ภาค 10 ขี่วายุทะลายคลื่นหมื่นลี้ บทที่ 960 สายฟ้าอาทิตย์อำไพ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เยี่ยนจ้าวเกอจับผู้อาวุโสเขาสามขาไว้ในมือ ถามด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือเด็กกำพร้าจากตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนี ในเทือกเขาเสียงระรัวบนเขตตะวันอาคเนย์กระมัง”

อีกฝ่ายตอนนี้มีใบหน้าหมดอาลัยตายอยาก พยักหน้าอย่างชาชิน

“ที่ปล่อยเขา ก็เพื่อโลหิตอัสนีอันแสนพิเศษของเขาใช่หรือไม่” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ตามเหตุผลแล้ว อัจฉริยะที่โดดเด่นเช่นนี้ไม่ควรไร้ชื่อเสียงเลยถึงจะถูก”

ขุมกำลังของตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนี ไม่มีความจำเป็นต้องเก็บซ่อนคนมีความสามารถ เพื่อสั่นสะท้านผู้คนในคราวเดียว

การรีบสร้างรากฐาน สร้างชื่อเสียง หาพันธมิตร หรือหาที่พึ่ง จึงเป็นเรื่องที่พวกเขาสมควรกระทำ

ผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นั้นกล่าวอย่างไร้ชีวิตชีวาว่า “โจรน้อยผู้นี้ตอนนั้นซ่อนตัวอยู่ในอาคารด้านข้าง ทั้งยังมีค่ายกลผนึกไว้ กลายเป็นการกักขัง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราทำลายตระกูลเซี่ยจนย่อยยับ คงจะไม่พบเขาหรอก”

“หลังจากพบแล้ว ก็จับเขาไว้เลยหรือ” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “มิน่าเล่า พวกท่านอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับคุณสมบัติร่างกายอย่างโลหิตอัสนี คนที่มีความแค้นถูกล้างสำนักเช่นนี้ พวกท่านไม่มีทางรับเข้าสำนัก”

แต่ว่าสำหรับพวกท่านแล้ว สายฟ้าอาทิตย์อำไพน่าดึงดูดใจยิ่งนัก ข้ากล่าวถูกต้องหรือไม่”

ผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นี้มองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยความประหลาดใจยู่บ้าง “ท่าน…”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “ข้าอะไร?”

อีกฝ่ายได้สติ สีหน้ากลับเป็นซึมเซาอีกครั้ง ไม่กล่าววาจาอีก

สายฟ้าอาทิตย์อำไพ ถูกจัดอยู่ในอันดับที่แปดของสายฟ้าเซียนทั้งเก้า

เดิมทีสายฟ้าก็เป็นตัวตนที่มีความแข็งแกร่งสุดขีด และมีความเป็นหยางสุดขีด

สายฟ้าอาทิตย์อำไพเป็นจิตพลังแห่งหยางสุดขีด ที่เป็นหยางในหยาง ทวิลักษณ์ก่อเกิด หยินหยางผสมผสาน

สิ่งที่ตรงกันข้ามกับมันคือสายฟ้าจันทราอ้างว้าง ซึ่งถูกจัดอยู่ในอันดับเจ็ดของสายฟ้าเซียนทั้งเก้า บรรจุพลังแห่งหยินสุดขีดในสายฟ้าที่เป็นหยางสุดขีด น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่มีคำกล่าวว่า ผู้ที่ครอบครองโลหิตอัสนีจะบังคับสายฟ้าอาทิตย์อำไพได้อย่างง่ายดาย

นี่ไม่ใช่การคาดเดา แต่เป็นเรื่องที่ผ่านการทดลองจริงมาแล้ว

วรยุทธ์ของเขาสามขาไม่ได้ศึกษาวิชาสายฟ้า แต่ว่าให้ความสำคัญกับพลังหยางสุดขีด ร้อนสุดขีด และแกร่งสุดขีดในสายฟ้าอาทิตย์อำไพยิ่ง

สาเหตุที่ไว้ชีวิตเซี่ยกวง ก็เพื่อสิ่งนี้

ถึงแม้ว่าจะไม่มีร่องรอยของสายฟ้าอาทิตย์อำไพ แต่เตรียมตัวไว้ก่อนก็ไม่มีอะไรต้องห่วงไม่ใช่หรือ

ข่าวนี้ไม่ได้รับความสนใจมากนัก มีน้อยคนที่รู้ว่าในการสืบทอดของเขาสามขาเองก็ไม่มี เป็นเพราะว่ายอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเคยช่วยเสริมคัมภีร์อีกาทองผลาญฟ้าในอดีตผู้นั้นกล่าวถึงโดยไม่ได้ตั้งใจ ตั้งแต่นั้นทั่วทั้งเขาสามขาก็จดจำไว้มาโดยตลอด

ดังนั้นผู้อาวุโสเขาสามขาจึงประหลาดใจยิ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอรู้จักการดำรงอยู่ของสายฟ้าอาทิตย์อำไพ ไม่ถือว่าแปลกอะไรนัก

