ตอนที่ 1380 เทพแห่งการฆ่าสังหาร

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

มู่เฉียนซีเงยหน้ามองเขา “พิฆาตวิญญาณ เจ้าแอบดูข้ามาตลอด ในเมื่อเจ้ารู้ว่าถูกแย่งไปแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่แย่งกลับมาเอง”

ดวงตาคู่นั้นของพิฆาตวิญญาณยิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ “ก็เพราะว่าข้าอยากเห็นแมวน้อยอย่างเจ้าแย่งกลับมาด้วยตัวเองยังไงล่ะ เช่นนี้มันถึงจะน่าสนใจ ไม่ใช่เหรอ?”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “เฮ้อ! เจ้ายังคงน่าเบื่อเหมือนเคย!”

ดูท่าตอนนี้เขายังลงมือกับนางไม่ได้!

“แต่ครั้งนี้แมวน้อยทำให้ข้าไม่พอใจมาก เมื่อไม่พอใจก็ต้องมีบทลงโทษ เจ้าอยากจะให้ขาหักข้างนึงหรือว่าแขนหักไปข้างนึงดีล่ะ?”

กล่าวจบ เขาก็คว้าตัวมู่เฉียนซีทันที

มู่เฉียนซีรีบหลบและถอยออกห่างจากเจ้าหมอนี่ทันที ในตอนนี้เองเปลวเพลิงสีแดงฉานก็พุ่งออกมาจากกระบี่มังกรเพลิง

“เจ้าพิฆาตวิญญาณ! เจ้าอย่าได้ทำเกินไปนะ เจ้าทำเช่นนี้กับนายท่านได้ยังไง?”

พิฆาตวิญญาณกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “นางเป็นเจ้านายที่เจ้าเป็นคนยอมรับ แต่ข้าไม่!”

“พิฆาตวิญญาณ หากเจ้ายืนกรานจะทำร้ายนายท่าน ก็อย่ามาโทษว่าข้าไม่เกรงใจเจ้าล่ะ”

“ข้าก็อยากจะรู้นัก ว่าหลังจากที่เจ้าตื่นขึ้นมา พลังของเจ้าจะฟื้นฟูกลับมาได้สักแค่ไหนกัน!”

ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้นจ้องมองไปที่ร่างของมังกรเพลิง อันที่จริงมังกรเพลิงเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพิฆาตวิญญาณ

แต่มันจะต้องปกป้องนายท่าน มันจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด!

จะขอสู้สุดชีวิต!

มังกรเพลิงสีแดงฉานตัวนั้นพุ่งเข้าหาร่างสีแดงเลือดนั้นอย่างไม่ลังเล!

ทันใดนั้นเงากระบี่ก็ปรากฏขึ้น และฟันไปที่หัวของมังกรเพลิงอย่างรุนแรง

เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น

คลื่นความร้อนอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นในสถานที่เหนือสุดแห่งแดนเหนืออีกครั้ง

“พลังธาตุอัคคีนั่น ต้องเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แน่นอน!”

“ทางนั้น รีบไปเร็วเข้า!”

“……”

เมื่อคนเหล่านั้นรับรู้ได้ถึงพลังธาตุอัคคีอันแข็งแกร่งก็ราวกับฝูงผึ้งได้กลิ่นหอมหวานของดอกไม้ พวกเขารีบเดินทางไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว

พวกเขายังไม่ทันได้ลงมือแต่อย่างใด ก็เห็นดวงตาสีแดงเลือดคู่หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่พวกเขาราวกับพวกเขาเป็นเพียงแค่มดปลวกก็มิปาน!

“พวกมดปลวกบังอาจมาเกะกะขวางทาง!”

ในขณะที่พิฆาตวิญญาณรับมือกับมังกรเพลิงอยู่นั้น เงากระบี่กระหายเลือดก็พุ่งโจมตีมาพวกเขาจนตายตกกันไปอย่างไร้ซากศพให้กลบฝัง!

อ๊า! เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องขึ้น

แม้ว่าจะมีคนตายอยู่ตรงนี้ แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ยังแห่ตามมาอยู่

แต่เทพแห่งการเข่นฆ่าอย่างกระหายเลือดผู้นี้ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ตอบโต้เลย!

เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นเปื้อนไปทั่วพื้นดิน

ศพกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง

มังกรเพลิงจนปัญญาจริง ๆ พิฆาตวิญญาณรับมือกับมันแต่ก็ยังสามารถฆ่าคนเหล่านั้นได้ภายในชั่วพริบตาเดียว ไม่มีโอกาสให้มันได้เล่นงานเลย แล้วมันจะปกป้องนายท่านได้อย่างไรกันเล่า

แห่กันมามากเท่าไร พิฆาตวิญญาณก็ฆ่าสังหารมากขึ้นเท่านั้น!

