โอสถกร่อนวิญญาณเป็นโอสถระดับสูง ซึ่งการหลอมมันจะต้องใช้วัตถุดิบหายากหลายสิบชนิด และยังมีอีกหลายชนิดที่ไม่สามารถพบได้ในดินแดนมหาเทพด้วยซ้ำ
“ข้ามีสมุนไพรทั่วไปบางอย่างในรายการนี้ แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
ฉินอี้เฟยหยิบวัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถจำนวนหนึ่งออกมาจากแหวนมิติซึ่งเป็นสมุนไพรหลายสิบชนิดที่สามารถขายได้ในราคาสูงภายในโรงประมูลทุกแห่ง เขาใช้เวลาสั่งสมพวกมันมานานหลายปีในระหว่างที่ออกหาประสบการณ์และสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวัตถุดิบหายากทั้งสิ้น
“ข้ามีเพียงเท่านี้”
แม้ได้ชื่อว่าล้ำค่าเพียงใด เขาก็ไม่สนใจสมุนไพรเหล่านี้แม้แต่น้อย ในฐานะผู้หลอมโอสถระดับเทวะ ฉินอี้เฟยไม่เคยขาดแคลนทรัพย์สินหรือสมุนไพรใด ๆ ตราบใดที่เขาเอ่ยปาก เกรงว่าคงมีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่นำวัตถุดิบที่เขาต้องการมาประเคนเป็นแถวยาวออกไปรอบเมืองราชวงศ์
“ลองถามคนอื่น ๆ กันเถอะ”
ในเมื่อทราบสูตรสำหรับการหลอมโอสถกร่อนวิญญาณแล้ว มันก็ถึงเวลาที่จะต้องรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมด
ฉินอวี้โม่เรียกพบทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ในเมืองราชวงศ์เพื่อสอบถามและได้วัตถุดิบเพิ่มมาอีกมากกว่าครึ่ง
“ตอนนี้ยังเหลือสมุนไพรอีกสิบชนิดซึ่งล้วนหายากอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นหญ้าไร้รากนั่น ข้าไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อนด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นการรวบรวมวัตถุดิบให้ครบคงจะไม่ง่ายแน่”
เหลยเจี้ยนเชิงอ่านรายการวัตถุดิบอีกสิบชนิดที่เหลือและขมวดคิ้วมุ่น
ไม่ว่าจะเป็นหญ้าไร้ราก ผลอเวจี บุปผาอาลัยโลก…ทุกอย่างล้วนเป็นสมุนไพรที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการรวบรวมพวกมันมา
วัตถุดิบอีกสิบชนิดที่เหลือล้วนเป็นสมุนไพรหายากซึ่งพวกเขาทุกคนไม่มีอยู่ในการครอบครอง
“โม่ฉือจะส่งคนมาที่นี่พร้อมกับวัตถุดิบบางชิ้น เมื่อได้วัตถุดิบเหล่านั้นมา เราจะแยกย้ายกันไปตามหาส่วนที่เหลือและดูว่าจะรวบรวมได้มากเพียงใด”
ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งและตัดสินใจได้ทันที
เนื่องจากยังไม่ทราบว่าสมุนไพรที่หานโม่ฉือส่งมาคือชนิดใด พวกนางจึงต้องรอให้คนผู้นั้นมาถึงก่อนจึงจะออกไปตามหาส่วนที่เหลือได้
เวลาสองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดตัวแทนผู้ส่งสมุนไพรก็มาถึงพระราชวัง อย่างไรก็ตาม คนผู้นั้นกลับเป็นคนที่ฉินอวี้โม่ไม่คาดคิดมาก่อน
ผู้ที่นำสมุนไพรมาส่งให้กับนางก็คืออสูรคู่กายของหานโม่ฉือ—กิเลนอัคคีนั่นเอง
“นายหญิง สมุนไพรของท่าน”
กิเลนอัคคีแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นทันทีที่ได้พบกับฉินอวี้โม่ มันหยิบสมุนไพรจำนวนหนึ่งออกมาและยื่นให้กับนางอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณมาก เจ้าคงจะเหนื่อยไม่น้อย”
ฉินอวี้โม่รับสมุนไพรและมอบให้กับฉินอี้เฟยทันทีก่อนกล่าว “เหตุใดเจ้าจึงมาด้วยตัวเองล่ะ เจ้านายของเจ้าจะไม่เป็นอะไรหรือ ?”