หากแต่ที่เขาทราบว่าสายฟ้าอาทิตย์อำไพเกี่ยวข้องกับโลหิตอัสนี นับว่าหายากเป็นอย่างยิ่ง

ดังนั้นผู้อาวุโสเขาสามขาผู้นี้จึงอดคาดเดาในใจไม่ได้ ว่เยี่ยนจ้าวเกอจะเกี่ยวข้องกับราชันพระอาทิตย์ในตำนานนั่นจริงๆ

เยี่ยนจ้าวเกอไม่นำพาความสงสัยของเขา สิ่งที่เขาสนใจก็คือ เขาสามขากลับรู้เรื่องนี้ดี

พวกเขาถึงแม้ว่าจะได้รับการสืบทอดก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่มา แต่ว่าคัมภีร์อีกาทองผลาญโลกที่บรมครูผู้ก่อตั้งสำนักของพวกเขาได้มาก็ไม่ใช่ของสมบูรณ์

ที่รู้ข่าวซึ่งไม่ได้รับความสนใจเช่นนี้ได้ สมควรมีคนอื่นบอก

ตอนนี้เยี่ยนจ้าวเกออดเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ต่อตัวตนที่อยู่เบื้องหลังเขาสามขาผู้นั้นมากกว่าเดิมไม่ได้

ขณะที่ครุ่นคิดอยู่ สายตาของเขาก็มองไปยังเซี่ยกวงที่อยู่บนพื้น

“คุณชาย ตอนนี้พวกเราจะลงไปหรือไม่” อาหู่ถามอย่างสงสัย

เยี่ยนจ้าวเกอส่ายศีรษะ มองเซี่ยกวงด้วยนความสนอกสนใจ “ไม่ต้องรีบร้อน ลองดูก่อนว่าต่อจากนี้เขาเตรียมจะทำอะไร”

เขาเห็นเซี่ยกวงฉีกชายเสื้อของตัวเอง นำมามัดปากแผลของตัวเองง่ายๆ จากนั้นก็ทรุดนั่งลว โคจรพลังปรับลมหายใจ

‘อาหารบาดเจ็บสาหัสมาก อาการบาดเจ็บภายนอกว่าหนักแล้ว อาการบาดเจ็บภายในยังหนักกว่า’ หลังจากโคจรพลังแล้ว เซี่ยกวงก็รู้สึกกังวล

ส่วนที่บาดเจ็บที่สุดของอาการบาดเจ็บภายนอก ย่อมเป็นตาขวาของเจา ซึ่งตอนนี้พิการ สูญเสียประกายไปแล้ว

หลังจากนี้ เขาได้แต่เป็นมังกรตาเดียว เท่านั้น

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของเซี่ยกวงก็บังเกิดโทสะขึ้นอีก อยากจะสังหารเขาสามขา จัดการคู่แค้นให้หมดสิ้นในทันที

เทียบกับการต้องเสียดวงตาแล้ว อาการบาดเจ็บภายในของเขาหนักกว่า เป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสเขาสามขาคนเมื่อครู่ทิ้งไว้

เดิมทีการกระตุ้นพิธีอัสนีโลหิตเดิมทีก็ต้องใช้ปราณกำเนิดของตัวเอง เขายังใช้ชีวิตเสี่ยงชีวิต เพียงโจมตีโดยไม่สนใจตัวเองโดยสิ้นเชิง อาการบาดเจ็บย่อมสาหัส

ดังนั้นเมื่อเขาที่ในเวลานี้กำลังอ่อนแรงคิกขยับร่างหาย ทั่วร่างของเขาก็รู้สึกเจ็บปวด ไร้เรี่ยวแรงทันที

‘รักษาอาการบาดเจ็บก่อน ตอนนี้ข้าผลาญปราณกำเนิดไป ร่างกายจึงอ่อนแอ ถ้าหากไม่รักษาอาการบาดเจ็บให้เร็วที่สุด เกรงว่าจะกระทบถึงรากฐาน อย่าว่าแต่เพิ่มระดับ อาจจะตกไปอยู่ในระดับมหาปรมาจารย์ด้วยซ้ำ’

เซี่ยกวงไม่ใช่คนที่ถนัดในการวางแผนระยะยาวนัก เขาเพียงกำหนดเส้นทางที่ตัวเองจะเดินต่อจากนี้อย่างคร่าวๆ เท่านั้น

หาวิธีรักษาบาดแผลก่อน ต่อจากนั้นค่อยตามหาพี่ใหญ่กับพี่หญิงใหญ่ ที่ออกเดินทางในตอนที่ตระกูลถูกทำลาย พวกเขาทั้งสองคนเป็นญาติที่เหลืออยู่ของตน จากนั้นก็ค่อยหาวิธีแก้แค้นให้คนในตระกูล

พอคิดถึงครอบครัวที่ตายไป เซี่ยกวงก็อดปวดใจไม่ได้

เขาครอบครองโลหิตอัสนี พรสวรรค์และสติปัญญาในด้านวรยุทธ์ล้วนโดดเด่นเหนือใคร

ตระกูลฝากความหวังไว้กับตัวเขาตั้งแต่ต้น ถึงขั้นที่ไม่คิดให้เขารับสืบทอดวรยุทธ์ของสำนัก แต่หาวิธีกราบเข้าสำนักใหญ่สำนักหนึ่งแทน