จนในที่สุดก็ไม่มีใครกล้าแห่กันเข้ามาแล้ว

พิฆาตวิญญาณมองไปที่มู่เฉียนซี “เห็นรึยัง แมวน้อย ไม่มีผู้ใดเหมาะสมที่จะเป็นเจ้านายของข้า เพราะคนที่มีความคิดเช่นนี้ มันมีเส้นทางเดียวนั่นก็คือความตาย!”

“แต่เจ้า…แมวน้อย เพราะรูปร่างหน้าตาของเจ้ามันไม่ขัดตาข้ายังไงล่ะ หากว่าเจ้ายอมเป็นทาสกระบี่ของข้าแต่โดยดี ร่างกายของเจ้าก็จะถูกปกป้องเอาไว้ได้”

ปัง! พิฆาตวิญญาณโจมตีมังกรเพลิงจนกระเด็นลอยออกไป และเขาก็จรดลงมาจากกลางอากาศมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี

ฝ่ามือของมู่เฉียนซีกำลังก่อตัวควบแน่นไปด้วยพลังวิญญาณ นางตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”

ทันใดนั้นเอง มังกรน้ำแข็งตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าหาพิฆาตวิญญาณ พิฆาตวิญญาณหลบหลีกอย่างรวดเร็ว!

เขากล่าว “หากมังกรวารีตื่นขึ้นมา ข้าก็คงจะกลัว แต่ความสามารถอันน้อยนิดนี้ของเจ้า แมวน้อยนะแมวน้อย ช่างน่าสงสารยิ่งนัก!”

เปลวไฟสีแดงฉานกักขังสองมือของนางไว้!

เขายิ้มพลางกล่าวว่า “แมวน้อย เจ้าชอบใช้กระบี่ด้วยมือข้างขวาหรือข้างซ้ายล่ะ?”

“พิฆาตวิญญาณ อย่าคิดว่าเจ้าจะชนะข้านะ!”

ในขณะที่กล่าวนั้น เข็มยาเข็มหนึ่งของมู่เฉียนซีก็พุ่งออกไปแล้ว!

ระยะประชิดมาก แม้ว่าพิฆาตวิญญาณจะหลบหลีก แต่มันก็ช้าไปก้าวหนึ่ง!

ฉึก! เข็มยานั้นทิ่มเขาที่แขนของเขาจนเกิดรอยเลือดขึ้น

ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าร่างกายของเจ้าหมอนี่จะมีเลือดเนื้อด้วย

เดิมทีคิดว่านี่เป็นการลงมือที่เดิมพันหมดหน้าตักแล้ว กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีโอกาสรอด

พิฆาตวิญญาณที่ถูกเข็มยาทิ่มจนได้รับบาดเจ็บตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวของเขาเริ่มแข็งทื่อขึ้นแล้ว แต่ใบหน้าของเขากลับเผยรอยยิ้มออกมา

“นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าแมวน้อยจะทำให้ข้าโดนพิษได้ มันยิ่งทำให้ข้าสนใจในตัวเจ้ามากขึ้นแล้วสิ!”

“งั้นเจ้าก็ลองพิษอื่นดูก็แล้วกันนะ!”

มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าพิษชนิดใดที่สามารถรับมือกับเจ้าหมอนี่ได้บ้าง ดังนั้นนางจึงใช้พิษทั้งหมดอย่างไม่เกรงใจ

ดวงตาคู่นั้นของพิฆาตวิญญาณไม่มีร่องรอยของความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เขากล่าว “ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ ของแมวน้อยมีมากจริง ๆ เลยนะ!”

มู่เฉียนซีจับคางเขาและกล่าวว่า “พิฆาตวิญญาณ เจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”

พิฆาตวิญญาณกล่าว “เจ้าไม่กล้าหรอก เพราะหากว่าข้าตาย เจ้าโง่เขลานั่นก็ต้องตายไปกับข้าด้วย!”

