บทที่ 970 แผนของฝ่ายหลัก

The king of War

ทางฝ่ายรอง หัวหน้ารองถามชายวัยกลางคนข้างๆ

ชายวัยกลางคนส่ายหน้า แล้วเดาว่า “หรือเจียงสยงไม่เอาผู้แข็งแกร่งออกมา เพราะต้องการเก็บไว้ในการแข่งแบบกลุ่ม”

“เป็นไปไม่ได้!”

หัวหน้ารองส่ายหน้า “ในเมื่อเจียงสยงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเอง ให้หกฝ่ายใช้การต่อสู้ มาตัดสินผู้สืบทอดตระกูล ไม่ได้ฉุกคิดขึ้นอย่างอย่างฉับพลันแน่นอน”

“เขาต้องเอาอำนาจในการเลือกผู้สืบทอดแน่นอน ไม่งั้นคงไม่ให้ห้าฝ่ายเข้าร่วมการเลือกได้ง่ายขนาดนี้หรอก”

“ฉันรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก”

ไม่เพียงแค่หัวหน้ารอง หัวหน้าฝ่ายอื่น ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน

โดยทั่วไป ยิ่งผ่านวิถีบู๊มาอย่างยาวนาน พละกำลังก็จะยิ่งแข็งแกร่ง

แต่ทว่า เจียงสยงกลับให้คนอายุน้อยสองคน เข้าร่วมการต่อสู้แบบคู่ เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ให้ความสำคัญกับการต่อสู้แบบคู่

ขณะที่ทุกคนกำลังงุนงง การต่อสู้แบบคู่บนเวทีเริ่มขึ้น

รอบแรก เป็นการแข่งของฝ่ายหลักกับฝ่ายสี่

ผู้แข็งแกร่งที่ฝ่ายสี่ส่งมา ล้วนเป็นคนวัยกลางคน มีออร่าของความแข็งแกร่งแผ่ออกมาจากตัว

“พวกนายยอมแพ้เถอะ!”

ผู้แข็งแกร่งฝ่ายสี่มองผู้แข็งแกร่งฝ่ายหลัก ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ คำพูดเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ยังไงพวกนายก็เป็นคนของฝ่ายหลัก ถ้าฉันไม่ระวัง ทำให้พวกนายบาดเจ็บ ผู้นำโกรธขึ้นมา จะทำยังไง”

“เลิกพูดไร้สาระ ชนะพวกเราให้ได้ แล้วค่อยพูด!”

ผู้แข็งแกร่งอายุน้อยของฝ่ายหลัก สีหน้าโมโห ทั้งสองพุ่งเข้าไปด้านซ้ายและขวา

“มาพอดีเลย!”

ผู้แข็งแกร่งฝ่ายสี่ยกมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม

“เอาไปคนละหนึ่ง!”

หนึ่งในผู้แข็งแกร่งฝ่ายสี่พูดขึ้นมา

ผู้แข็งแกร่งอีกคนพูดว่า “ได้!”

วินาทีที่พูดคำว่า “ได้” ทั้งสองออกจากที่เดิม เวทีใต้เท้าของพวกเขา ยุบลงไปเป็นหลุมเล็กๆ

การแข่งขันต่อสู้แบบคู่ เริ่มขึ้นทันที

“พลั่ก!”

“พลั่ก!”

ทุกคนรู้สึกว่าตาลาย วินาทีต่อมา ร่างสองร่าง ลอยขึ้นแทบจะพร้อมกัน และตกลงข้างล่างเวที

ทันใดนั้น ทุกคนถึงกับเงียบ!

ไม่ใช่แค่พละกำลังของผู้แข็งแกร่งฝ่ายสี่ทั้งสองคน ที่แข็งแกร่ง เพราะการแข่งขันต่อสู้แบบคู่ ฝ่ายหลักถูกคัดออกอีกแล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ ฝ่ายหลักถูกคัดออกจากการต่อสู้สองแบบติดต่อกัน ถ้าอยากชนะ ต้องเป็นผู้ชนะในการแข่งต่อสู้แบบกลุ่ม ตอนสุดท้ายเท่านั้น

แต่ทั้งหกฝ่ายของตระกูลเจียง ต่างเอาความแข็งแกร่งออกมาทั้งหมด

ฝ่ายหลักอยากเป็นผู้ชนะในการแข่งแบบกลุ่ม เกรงว่าจะยากแล้ว

“พ่อ แพ้อีกแล้ว!”

เจียงหลงเฟยมองผู้แข็งแกร่งฝ่ายหลัก ที่โดนโจมตีจนหล่นมาข้างล่างเวที ด้วยสีหน้าตกตะลึง และพูดอย่างอึ้งๆ

“ลืมที่ฉันเคยพูดกับแกแล้วเหรอ”

เจียงสยงเลิกคิ้วขึ้น เสียงแฝงไปด้วยความโมโห

เขารู้สึกไม่ได้ดั่งใจจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงหลงเฟย ไม่มีปัญญาควบคุมตระกูลเจียง เขาจะครองตำแหน่งผู้นำมาตลอดไปทำไม

เจียงหลงเฟยเห็นเจียงสยงโมโห จึงตั้งสติได้ แล้วรีบพูดว่า “ขอโทษครับพ่อ วิสัยทัศน์ของผมแคบเอง!”

“นี่ไม่ใช่เรื่องวิสัยทัศน์แคบหรือไม่ แต่แกไม่มีความเชื่อใจฉัน”

เจียงสยงพูดเนิบๆ “แกต้องรู้ว่าตัวเองเป็นผู้นำตระกูลเจียงในอนาคต เจอเรื่องอะไรต้องสุขุม ใจเย็น เรื่องทุกอย่างยังไม่สิ้นสุด อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป”

“ถึงฝ่ายหลักเป็นผู้ชนะในการแข่งสู้แบบเดี่ยวและแบบคู่ บวกขึ้นมาก็แค่เก้าคะแนน แต่ถ้าชนะการสู้แบบกลุ่ม จะได้คะแนนสามสิบคะแนน”

เจียงสยงพูดด้วยสีหน้ายโส “การแข่งสู้แบบกลุ่ม เป็นการต่อสู้ของฝ่ายหลัก!”

เจียงหลงเฟยสั่นไปทั้งตัว มองเจียงสยง ที่มีสีหน้ามั่นใจ ถึงเขาไม่รู้ว่าทำไม เจียงสยงถึงมั่นใจเช่นนี้ แต่รู้ว่าเจียงสยงมั่นใจว่าจะชนะ

“พ่อสั่งสอนได้ถูกต้อง หลงเฟยเข้าใจแล้ว!” เจียงหลงเฟยใจเย็นลง

ฝ่ายอื่นกลับไม่รู้ว่าเจียงสยงพูดอะไรกับเจียงหลงเฟย พวกเขาเห็นเพียงเจียงหลงเฟยพูดกับเจียงสยง ด้วยสีหน้าตระหนกเป็นกังวล ส่วนเจียงสยงมีสีหน้าโมโห

“ดูเหมือนตาเฒ่าเจียงสยง เริ่มตระหนกแล้ว!”

ฝั่งฝ่ายสาม หัวหน้าสามมองไปทางฝ่ายหลัก ด้วยสีหน้าดูหมิ่น และเอ่ยขึ้น

จนถึงตอนนี้ ฝ่ายสามชนะมาตลอด

ไม่ต้องคิดก็รู้ผล ผู้ชนะการสู้แบบคู่ ต้องเป็นของฝ่ายสาม

เป็นไปตามคาด การแข่งต่อสู้แบบคู่สิ้นสุดลง ฝ่ายสามเป็นผู้ชนะการต่อสู้แบบคู่

ตอนนี้ ฝ่ายสามมีสถิติชนะทั้งหมด มีคะแนนสะสมเก้าคะแนน

เมื่อฝ่ายรองสู้กับฝ่ายสาม จึงจะแพ้ ก็ได้คะแนนดีเหมือนกับฝ่ายสาม มีคะแนนรวมหกคะแนน

ส่วนฝ่ายที่เหลือ นอกจากฝ่ายหลัก อย่างน้อยก็มีหนึ่งคะแนน

คนของฝ่ายหลัก สีหน้าซีดเผือด ในแววตาของคนจำนวนมาก เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

หันกลับมามองคนของฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ต่างมีสีหน้าฮึกเหิม เหมือนได้สิทธิ์ในการเลือกผู้สืบทอดแล้ว

“ฝ่ายหลัก ผู้นำจะยอมแพ้แล้วเหรอ”

