ตอนที่ 2506

War sovereign Soaring The Heavens

WSSTH ตอนที่ 2,506 : ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายสำนักเทียนซือ จางฉู่เหอ!

 

 

วูบ

 

เมื่อเสียงเยียบเย็นเปี่ยมโทสะดังมาถึงหูจางยี่ สีหน้าจางยี่ก็เปลี่ยนไปทันที!

 

ด้านต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวเพียงหันไปมองต้นเสียงด้วยความสนใจเท่านั้น

 

และขอบไฟไกลตา พลันปรากฏร่างชายชราคนหนึ่งกำลังเหินพุ่งมาด้วยความเร็วสูง

 

ไม่นานร่างชายชราที่ว่าก็ลุมาถึงบริเวณใกล้ๆกลุ่มต้วนหลิงเทียน ทำให้ทุกคนแลเห็นรูปลักษณ์ของมันชัดเจน ยังทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความรู้สึกคุ้นๆขึ้นมาพิกล

 

‘ชายแก่คนนี้ใครกัน…ไฉนหน้ามันดูคุ้นๆตา?’

 

ได้เห็นเค้าโครงรูปหน้าอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย ราวกับเคยพบคนที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันมาก่อน

 

นอกจากนี้เขายังพบว่า

 

ถึงแม้ว่าชายชราจะเรียกหาจางยี่ แต่แปลกนักที่สายตาของมันกลับมองจ้องมาที่เขาเขม็ง! แถมในแววตายังเปี่ยมไปด้วยโทสะและเจตนาฆ่าฟันล้นปรี่ ราวกับทนรอสับร่างเขาให้เป็นชิ้นๆไม่ไหว!!

 

‘มัน…ไฉนดูแค้นข้าราวข้าไปถล่มมารดามันมา?’

 

เห็นดังกล่าวต้วนหลิงเทียนอดสะดุ้งไปไม่ได้

 

เพราะถึงแม้เขาจะรู้สึกคุ้นๆหน้าชายชรา แต่เขาจำไม่ได้เลยว่าเคยเห็นอีกฝ่ายมาก่อน…

 

“ผู้พิทักษ์ซ้าย!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังสงสัยว่าไฉนชายชราเบื้องหน้าถึงแลดูเคียดแค้นเขานัก จางยี่ที่ลอยอยู่ข้างๆก็โพล่งคำทักชายชราออกมาด้วยความตกใจ!

 

ผู้พิทักษ์ซ้าย?

 

ได้ยินคำของจางยี่ คิ้วต้วนหลิงเทียนเลิกขึ้นทันที ‘มันนี่เอง’

 

พอได้ยินคำที่จางยยี่ทักชายชรา เขาก็ระบุตัวตนผู้มาใหม่ได้ทันที…

 

ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของสำนักเทียนซือ จางฉู่เหอ!

 

‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนข้ารู้สึกว่าหน้ามันคุ้นๆ ที่แท้ก็เป็นปู่ของจางอวิ๋นเฟยนี่เอง…’

 

ตอนนั้นหลังเข่นฆ่าศิษย์สำนักเทียนซืออย่างจางอวิ๋นเฟยไปในมรดกสถานของเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องราวจากจางยี่

 

จางอวิ๋นเฟยนั้น ยังมีปู่อยู่ในสำนักเทียนซือ และยังมีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์

 

พลังฝีมือของมันเรียกว่าทัดเทียมกับตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 ทัณฑ์อีก 2 คนในสำนักเทียนซือ และเป็นรองก็แต่ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเทียนซือที่เป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์…

 

เสวียนอวิ๋นเจินเหริน!