นางคาดเดาความคิดของหานโม่ฉือได้ไม่ยาก การที่เขาส่งกิเลนอัคคีมาที่นี่ด้วยตัวเองก็เพราะต้องการให้นางวางใจ
หานโม่ฉืออาศัยอยู่ในโลกปีศาจ ต่อให้เผชิญภยันตราย มันก็จะไม่ร้ายแรงจนเกินไป ระหว่างนี้ เขาต้องการให้ฉินอวี้โม่วางใจและพัฒนาพลังความแข็งแกร่งด้วยจิตใจที่สงบโดยไม่ต้องกังวลเรื่องของตน
เป็นจริงดังนั้น คำตอบของกิเลนอัคคีเหมือนสิ่งที่นางคิดไว้ หานโม่ฉือต้องการให้นางคลายกังวล ยิ่งไปกว่านั้น การที่กิเลนมาที่นี่ด้วยตัวเองก็ทำให้หานโม่ฉือวางใจเช่นกัน ถึงอย่างไรคนในโลกปีศาจก็ไม่รู้จักคุ้นเคยกับฉินอวี้โม่ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อนางหรือช่วยอะไรนาง การใช้คนเหล่านั้นย่อมไม่สะดวกเท่ากับกิเลนอัคคี
“นายหญิงไม่ต้องกังวล แม้คนที่โลกปีศาจจะแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัว แต่นายท่านของข้าก็มิใช่คนที่จะถูกใครเล่นงานได้ง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ที่เราประจำอยู่ตอนนี้ก็เป็นจุดที่ตั้งแนวป้องกันได้ง่ายและเป็นเรื่องยากที่คนพวกนั้นจะโจมตีได้”
กิเลนอัคคีกล่าวยืนยันกับฉินอวี้โม่อีกครั้งเพื่อมิให้นางกังวลใจ
ในตอนนั้นเองที่ฉินอวี้โม่เริ่มคลายกังวล สำหรับตอนนี้ นางไม่ควรคิดเกี่ยวกับเรื่องของโลกปีศาจมากจนเกินไป
“หากเรียบร้อยแล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
กิเลนอัคคีกล่าวทิ้งท้ายก่อนจากไป แม้สถานที่ที่ประจำอยู่ในโลกปีศาจจะปลอดภัยในช่วงนี้ มันก็ต้องรีบเดินทางกลับไปช่วยหานโม่ฉือโดยเร็วที่สุด ถึงอย่างไรหากฝ่ายตรงข้ามเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาและตัดสินใจโจมตี มันก็ยังต้องอยู่ช่วยผู้เป็นนาย
หลังจากกิเลนอัคคีกลับไป ฉินอี้เฟยก็ตรวจดูสมุนไพรในแหวนมิติก่อนพบว่าหานโม่ฉือส่งสมุนไพรมาเจ็ดชนิดด้วยกันและทั้งหมดล้วนเป็นสมุนไพรที่พวกเขายังไม่มี
แม้แต่หญ้าไร้ราก ผลอเวจีและบุปผาอาลัยโลกที่ทุกคนไม่เคยได้ยินชื่อ พวกมันก็ถูกส่งมาเช่นกัน
นั่นหมายความว่าวัตถุดิบสำหรับการหลอมโอสถกร่อนวิญญาณยังขาดเพียงสามชนิดเท่านั้น
“บุปผาฝันร้าย…เหตุใดจึงฟังคุ้นหูนักนะ…”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว หมิงจื้อเหยี่ยนพึมพำชื่อของบุปผาฝันร้ายซ้ำไปซ้ำมาเป็นเวลานาน
“จริงสิ…ข้าจำได้ว่ามีบุปผาฝันร้ายอยู่ที่ฐานทัพของตระกูลหมิง”
หลังจากใคร่ครวญพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็นึกออกว่าเหตุใดชื่อดังกล่าวจึงฟังดูคุ้นหูนัก หากหมิงจื้อเหยี่ยนจำไม่ผิด ในดินแดนต้องห้ามของตระกูลหมิงมีบุปผาฝันร้ายอยู่และมันเป็นสิ่งที่ผู้นำตระกูลคนก่อนเก็บได้มาโดยบังเอิญ เนื่องจากไม่ทราบว่ามันมีสรรพคุณอย่างไร เขาจึงปลูกมันทิ้งไว้ในดินแดนต้องห้ามของตระกูลหมิงโดยที่ไม่เคยแตะต้อง
“ถ้าเช่นนั้นก็เดินทางไปเอาบุปผาฝันร้ายมาเถอะ”
ฉินอวี้โม่ไม่สงสัยในวาจาของหมิงจื้อเหยี่ยนแม้แต่น้อย ถึงอย่างไรนางก็สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดายเพียงการขยับมือ เขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องโกหก
“ให้เยี่ยเฟิงไปกับข้าเถอะ”
หมิงจื้อเหยี่ยนไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกไป ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเขา ตระกูลหมิงคงจะไม่ไว้วางใจนัก หากมีเยี่ยเฟิงไปด้วย มันคงจะง่ายดายกว่ามาก
“ตกลง”
ฉินอวี้โม่ไม่ลังเลและพยักศีรษะตกลงทันที
หลังจากชี้แจงเรื่องนี้กับเยี่ยเฟิง คนทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังโลกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกนางก็ยังขาดวัตถุดิบอีกเพียงสองชนิดเท่านั้น
นั่นก็คือหญ้าเทียนหมาและหล่อฮั้งก้วย
ฉินอี้เฟยอธิบายให้ทุกคนทราบถึงลักษณะรูปร่างโดยประมาณของสมุนไพรทั้งสองชนิดและบอกให้ทุกคนจดจำมันไว้
“ส่งทุกคนออกไปตามหาสมุนไพรทั้งสองชนิดและต้องตามหาให้พบโดยเร็วที่สุด หากมีข่าวสารใดก็ให้รีบแจ้งพวกเราทันที”
ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว ดินแดนมหาเทพกว้างใหญ่ยิ่งนักและยังมีอีกหลายแห่งที่พวกนางไม่เคยไปเยือน แม้ไม่เคยได้ยินชื่อสมุนไพรทั้งสองชนิด นางก็มั่นใจว่าจะต้องมีคนที่ทราบเกี่ยวกับมันอย่างแน่นอน ด้วยการกระจายข่าวออกไปเช่นนี้ ความเร็วในการตามหาจะเพิ่มขึ้นมาก
“ตระกูลหลานของพวกเราจะรับหน้าที่นี้เอง”
ในฐานะเจ้าของธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนและมีเครือข่ายกว้างขวาง ตระกูลหลานย่อมมีอิทธิพลพอที่จะทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จได้ การมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับพวกเขาถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ทุกคนไม่คัดค้านสิ่งใดและหลานเผิงเดินทางกลับไปที่จวนตระกูลหลานเพื่อดำเนินการเรื่องนี้ทันที
คนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันกลับไปที่ขุมกำลังของตนเช่นกัน แม้ตระกูลหลานจะรับหน้าที่นี้ไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางอยู่เฉยได้ ถึงอย่างไรการสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมก็มิใช่เรื่องเสียหาย
ฉินอวี้โม่ ฉินอี้เฟย เหลยเจี้ยนเชิงและอีกหลายคนยังอยู่ในเมืองราชวงศ์ต่อไป แม้ทราบว่าคนจากต่างแดนจะไม่บุกเข้ามาสร้างปัญหาในช่วงนี้ ทว่าพวกนางก็ไม่สามารถรับประกันเรื่องนี้ได้ ทางที่ดีที่สุดก็คือการเลือกดูแลความปลอดภัยไว้ก่อน หากมีคนบุกเข้ามาอีกครั้ง ด้วยความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่และคนเหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดพวกนางก็มีพลังมากพอที่จะต่อสู้กับอีกฝ่ายได้
อีกสองเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลานี้ หลุมดำมิติกลายเป็นรอยแยกที่มีความยาวสามจั้งและกว้างหนึ่งจั้งแล้วซึ่งเป็นขนาดที่น่ากลัวยิ่งนัก
กระแสของสภาวะพลังปริมาณมหาศาลหลั่งไหลเข้าไปในรอยแยกดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและทำให้สถานการณ์ของดินแดนมหาเทพตกอยู่ในสภาวะล่อแหลมมากขึ้นเรื่อย ๆ
เยี่ยเฟิงและหมิงจื้อเหยี่ยนเป็นกลุ่มแรกที่เดินทางกลับมาพร้อมกับบุปผาฝันร้าย และมันอยู่ในดินแดนต้องห้ามของตระกูลหมิงดังที่คิดไว้
ในวันนี้ ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็เดินลงไปสำรวจรอยแยกอีกครั้งพร้อมกันนั้นหลานเผิงก็ปรี่เข้ามา
“พี่อวี้โม่ ข้าได้ข่าวเกี่ยวกับสมุนไพรอีกสองชนิดแล้ว !”