บทที่ 1177 ลำดับชั้นของเทพเจ้า

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,177 ลำดับชั้นของเทพเจ้า

กลุ่มพลเมืองนั้นจะมีระบบลำดับชั้นต่างออกไป เพราะสถานะของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับเทพเจ้าที่ตนเองเคารพบูชา

แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว กลุ่มพลเมืองจะเลือกเคารพบูชาเทพเจ้าจากบรรพบุรุษ ยากนักที่จะมีผู้ใดสามารถเลือกเคารพเทพเจ้าได้ด้วยตนเอง

แม้ว่าฐานะพลเมืองจะไม่ได้สูงส่งเทียบเท่ากับสถานะเทพเจ้า แต่อย่างน้อย สถานะของพวกเขาก็สูงส่งกว่าลำดับชั้นคนบาป

คนบาปคือสิ่งมีชีวิตที่มีลำดับชั้นต่ำต้อยมากที่สุดในดินแดนทวยเทพ และกลุ่มคนบาปยังถูกแบ่งแยกอีกเป็นสองลำดับชั้น ประกอบไปด้วย…

คนบาปกลุ่มแรกคือคนบาปโดยกำเนิด

คนบาปกลุ่มนี้จะสืบทอดสายเลือดคนบาปจากบิดามารดา โดยที่ตนเองไม่มีความผิด เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงต้องทำงานหนักทุกอย่าง เพื่อขอร้องอ้อนวอนให้เทพเจ้าช่วยล้างบาปให้แก่ตนเอง

มีตำนานเล่าขานกันว่าคนบาปโดยกำเนิดกลุ่มแรกเกิดขึ้นจากการทำสงครามที่ผิดพลาดจากอดีตอันไกลโพ้น…

ส่วนคนบาปกลุ่มที่สองคือคนบาปที่ทำผิดกฎหมาย

คนบาปกลุ่มนี้จะประพฤติตนละเมิดกฎเกณฑ์และเมินเฉยต่อกฎหมายศักดิ์สิทธิ์ บางครั้งคนบาปกลุ่มนี้ก็เคยมีสถานะเป็นถึงเทพเจ้า แต่ก็ถูกลดสถานะลงมาเป็นคนบาปเพื่อเป็นการลงโทษ

และที่สำคัญก็คือหากคนหนึ่งถูกลงโทษ สมาชิกคนอื่น ๆ ในตระกูลก็ต้องถูกลงโทษเช่นกัน

ดังนั้น เมื่อดูสภาพโดยรวมของสังคมแล้ว จึงถือว่าครอบครัวของฮันลั่วเซวี่ยยังคงมีสถานะความเป็นอยู่ที่ดีมาก อย่างน้อยพวกเขาก็เป็นพลเมืองที่ได้รับอนุญาตให้เปิดโรงเตี๊ยม เพื่อหาเลี้ยงชีพได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ถึงจะไม่รวย ไม่จน แต่ก็สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างภาคภูมิใจ

เมื่อรับทราบเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินจึงแน่ใจว่าไม่ใช่ทุกคนในดินแดนทวยเทพที่จะมีอายุขัยยืนยาว และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ครอบครองพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ

เพราะอายุขัยที่ยืนยาวและพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ เป็นสิทธิพิเศษของกลุ่มคนลำดับชั้นเทพเจ้าเท่านั้น

และบรรดาเทพเจ้าจะถ่ายทอดวิชาลับกันเพียงภายในตระกูล

อายุขัยของผู้คนชนชั้นพลเมืองแทบไม่ต่างไปจากอายุขัยของมนุษย์ในแผ่นดินตงเต้า เพียงแต่ว่าพวกเขามีร่างกายแข็งแรงกว่ามนุษย์ทั่วไป สามารถฝึกฝนวิทยายุทธ์จากคัมภีร์ต่าง ๆ ได้ แค่จะไม่มีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติเท่านั้น