 

‘แต่ว่าก็ว่าเถอะ จางฉู่เหอกับจางอวิ๋นเฟยช่างมีเค้าโครงใบหน้าเหมือนกันจริงๆ’

 

เมื่อได้ล่วงรู้ตัวตนของชายชราผู้มาใหม่ว่ามันคือ ‘จางฉู่เหอ’ ปู่ของจางอวิ๋นเฟย ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ายด้วยความสนใจ

 

ทว่าแต่ต้นจนจบการปรากฏตัวของจางฉู่เหอ ไม่ได้ทำให้เขาหวั่นเกรงแม้แต่นิดเดียว

 

เป็นเรื่องธรรมดา…

 

เพราะตอนนี้จะอย่างไรต้วนหลิงเทียนก็แข็งแกร่งทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ไหนเลยจะเห็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์คนหนึ่งเป็นภัยคุกคามได้?

 

“จางยี่ เจ้าช่างกระทำได้งามหน้านัก! ถึงขั้นกล้าร่วมมือกับคนนอกเข่นฆ่าคนในสำนักเดียวกัน…วันนี้ข้าจะประหารเจ้าตามกฏสำนักเทียนซือ!!”

 

จางฉู่เหอเหินร่างผ่านอากาศมาไม่รีบไม่ร้อนด้วยสภาวะแกร่งกร้าว สองตาเยียบเย็นมองจ้องจางยี่อย่างอำมหิต

 

วาจาของมันฟังแล้วให้ความรู้สึกไม่ต่างใดจากเสียงเคียวยมทูตกำลังฟันฟาดเข้ามา เห็นชัดว่ามันคิดเข่นฆ่าจางยี่ให้ตาย!

 

วูบ

 

หน้าจางยี่เปลี่ยนสีไปทันที

 

จางฉู่เหอแม้แลคล้ายมันจะค่อยๆเหินข้ามฟ้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ทว่าจางยี่ที่ถูกเพ่งเล็งกลับสัมผัสได้ว่าความว่างเปล่ารอบกายได้ถูกพลังไร้สภาพขุมหนึ่งสะกดกักเอาไว้ ยากที่มันจะขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆได้!

 

“หึ!”

 

และแทบจะเป็นในเวลาเดียวกันกับที่จางฉู่เหอแผ่พลังมาสะกดร่างจางยี่และเหินร่างเข้าไปหมายจัดการจางยี่ ต้วนหลิงเทียนที่ตระหนักเรื่องราวได้แต่แรก พลันแค่นเสียงพ่นลมสบถออกไปคำหนึ่ง!

 

ครู่ต่อมา

 

“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”

 

ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกินทันที สูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบด้วยความเร็วอัศจรรย์ พริบตาระดับพลังก็เพิ่มพูนขึ้นไป 2 ขีดขั้น!

 

“ค่ายกลกระบี่!”

 

ต่อมากระบี่เซียนอมตะพลันผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า ก่อนที่จะเริ่มเปล่งรังสีกระบี่ออกมาเล่มแล้วเล่มเล่า ม้วนวนห้อมล้อมอยู่รอบกายต้วนหลิงเทียน!

 

พริบตาต่อมาแสงสว่างพลันเจิดจ้าออกมาจากรังสีกระบี่นับพันๆดังกล่าว! พวกมันยังลอยขึ้นไปม้วนเป็นวังวนเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียน ก่อเกิดเป็นค่ายกลกระบี่ชุดหนึ่ง!

 

ค่ายกลกระบี่ดังกล่าว เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนใช้ได้หลังบรรลุถึงขอบเขตที่ 5 ของยอดใจกระบี่…ใจกระบี่รวมหนึ่ง!

 

เพียงใจกระบี่บัญชา หมื่นศาสตราสยบสิ้น!

 

แน่นอนว่านอกจากมีพลังทำให้หมื่นศาสตราสยบแล้ว ตัวค่ายกลกระบี่เองก็นับเป็นการจู่โจมอันทรงพลังไม่น้อย

 

เทียบกับกระบวนท่ากายกระบี่รวมหนึ่งจากขอบเขตที่ 4 ของยอดใจกระบี่อย่างกระบี่ใจกระจ่างแล้ว…ยังทรงพลังอานุภาพกว่ากันมาก!

