึงยังเป็นได้เพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น
ฉินอวี้โม่กวาดสายตามองผนึกรอบ ๆ และไม่รู้สึกสิ่งใด ราวกับว่าผนึกเหล่านี้ไม่ได้ถูกแตะต้องมาก่อน ทว่าหากไม่มีผู้ใดทำอะไรจริง หลุมดำมิติก็ไม่ควรจะขยายใหญ่ได้เร็วเช่นนี้
หลังจากสำรวจไปรอบ ๆ และเดินเข้าไปใกล้ จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกถึงคลื่นพลังประหลาด แม้ไม่ชัดเจนนัก นางก็รู้สึกได้
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยและรู้สึกรังเกียจในเวลาเดียวกัน
“มีคนอื่นมาที่นี่จริง”
นางมั่นใจแล้วว่าจะต้องมีใครแอบทำอะไรบางอย่างกับผนึกจริง ยิ่งไปกว่านั้น เส้นทางการเข้ามาที่นี่จากพระราชวังของหลงอวี้เทียนก็อาจจะมิใช่มีเพียงทางเดียวเท่านั้น
“คิดไว้ไม่มีผิด แต่เราไม่ทราบเลยว่าเป็นฝีมือของใคร แล้วคนผู้นั้นมีจุดประสงค์อย่างไรกันแน่ ?”
หลงอวี้เทียนขมวดคิ้วมุ่น แม้เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นต้องการทำลายดินแดนมหาเทพ เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าใครกันที่จะมีความคิดเช่นนั้น
หากเป็นคนของดินแดนมหาเทพ เหตุใดพวกเขาจึงต้องการทำลายดินแดนนี้ ? เพราะมันก็ไม่เป็นผลดีสำหรับพวกเขาเช่นกัน
“บางทีอาจจะมิใช่คนของดินแดนนี้”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็มีข้อสันนิษฐานในใจว่าผู้ที่ต้องการทำลายดินแดนมหาเทพอาจจะมิใช่คนของดินแดนนี้และการทำลายล้างดินแดนนี้จะเป็นผลดีสำหรับคนผู้นั้น บางทีมันอาจเป็นฝีมือของเฒ่าปีศาจบางคนที่มีชีวิตอยู่มานานนับหมื่นนับแสนปี มันถือว่ามีความเป็นไปได้เช่นกัน…