ฝั่งฝ่ายสี่ ผู้มีอำนาจคนหนึ่ง ถามขึ้นด้วยสีหน้าหนักใจ

หัวหน้าสี่ส่ายหน้า หันไปมองทางฝ่ายหลักด้วยแววตาลึกซึ้ง แล้วพูดว่า “ฉันรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่คิดไม่ออก ว่ามันผิดปกติตรงไหน”

“คุณหมายความว่า ผู้นำเอากำลังทั้งหมด ไปไว้ที่การแข่งแบบกลุ่มเหรอ”

คนนั้นถามขึ้นอีก

หัวหน้าสี่ส่ายหน้า “ผู้แข็งแกร่งชั้นยอด ข้างกายผู้นำ พวกเราเห็นมาหมดแล้ว และรู้พละกำลังของพวกเขาดี”

“แต่ว่า ถึงคนพวกนั้นแข็งแกร่งมาก แต่พละกำลังในการต่อสู้ ที่ทั้งห้าฝ่ายเอาออกมา ก็ไม่ได้ด้อย!”

“โดยเฉพาะฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ขนาดฉัน ก็สัมผัสได้ถึงพละกำลังอันแข็งแกร่งแบบไม่สามารถเทียบได้ ไม่ด้อยไปกว่าผู้แข็งแกร่งชั้นยอด ของฝ่ายหลักเลยสักนิด”

“ถ้าฝ่ายหลักอยากรักษาสิทธิ์การเลือกเอาไว้ ต้องเป็นผู้ชนะในการแข่งแบบกลุ่ม แต่สถานการณ์ที่เห็นตอนนี้ กลัวว่าฝ่ายหลักจะหมดหวังแล้ว”

เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้มีอำนาจฝ่ายสี่ ที่พูดเมื่อครู่ พูดด้วยสีหน้าหนักใจ “งั้นฝ่ายสี่ของเรา จะทำยังไงล่ะครับ”

“ทุ่มสุดตัว!”

ในแววตาของหัวหน้าสี่ฉายแววแน่วแน่ กัดฟันพูดว่า “ถ้าฝ่ายสี่ได้สิทธิ์เลือกผู้สืบทอด ฝ่ายสี่ก็จะได้ยืนในตระกูลเจียง!”

ทางฝ่ายหนึ่งกับฝ่ายห้า ก็พูดแบบนี้เช่นกัน

โอกาสแบบนี้ อย่าว่าแต่ในชีวิตเลย ในประวัติศาสตร์ตระกูลเจียง ก็อยากที่จะได้พบได้เห็น

เรียกได้ว่านี่เป็นโอกาสพลิกตัว เพียงโอกาสเดียวของทั้งห้าฝ่าย

และเพราะเหตุนี้ ทุกฝ่ายจึงนำพละกำลังในการต่อสู้ ที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองออกมา

และก็เป็นการเอาผู้แข็งแกร่ง ที่พวกเขาแอบบ่มเพาะเอาไว้ ออกมาสู่สายตาของทุกคนในตระกูลเจียวเช่นกัน

ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ถ้าอยากปกปิดผู้แข็งแกร่งเหล่านี้เอาไว้อีก ก็ไม่มีโอกาสแล้ว

นี่ไม่ใช่แค่การช่วงชิงตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูลเจียง แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึง พละกำลังในการต่อสู้อันแข็งแกร่งของตระกูลเจียงด้วย

“ผู้นำ ฝ่ายหลักแพ้การสู้แบบเดี่ยวกับแบบคู่ไปแล้ว ตอนนี้มีคะแนนสะสมเป็นศูนย์ เว้นแต่ผู้นำจะเอาชนะการสู้แบบกลุ่มได้ ถึงจะสามารถรักษาสิทธิ์การเลือกผู้สืบทอดตำแหน่ง”

จู่ๆ หัวหน้ารองมองมายังเจียงสยง แล้วถามว่า “แต่ผมเป็นกังวล ผู้นำไม่ได้มีอุบายอะไรใช่ไหม ถ้าแพ้แล้ว จะไม่เบี้ยวใช่ไหม”

เจียงสยงยิ้มบางๆ “การแข่งแบบกลุ่มยังไม่ได้เริ่ม นายก็เพ้อฝันว่าพวกนายจะชนะแล้วเหรอ”

“เปล่าสักหน่อย แค่กังวลว่าผู้นำจะกลืนคำพูดตัวเองเท่านั้น”

หัวหน้ารองไม่ได้โกรธ เขาหัวเราะ แล้วเอ่ยขึ้น