 

“คลาย!”

 

ทันใดนั้น สองตาต้วนหลิงเทียนฉายประกายเยียบเย็น ค่ายกลกระบี่เหนือศีรษะพลันพุ่งออกไปด้วยความเร็วน่ากลัว จนสำเนียงเสียงแผ่วดังในอากาศ รู้ตัวอีกทีก็ไปม้วนวนรอบร่างจางยี่เรียบร้อย!

 

และทันใดนั้นเอง

 

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

ความว่างเปล่าพลันแตกระเบิดส่งเสียงดังสนั่นปานฟ้าถล่ม!

 

รอบกายจางยี่ยามนี้ปรากฏรอยแยกมิติมืดดำผุดขึ้นในความว่างอย่างน่ากลัว! มองไปประหนึ่งฝูงอสรพิษตัวเขื่องสีมืดกำลังเลื้อยอยู่รอบๆ พาลให้ผู้ที่แลเห็นอดขนลุกไม่ได้!!

 

“อั๊ค!”

 

จางฉู่เหอที่กำลังเหินข้ามฟ้าไปหมายประหารจางยี่ที่ถูกพลังมันสะกดกัก อยู่ๆก็ต้องถูกพลังสะท้อนตีเข้าร่างอย่างจัง หลังพลังที่มันแผ่ไปล้อมกักจางยี่ถูกทำลายลง! ร่างมันพลันชะงักค้างกลางหาว ปากอดกระอักโลหิคออกมาไม่ได้!!

 

สาเหตุที่ไฉนมันถูกพลังสะท้อนรุนแรงขนาดนี้ เพราะตัวมันไม่ได้ลงมือเต็มกำลัง!

 

ทว่าพลังอำนาจจากค่ายกลกระบี่ของต้วนหลิงเทียนนั้น มันเทียบได้กับการจู่โจมของขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ลงมือเต็มกำลัง!

 

ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ลงมือหักหาญเต็มกำลัง ทว่าตัวมันที่เป็นแค่เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ดันไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แล้วจะต้านทานได้อย่างไรไหว!

 

เช่นนั้นราคาความประมาทของมันก็คือการบอบช้ำภายใน!

 

“เจ้า…พลังของเจ้า…ไฉนกล้าแข็งได้ถึงขนาดนี้!?”

 

ขณะที่จางฉู่เหอยกมือขึ้นปาดเช็ดเลือดที่มุมปาก มันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที แววตายังฉายชัดถึงความประหลาดใจทั้งไม่อยากจะเชื่อ!

 

มันย่อมรู้จักชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าดี! เพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่เข่นฆ่าสังหารหลานชายของมัน! ตัวมันยังคิดจะชำระแค้นอีกฝ่ายหลังประหารจางยี่ทิ้งด้วยซ้ำ!!

 

เหตุผลเดียวที่ไฉนมันถึงมาเฝ้ารออยู่บริเวณทางเข้าออกระนาบเหยียนหวงนั้น ทั้งหมดก็เพื่อเฝ้ารอจับตัวจางยี่แล้วเค้นถามความเป็นมาของชายหนุ่มชุดม่วงที่ฆ่าหลานชายของมัน!

 

อย่างไรก็ตามมันที่มาดักรอจางยี่เพื่อเค้นความ ไม่คิดเลยว่าไม่เพียงจะได้พบเจอจางยี่สมใจ แต่ยังได้พบเจอคนที่ฆ่าหลานชายของมันอีกด้วย!

 

ด้วยเหตุนี้มันก็ไม่ต้องเสียเวลาเค้นความอะไรจางยี่อีก!

 

มันจึงคิดฆ่าจางยี่ทิ้งทันที หลังจากนั้นก็ค่อยหันไปทรมานชายหนุ่มชุดม่วงให้สาสมใจ ก่อนจะเข่นฆ่าอีกฝ่ายล้างแค้นให้หลานชายมัน!!