ส่วนความแข็งแกร่งของกลุ่มคนบาปนั้นเป็นเรื่องที่ยากตัดสิน เพราะคนบาปบางคนก็มีอายุขัยยืนยาวและมีพลังพิเศษ แต่คนบาปบางคนก็อ่อนแอและมีอายุขัยไม่ต่างไปจากกลุ่มพลเมือง

ต้องใช้เวลาถึงห้าวันเต็ม ๆ กว่าที่หลินเป่ยเฉินจะเข้าใจโครงสร้างทั้งหมดของดินแดนทวยเทพโดยสมบูรณ์

และในระยะเวลาห้าวันนี้ หลินเป่ยเฉินก็พยายามใช้วีแชทติดต่อไปที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามตลอดเวลา แต่นางก็ไม่ตอบข้อความเขาเลยสักครั้ง

ยัยนั่นหายหัวไปอีกแล้ว?

หลินเป่ยเฉินรู้สึกโกรธจนอยากจะหยุมหัวใครสักคน

เขาเคยกลับไปที่ตรอกขี้หมูอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยพบเจอเทพีกระบี่หิมะไร้นามแม้แต่เงา

“ดูเหมือนเราคงต้องรอให้ครบกำหนดสิบวันก่อนสินะ ถึงจะได้เจอตัวเทพีกระบี่หิมะไร้นาม หวังว่ายัยนั่นคงทำตามคำพูดมารับเราตามสัญญาก็แล้วกัน”

หลินเป่ยเฉินอยากจะออกเดินทางสำรวจรอบเมือง แต่ในเวลานี้ ตัวเลือกที่ดีที่สุดของเขาคือการพักอยู่ในโรงเตี๊ยมถิงเซวี่ยต่อไปเท่านั้น รู้ตัวอีกที เขาก็กลายเป็นเด็กรับใช้ในโรงเตี๊ยมคนที่สองต่อจากหรานจื่อชุนไปเสียแล้ว

สำหรับครอบครัวของฮันหลี่ การที่หลินเป่ยเฉินเลือกพักอยู่ที่นี่ต่อไปกลับกลายเป็นผลดีต่อพวกเขาอย่างที่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน

เพราะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เมื่อเด็กหนุ่มมาช่วยยกอาหารในโรงเตี๊ยม กิจการของพวกเขาก็ขายดิบขายดีมากกว่าเดิมหลายเท่า

โดยเฉพาะในช่วงเย็น ลูกค้าที่เป็นสตรีจำนวนมากจะมาออกันอยู่ในโรงเตี๊ยมเพื่อสั่งอาหารและเครื่องดื่ม บางคนก็นั่งอยู่จนโรงเตี๊ยมใกล้ปิด เพียงเพื่อที่จะได้ยลโฉมหลินเป่ยเฉินเท่านั้น

บัดนี้ เด็กหนุ่มจึงถูกขนานนามให้เป็นหนึ่งในสิบบุรุษที่หล่อเหลาที่สุดประจำพื้นที่เขตตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเยี่ยเฉิงไปเรียบร้อยแล้ว

และเขาก็ทำให้กิจการของโรงเตี๊ยมถิงเซวี่ยคึกคักขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ดึกสงัด

หลินเป่ยเฉินนอนอยู่ในห้องพักหลังเล็กของตนเองหลังเดิม เขากำลังฝึกวิชาผ่านโทรศัพท์ในความเงียบงัน

หลายวันที่ผ่านมา นอกจากเปิดแอปพลิเคชันห้าธาตุหลอมวิญญาณแล้ว เขายังเปิดการทำงานของแอปพลิเคชันลมปราณนพเก้าและแอปพลิเคชันแผนภูมิจิตรจำแลงอีกด้วย เพราะพวกมันต่างก็เป็นวิชาที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของพลังจิตทั้งสิ้น

เหมาะสมกับสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ยิ่งนัก

ยิ่งพลังจิตแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น

ตอนที่ยังอยู่ในแผ่นดินตงเต้า หลินเป่ยเฉินไม่เคยเห็นความสำคัญของวิชาพลังจิตเหล่านี้ ต่อเมื่อได้มาอยู่บนดินแดนทวยเทพแล้วนั่นเอง เขาถึงได้พบว่าพวกมันสร้างผลลัพธ์ที่น่าตกตะลึง

เพียงหกเจ็ดวันเท่านั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองแข็งแรงมากขึ้นและระดับพลังของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

มันไม่เหมือนความแข็งแกร่งจากวิชาคัมภีร์กระบี่เร้นกายที่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ผ่านการถูกทุบตี แต่นี่เป็นความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นคล้ายกับเหล็กกล้าที่ออกมาจากเตาหลอม

และพลังจิตของหลินเป่ยเฉินก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน

ขณะนี้ เด็กหนุ่มเปิดแอปพลิเคชันทั้งสามตัวนั้นให้ทำงานโดยอัตโนมัติ ส่วนตนเองก็นอนอยู่บนเตียง คิดหาวิธีว่าพรุ่งนี้จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป

ระหว่างรับประทานอาหารค่ำ ฮันลั่วเซวี่ยบอกสิ่งที่พวกเขาต้องทำในวันพรุ่งนี้ออกมาแล้ว

เด็กสาวต้องใช้ความพยายามอย่างมากทีเดียวถึงจะได้ป้ายผ่านทางในวิหารประจำพื้นที่เขต 3 มาครอบครอง วันพรุ่งนี้ นางจะพาพวกเขาไปที่วิหารเทพพงไพรจุดที่ 98 เพื่อรับยารักษาโรคเรื้อรังของฮันหลี่กับภรรยา

หลินเป่ยเฉินได้รับทราบมาว่าฮันหลี่กับภรรยามีสุขภาพไม่แข็งแรงนักในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสทั้งสองท่านมีอาการนอนไม่หลับและมักจะไอตอนกลางคืน ในช่วงสองคืนแรกที่มีอาการ พวกเขาถึงกับไอออกมาเป็นเลือดด้วยซ้ำ และหลังจากนั้น บิดามารดาของฮันลั่วเซวี่ยก็จำเป็นต้องรับยาจากวิหารมารับประทานโดยตลอด

นอกจากนี้ ฮันลั่วเซวี่ยยังบอกว่าจะพาหลินเป่ยเฉินไปขึ้นทะเบียนพลเมือง เพื่อให้เขาได้เป็นผู้อยู่อาศัยในเมืองเยี่ยเฉิงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

“น่าสงสารนางจริง ๆ ที่ต้องมาช่วยเหลือเราแบบนี้”

หลินเป่ยเฉินนอนอยู่บนเตียง ใช้แขนช้อนเข้าไปรองหลังศีรษะของตนเอง เหม่อมองเพดานห้อง

วันพรุ่งนี้คงมีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นเกิดขึ้นมากมายนัก

วิหารเทพพงไพรจุดที่ 98 แห่งนี้น่าจะเป็นเพียงวิหารขนาดเล็ก แต่พวกเขาจะแข็งแกร่งมากพอที่จะตรวจจับการใช้งานวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณของเขาได้หรือไม่?

ต่อให้อันตราย แต่หลินเป่ยเฉินก็พร้อมที่จะลองเสี่ยงดู

เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หลินเป่ยเฉินก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาอีกครั้ง เปิดแอปไป่ตู้แมป และค้นหาเส้นทางกลับโลกมนุษย์ใบเก่า

เขาพิมพ์เข้าไปว่าดาวเคราะห์โลก

แอปไป่ตู้แมปเกิดข้อผิดพลาดและปิดการทำงานลงไปทันที

“ยังใช้ไม่ได้เหมือนเดิมอยู่ดี เฮ้อ”

เด็กหนุ่มถอนหายใจ

ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงไอดังออกมาจากอีกฝั่งหนึ่งของลานที่พัก แน่นอนว่านั่นต้องเป็นเสียงไอของฮันหลี่

คืนนี้ บิดาของฮันลั่วเซวี่ยไอหนักมากกว่าเดิมหลายเท่า