ในตอนนั้น ตระกูลเซี่ยแห่งยอดเขาสดับอัสนีได้พึ่งพาขุมกำลังใหญ่กลุ่มหนึ่งในเทือกเขาเสียงระรัว ขอให้พวกเขาเป็นที่พึ่ง

น่าเสียดายที่เซี่ยกวงมีนิสัยดุร้ายคลุ้มคลั่ง ยังไม่ทันเข้าสำนักก็ก่อปัญหา ดังนั้นเรื่องราวนี้จึงมีอันต้องพับไป

ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ตระกูลเซี่ยยังได้ประกาศว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว

อัจฉริยะสะท้านโลกคนหนึ่งยังไม่ทันได้ฉายแสง ก็หายไปจากสายตาของโลกภายนอก

ตั้งแต่นั้นเซี่ยกวงก็ยากจะได้ออกจากตระกูล อยู่แต่ในบ้าน ถูกควบคุมตัวไว้

ก่อนหน้านี้มีบางครั้งที่เซี่ยกวงไม่พอใจ แต่พอหวนคิดใคร่ครวญดูให้ดี กลับรู้สึกว่าตระกูลกำลังปกป้องตนอยู่

การจ้ำจี้จ้ำไชของมารดาและความเข้มงวดของบิดา ตอนนี้ถึงกับกลายเป็นภาพประทับอยู่ก้นบึ้งหัวใจ เมื่อใดที่คิดถึง น้ำตาก็จะไหลรินออกมา

“ร้องไห้อะไร! ร้องไห้มีประโยชน์อะไร!” หลั่งน้ำตาไปได้สักพัก เซี่ยกวงก็ตบหน้าตัวเองติดต่อกัน “ร้องไห้แล้วแก้แค้นให้ทุกคนได้หรือ”

เขาเช็ดหน้า ปลุกปลอบจิตใจ ฝืนลุกขึ้นยืน

‘ตอนนี้ข้าอยู่ที่ไหนกันแน่’ เซี่ยกวงมองรอบๆ อย่างสับสน

สุดท้ายเขาก็เลือกทิศทางหนึ่ง แล้วมุ่งหน้าไป ตามหาที่ที่มีผู้คน

ในตอนที่รู้ว่าอยู่ในเขตเพลิงทักษิณ เซี่ยกวงก็อดนิ่งอึ้งไปไม่ได้

เขาครุ่นคิดเล็กน้อย คิดถึงเรื่องรักษาอาการบาดเจ็บของตัวเองก่อน

ด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้ของเขา ไม่ใช่แค่หาผู้รักษาแล้วจะหายได้ ทว่ามีแต่ต้องเป็นจอมยุทธ์เหมือนกัน และเชี่ยวชาญการหลอมโอสถเท่านั้น ถึงจะค่อยคิดหาวิธีได้

เซี่ยกวงแม้นว่าจะได้รับสืบทอดความรู้จากวงศ์ตระกูล อีกทั้งยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีความรู้เกี่ยวกับวิชาหลอมโอสถน้อยยิ่ง

มีคำโบราณกล่าวว่าการแพทย์และการยุทธ์แยกกันไม่ได้ ยิ่งเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งเท่าไร ก็ยิ่งต้องเข้าใจร่างกายคนอย่างละเอียดเท่านั้น

ทว่าอย่างไรเสียศาสตร์ทั้งสองก็แตกต่างกันมาก

มิพักเอ่ยว่าเซี่ยกวงไม่มีเตาโอสถ ต่อให้มี และต่อให้เขาพอจะลองหลอมโอสถทั่วไปได้จำนวนหนึ่ง ทว่าหากจะให้หลอมโอสถที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บที่สาหัสในตอนนี้ของตนเอง เขากลับทำไม่ได้

ไม่รู้ควรบอกว่าเขาโชคดีหรือไม่ เพราะด้านในเทือกเขายาวเหยียดของเขตเพลิงทักษิณ ไม่ไกลจากบริเวณที่เขาอยู่เท่าใดนัก มีสำนักวรยุทธ์อยู่สำนักหนึ่ง ชื่อหอธารกระจ่าง

ระดับวรยุทธ์ของผู้คุมหอในเทือกเขายาวเหยียดแห่งนี้ไม่นับว่าโดดเด่นเท่าใดนัก แต่วิชาหลอมโอสถกลับไม่ธรรมดา

ฟังว่าหอธารกระจ่างมีโอสถวิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บชื่อโอสถประทีปวิสุทธิ์ มีสรรพคุณในการรักษาเลือดลมและอาการบาดเจ็บภายใน

หลังจากเซี่ยกวงถามทางจนแจ้งแก่ใจ เขาก็มุ่งหน้าไปยังหอธารกระจ่าง เพื่อขอโอสถที่ว่าทันที