 

ทว่ากระทั่งหลับมันยังไม่เคยฝันถึง…

 

ความแข็งแกร่งของศัตรูฆ่าหลานชายคนนี้ กลับสูงส่งนัก!

 

จากพลังที่อีกฝ่ายเผยออก เห็นได้ชัดว่าต่อให้มันลงมือสุดกำลัง ก็ไม่แน่ว่าจะมีเปรียบ!

 

“เจ้าแปลกใจงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองจางฉู่เหอพลางถามออกมาเสียงเบา

 

“เจ้า…เจ้าเป็นแค่ครึ่งก้าวเซียนอมตะเท่านั้น! หรือว่า…เจ้าจะได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน!?”

 

จางฉู่เหอกล่าวถามออกไปด้วยความตื่นตระหนก

 

“ได้ไม่ได้ ธุระเจ้าไม่ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเรียบ

 

“ไอ้หนู! อย่าได้หยิ่งผยองให้มันมากนัก!”

 

เมื่อเห็นครึ่งก้าวเซียนอมตะหาญกล้าทำตัวยะโสโอหังต่อหน้า ถึงแม้จะรู้ดีว่าพลังอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยกว่าตัวมัน แต่จางฉู่เหอก็อดไม่ได้ที่จะมีโมโหขึ้นมา!

 

“หยิ่งผยอง?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเยียบเย็นสว่างวาบ “ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าที่อยู่ๆก็มาขวางทางพวกเราไม่ใช่หรือไง…แล้วเจ้าคิดว่าใครเป็นฝ่ายหยิ่งผยองกันแน่?”

 

“ฮึ่ม!”

 

จางฉู่เหอพ่นลมสบถ ค่อยกล่าวเสียงเย็น “ข้าไม่ได้ไปขวางอะไรเจ้า เพียงคิดจัดการกับจางยี่ข้างๆเจ้าเท่านั้น! มันถึงกับกล้ารวมหัวกับคนนอกเข่นฆ่าสังหารศิษย์ร่วมสำนัก ข้าแค่จะประหารมันตามกฏสำนัก! นี่เป็นเรื่องภายในสำนักเทียนซือเรา หวังว่าเจ้าอย่าได้สอดมือเสียประเสริฐกว่า!!”

 

“ฮ่าๆๆ…!”

 

ได้ยินคำของจางฉู่เหอต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า ทำราวกับพึ่งได้ยินเรื่องชวนหัวที่สุดในโลก!

 

“เจ้าหัวเราะอะไร?”

 

สองตาจางฉู่เหอตอนนี้ลุกโชนขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ ราวกับจะแผดเผาได้ทุกสิ่ง!

 

“ข้าหัวเราะที่เจ้าเองก็สมควรรู้ดีว่าข้าเป็นคนฆ่าหลานเจ้า แต่ตอนนี้เจ้ากลับไม่กล้าพูดมันออกมาตรงๆ…ทำไม? หรือเจ้าคิดจะถ่วงเวลารอให้ผู้ช่วยของเจ้ามาถึงก่อน?”

 

ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังอาคมประการหนึ่ง เขาจึงรู้ดีว่าเมื่อครู่จางฉู่เหอได้ลอบส่งข้อความออกไปแล้ว

 

ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่ามันคิดจะทำอะไร

 

จางฉู่เหอผู้นี้ทันทีที่พบว่าพลังของเขาไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ มันจึงบังเกิดความไม่มั่นใจว่าจะจัดการเขาได้ จึงคิดเรียกคนมากลุ้มรุมฆ่าเขา!

 

“น่าขันนัก! อาศัยเจ้ามีค่าพอให้ข้าหาคนช่วย?”

 

จางฉู่เหอที่ถูกต้วนหลิงเทียนมองแผนการณ์ออกอดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี แต่มันยังคงปากแข็งไม่ยอมรับ!