แววตาของเขาเป็นประกายแต่ก็มีความสับสนอยู่เล็กน้อย “อีกอย่าง แมวน้อย เจ้าฆ่าข้าลงจริง ๆ เหรอ เจ้าทำไม่ลงหรอก”

นางไม่สามารถลงมือได้ มิเช่นนั้นกระบี่มังกรเพลิงก็จะขาดจิตวิญญาณกระบี่กับฝักกระบี่ มีเพียงแค่กระบี่มังกรเพลิงที่เป็นเล่มสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะทำให้นางมีพลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งที่สุดได้

โอกาสนี้ นางจะทิ้งมันไปได้อย่างไรล่ะ

“ทำไม่ลง! มีเหตุผลอันใดที่ข้าจะทำไม่ลงล่ะ! เจ้ามันอันตรายเกินไปแล้ว หากพลาดโอกาสฆ่าเจ้าในครั้งนี้ไป ครั้งต่อไปคนที่ตายก็เป็นข้า”

พิฆาตวิญญาณ “ดูท่าแมวน้อยอยากจะฆ่าข้าจริง ๆ แล้ว แต่ก่อนที่เจ้าจะฆ่าข้า เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่ารูปร่างหน้าตาของข้าเป็นเช่นไร?”

เขากล่าวมาเช่นนี้ มู่เฉียนซีจึงนึกขึ้นได้!

นางกำลังยื่นมือไปหมายจะถอดหน้ากากของเขาออก แต่มังกรเพลิงพรวดเข้ามาพลางตะโกนขึ้นว่า “นายท่าน ระวัง!”

มังกรเพลิงพรวดเข้ามาอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใดเลย มันต้องการลอบโจมตีพิฆาตวิญญาณ!

ตูม ปัง ปัง! มังกรเพลิงฉวยโอกาสตอนที่พิฆาตวิญญาณยังแก้พิษไม่ได้สมบูรณ์นี้โจมตีเขาอย่างบ้าคลั่งหลายกระบวนท่า

จากนั้นก็กล่าวว่า “นายท่าน เรารีบไปกันเถอะ! ประเดี๋ยวพิฆาตวิญญาณแก้พิษได้สำเร็จพวกเราจะรับมือไม่ไหว!”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”

มู่เฉียนซีพุ่งออกไปจากสถานที่เหนือสุดแห่งแดนเหนืออย่างเร็วที่สุด

มังกรเพลิงกล่าว “นายท่าน รีบเอาข้าปิดผนึกไว้ในแหวนมังกรเทพวารีเร็วเข้า เช่นนี้การรับรู้ของเจ้าพิฆาตวิญญาณที่มีต่อข้าก็จะอ่อนแอลงมาก เขาจะตามเรามาได้ช้าลง”

มู่เฉียนซีรีบปิดผนึกมันทันที นางหนีอย่างสุดชีวิต กินยาไปไม่น้อย จนที่สุดก็มาถึงเมืองเมืองหนึ่ง

นางแฝงตัวเข้ามาในเมืองนี้ นางสูญเสียพลังวิญญาณไปมาก จึงหาโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน

“ยกอาหารรสเด็ดของที่นี่มาให้ข้า”

หลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้ มู่เฉียนซีก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว

หนีเอาตัวรอดมาจากเงื้อมมือของเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นได้ นับว่าเป็นการหนีเอาตัวรอดอันน่าระทึกจริง ๆ

เผชิญหน้ากับเจ้าพิฆาตวิญญาณผู้โหดร้ายนี้ มู่เฉียนซีไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่น้อย หลังจากกินอิ่ม นางก็คิดหาวิธีรับมืออื่น ๆ

ทางด้านกู้ไป๋อี เมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่ตำหนักเป่ยหานแล้ว

“ซีเอ๋อร์ล่ะ!” ทันทีที่ลืมตาฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เห็นมู่เฉียนซี เขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น!

“ท่านหัวหน้าตำหนัก…” บ่าวรับใช้แต่ละคนต่างตะกุกตะกักพูดไม่เป็นภาษา ไม่กล้าบอกความจริงกับท่านหัวหน้าตำหนัก

กู้ไป๋อีแผ่ซ่านกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกออกมา และพ่นคำพูดออกมาอย่างหนักแน่นว่า “พูด!”

ตุบ! บ่าวรับใช้ที่อยู่รอบ ๆ ต่างพากันคุกเข่าลง และรีบรายงานว่า “ประมุขน้อยให้เหล่าบรรดาผู้อาวุโสพาท่านหัวหน้าตำหนักกลับมาก่อนขอรับ ส่วนนางตามไล่ล่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินที่แย่งชิงฝักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไปคนเดียว ตอนนี้ยังไม่รู้อยู่ที่ใดขอรับ!”

“ไม่รู้อยู่ที่ใด!” ห้าคำนี้ทำให้สีหน้าของกู้ไป๋อียิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้น

.

.