 

“จริงรึ?”

 

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มออกมาอย่างสนุกสนาน ทว่าหลังรอยยิ้มสนุกสนานหายไป สีหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็นถึงขีดสุด!

 

“เอาเถอะ…เจ้าคิดจะยืนกรานไม่ยอมรับมันก็เรื่องของเจ้า ข้าจะทำเป็นไม่รู้แล้วรอคนช่วยของเจ้าสักพัก แต่อย่างไรเสียความอดทนของข้าก็มีจำกัด…ข้ารอได้แค่ 1 เค่อเท่านั้น! หากผ่านไปเค่อหนึ่งแล้วคนช่วยเจ้ายังไม่มา ก็อย่าได้โทษข้าว่าอำมหิต!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ หากทว่าเมื่อกล่าวจบสายตาที่ใช้มองจางฉู่เหอก็เย็นเยียบลงกว่าเดิม พาลให้จางฉู่เหอรู้สึกเสมือนตกไปในหล่มน้ำแข็ง!

 

“อวดดี!”

 

ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน หน้าจางฉู่เหอก็เริ่มแด่งก่ำไปด้วยโทสะ!

 

ในสายตาของมันแล้ว ด้วยความที่ศัตรูฆ่าหลานชายของมันเบื้องหน้ากลับมีพลังฝีมือทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ไม่ต่างอะไรจากมันแบบนี้…

 

มันย่อมตระหนักดีว่าภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว มันคิดฆ่าอีกฝ่ายหรืออีกฝ่ายคิดฆ่ามันก็เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย…

 

ทว่าตอนนี้ ไฉนอีกฝ่ายกลับเผยทีท่าไม่อีนังขังขอบเรื่องที่มันเรียกหาผู้ช่วย?

 

หรืออีกฝ่ายคิดว่ามันจางฉู่เหอสิ้นไร้มือดีแล้วจริงๆ?

 

“ผู้พิทักษ์ซ้าย!”

 

ตอนนี้เองจางยี่หันไปมองจางฉู่เหอพลางกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ที่จางอวิ๋นเฟยต้องตายวันนั้นเป็นเพราะมันบังเกิดจิตคิดละโมภยอดสมบัติสวรรค์ในมือสหายข้าก่อน…หากไม่ใช่เพราะสาเหตุดังกล่าว ไหนเลยสหายข้าต้องลดตัวไปฆ่ามันด้วย?”

 

“นอกจากนั้น ใช่ท่านแจ้งเรื่องไปยังผู้พิทักษ์ขวาและขอให้มาที่นี่แล้วใช่หรือไม่?”

 

“ข้าหวังว่าผู้พิทักษ์ซ้ายจะคิดทบทวนอีกครั้ง…หากท่านจะลงปลักโคลนก็เชิญท่านลงไปแต่ผู้เดียว อย่าได้ลากผู้พิทักษ์ขวาให้ร่วมจมปลักโคลนไปกับท่านด้วย!!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคน้ำเสียงจางยี่หนักขึ้นไม่น้อย

 

“เจ้ากล่าวอันใด?”

 

ได้ยินคำของจางยี่ จางฉู่เหอก็ของขึ้นไม่น้อย “จากที่เจ้าพูด…หรือเจ้าจะบอกว่าต่อให้พวกเราสองคนร่วมมือกันก็ยังมิใช่คู่มือไอ้เด็กขนอุยนี่เช่นนั้นหรือ?”

 

“เหลวไหลสิ้นดี!”

 

“เจ้าคิดว่ามันจะเป็นเหมือนฟงชิงหยางที่ได้รับสืบทอดมรดกต้าหลัวจินเซียนของแดนลับต่างสวรรค์เมื่อครั้งที่แล้วหรือไร?”

 

กล่าวถึงประโยคท้ายจางฉู่เหอก็เบือนตาไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลนมากรังเกียจ