หลังจากพักอยู่ในโรงเตี๊ยมนานสองวัน เถ้าแก่ไป๋ก็เข้ามาเรียกฉินอวี้โม่และมารยาอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก !
“ท่านจอมยุทธ์ ใต้เท้ามาแล้วขอรับ”
เขาเคาะประตูห้องพักของฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อมเช่นเดิม
คิดไม่ถึงเลยว่าเถ้าแก่ไป๋จะตามคนผู้นั้นมาได้เร็วเช่นนี้ เดิมทีแม้แต่เถ้าแก่ไป๋เองก็คิดว่าคนผู้นั้นอาจจะไม่ยอมมาพบกับฉินอวี้โม่ ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงราชันของเมืองปิงหลางซึ่งมีทั้งพลังความแข็งแกร่งและสถานะที่สูงส่งกว่าคนธรรมดาเช่นพวกเขามากนัก
คาดว่าราชันแห่งเมืองปิงหลางคงจะรีบมุ่งหน้ามาที่นี่ทันทีที่ได้รับข่าว มิเช่นนั้นก็คงจะไม่มีทางมาถึงที่นี่ได้เร็วเช่นนี้
“ตกลง เข้าใจแล้ว”
เสียงของฉินอวี้โม่ดังออกมาขณะก้าวออกจากคฤหาสน์เฟิงหัว
มารยาก็ปรากฏกายข้างฉินอวี้โม่เช่นกัน จากนั้นทั้งสองก็เดินไปยังห้องโถงของโรงเตี๊ยมด้วยกัน
ณ มุมหนึ่งของห้องโถง มีบุรุษสวมอาภรณ์สีขาวคนหนึ่งที่กำลังนั่งอยู่ เขาดูมีอายุเพียงประมาณยี่สิบถึงสามสิบปีเท่านั้น รูปลักษณ์หล่อเหลาและเส้นผมสีเงินของเขาดูโดดเด่นและดึงดูดสายตาของทุกคนได้เป็นอย่างดี ร่างกายของเขาแผ่กลิ่นอายความเย็นยะเยือกซึ่งทำให้คนรอบข้างหนาวสั่นได้ง่าย ๆ ออกมา
เมื่อรับรู้การมาถึงของฉินอวี้โม่และมารยา สายตาของเขาก็หันมาทันที นัยน์ตาสีน้ำเงินของเขาชัดเจนและล้ำลึกซึ่งดูงดงามยิ่งนัก มันดูราวกับไร้ซึ่งจุดด่างพร้อยใด ๆ แม้แต่นิดเดียว
“ลือกันว่ารูปลักษณ์ของฉินอวี้โม่งดงามหาใดเปรียบและมีจริตอิริยาบถที่เหนือธรรมชาติอย่างที่สุด เมื่อได้เห็นกับตา ข้าก็เชื่อแล้วว่าเป็นจริงดังชื่อเสียงที่เลื่องลือ”
เสียงเบาราวกระซิบดังมาจากริมฝีปากของบุรุษชุดขาวและยืนยันตัวตนของฉินอวี้โม่อย่างชัดเจน ในเวลานี้ เขามองไปที่มารยาด้วยความสงสัยใคร่รู้เช่นกันก่อนจะละสายตาและปรับสีหน้ากลับกลายมาเป็นเรียบเฉยเช่นเดิม
“ท่านจอมยุทธ์คงจะเป็นราชันแห่งเมืองปิงหลาง ท่านเสวียนปิง—ผู้ปกครองสูงสุดของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือสินะ !”
ฉินอวี้โม่คาดเดาตัวตนของบุรุษตรงหน้าได้เช่นกัน นางเคยสืบเรื่องราวของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมาบ้างและทราบว่าบุรุษผู้นี้เป็นใคร
เส้นผมสีเงินคือเอกลักษณ์ของเสวียนปิงและความแข็งแกร่งของเขาก็ยากเกินหยั่งถึง แม้มีพลังที่ด้อยกว่าฟู่ชางเพียงเล็กน้อย ทว่าส่วนใหญ่เขาก็มักจะเก็บตัวอยู่ในทุ่งน้ำแข็งทางเหนือราวกับถูกพลังบางอย่างกักขังไว้และไปจากที่นี่ไม่ได้
เสวียนปิงเป็นบุคคลที่ลึกลับอย่างยิ่งในดินแดนมหาเทพ แม้จะไม่ถูกจัดเป็นยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าอันดับต้น ๆ ของดินแดน ทว่าหลายคนในอันดับเหล่านั้นก็ยังต้องหวาดหวั่นต่อเขาไม่น้อย
“นั่งลงก่อนเถอะ”
เขาผายมือไปยังที่ว่างตรงข้ามตนและเชิญให้ฉินอวี้โม่นั่งลง
“หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าคงจะมาที่นี่เพื่อหล่อฮั้งก้วยสินะ”
เสวียนปิงเอ่ยขึ้นเบา ๆ และเปิดเผยจุดประสงค์ของฉินอวี้โม่อย่างชัดเจน
“เจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าท่านเสวียนปิงจะทราบว่าหล่อฮั้งก้วยอยู่ที่ใดใช่หรือไม่เจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่ไม่ปฏิเสธทว่ารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย นางสบตาเสวียนปิงและเอ่ยถามออกไป เห็นได้ชัดว่าเขาทราบถึงตำแหน่งของหล่อฮั้งก้วย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะช่วยประหยัดเวลาของพวกนางไปได้มาก
“กำลังตามหาหล่อฮั้งก้วยเพื่อทำลายหลุมดำมิติสินะ ?”
เสวียนปิงเอ่ยถามอีกครั้งและมันเป็นวาจาที่พิสูจน์ให้เห็นว่าเขามีความรู้กว้างขวางมากทีเดียว
“ถูกต้องเจ้าค่ะ ในเมื่อท่านเสวียนปิงทราบเรื่องนี้แล้วก็ถือว่าขจัดความวุ่นวายไปได้มาก หากเป็นไปได้ ข้าก็หวังว่าท่านจะบอกพวกเราว่าหล่อฮั้งก้วยอยู่ที่ใด และข้าจะขอบคุณท่านเป็นอย่างสูง”
ฉินอวี้โม่ประกบกำปั้นและกล่าวกับเสวียนปิงโดยไม่อธิบายสิ่งใดเพิ่มเติม
“ข้าสามารถพาเจ้าไปที่นั่นได้ แต่จะครอบครองมันได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าเท่านั้น”
เสวียนปิงลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่ประตูโรงเตี๊ยม
ฉินอวี้โม่ก็ลุกเดินตามไปอย่างรวดเร็ว ในเมื่อตอนนี้เสวียนปิงยินดีนำทางพวกนางไปยังจุดหมาย มันก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่า
ในทั่วทั้งดินแดนมหาเทพแห่งนี้คงไม่มีผู้ใดรู้จักทุ่งน้ำแข็งทางเหนือดีไปกว่าเสวียนปิง ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็มีความแข็งแกร่งที่ถือว่าอยู่ในระดับสูงในดินแดนนี้ หากเกิดภยันตรายใด ฉินอวี้โม่เชื่อว่าเขาจะช่วยพวกตนได้อย่างแน่นอน
หลังออกจากเมืองปิงหลาง พวกนางก็เหาะตรงไปยังทิศทางของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือทันที
เดิมทีมีจอมยุทธ์หลายคนตามคณะของฉินอวี้โม่มาด้วย ทว่าเมื่อเห็นว่าจุดหมายปลายทางของพวกนางคือทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ พวกเขาก็หยุดฝีก้าวเพียงเท่านั้น ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือขึ้นชื่อในเรื่องความอันตรายและความลึกลับ เพราะเหตุนั้นจึงมิใช่ทุกคนที่จะกล้าบุกเข้าไป สำหรับจอมยุทธ์เหล่านั้น พวกเขาสามารถท่องสำรวจบริเวณรอบนอกของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือได้ ทว่าหากต้องตรงเข้าไปในส่วนลึก มันก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย
ฉินอวี้โม่และคณะใช้เวลาหนึ่งวันเพื่อมาถึงขอบรอบนอกของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ ทันทีที่มาถึง นางก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือก แม้มีสภาวะร่างกายที่พิเศษและไม่สะทกสะท้านต่อความร้อนหรือความเย็น ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือแห่งนี้ก็ยังทำให้นางรู้สึกกดดันไม่น้อย
“ตามข้ามา”
ลักษณะนิสัยของเสวียนปิงก็ตรงตามชื่อของเขาและแทบจะไม่เอ่ยปากออกมา ในเวลานี้ เขาก็เพียงขยับปากกล่าวสามพยางค์ก่อนเหาะตรงไปยังส่วนลึกของทุ่งน้ำแข็งทางเหนืออย่างไม่รีรอ
* 玄 เสวียน หมายถึง ลึกลับ , 冰 ปิง หมายถึง น้ำแข็ง
แน่นอนว่าฉินอวี้โม่รีบตามไปอย่างไม่ลังเลและใช้ความเร็วในระดับสูง
เห็นได้ชัดว่าเสวียนปิงก็ฝึกทักษะการเคลื่อนที่ที่พิเศษเช่นกัน เพราะเหตุนั้น ความเร็วของเขาจึงไม่ด้อยกว่าฉินอวี้โม่และอาจจะถึงขั้นเหนือกว่านางด้วยซ้ำ
เวลานี้ มารยาเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวแล้ว เพราะถึงอย่างไร ทั้งเสวียนปิงและฉินอวี้โม่ต่างก็เดินทางด้วยความเร็วสูงจนอสูรสาวตามไม่ทัน
หลังจากเวลาผ่านไปอีกระยะหนึ่ง ทั้งสองก็เข้ามาใกล้ส่วนลึกของทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าในตอนนี้คือเทือกเขาแนวหนึ่งและทุ่งน้ำแข็งที่กว้างใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นสองฟากโดยเทือกเขานั้น
เสวียนปิงร่อนลงบนพื้นและถอดถอนพลังมายาทั้งหมดก่อนเดินตรงไปในทางทิศเหนือ
แม้ฉินอวี้โม่จะยังไม่เข้าใจนักว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่านางก็รีบร่อนลงบนพื้นและซ่อนกลิ่นอายก่อนเดินตามฝีเท้าของเสวียนปิงไปอย่างรวดเร็ว
“นายหญิง คราก่อนข้ามุ่งหน้าไปในอีกทิศทางหนึ่ง”
มารยาก้าวออกจากคฤหาสน์เฟิงหัวและกล่าวออกมา ซากปรักหักพังของราชินีเหมันต์อยู่ในทิศใต้และฝั่งที่ฉินอวี้โม่อยู่ในตอนนี้คือที่ที่มารยาไม่เคยก้าวเข้ามา
“คิดไว้แล้วเชียวว่าเจ้าคือผู้ที่ได้รับมรดกสืบทอดของราชินีเหมันต์ไป”
เสวียนปิงเข้าใจความหมายของมารยาได้ทันที ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากร่างของมารยา ที่แท้ก็เป็นกลิ่นอายของราชินีเหมันต์นั่นเอง
ก่อนหน้าที่สมบัติสืบทอดของราชินีเหมันต์กำลังผสานเข้ากับร่างของมารยา เสวียนปิงก็สัมผัสถึงมันได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงที่นี่ มารยาก็ได้จากไปแล้ว เขาจึงไม่ทราบเลยว่าผู้ใดคือผู้ที่สืบทอดมรดกนั้นไป
ก่อนหน้านี้เมื่อก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยมของเมืองปิงหลาง เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากร่างของมารยา เดิมทีเขาคิดว่าอาจเป็นเพราะพลังมายาของมารยาเป็นธาตุน้ำแข็งซึ่งคล้ายคลึงกับตนจึงรู้สึกเช่นนั้น ทว่าเป็นในตอนนี้เองที่เสวียนปิงเข้าใจว่ามันเป็นเพราะสมบัติสืบทอดจากราชินีเหมันต์
“ท่านเสวียนปิง ท่านอาศัยอยู่ในทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมานานเพียงใดแล้วรึเจ้าคะ ?”
ฉินอวี้โม่มองเสวียนปิงอย่างสงสัยใคร่รู้ทว่าไม่อาจมองเขาอย่างทะลุปรุโปร่งได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น แม้เสวียนปิงจะดูอ่อนเยาว์ นางก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้ที่ผ่านช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุคสมัยมาและแท้จริงแล้วตัวตนของเขามิใช่อย่างที่เห็นภายนอก
“ข้าอยู่ที่นี่มานับตั้งแต่ที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือปรากฏขึ้นมา”
เสวียนปิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวด้วยเสียงเบา
ในช่วงเวลาที่ทุ่งน้ำแข็งทางเหนือปรากฏขึ้นมา เขาก็อาศัยอยู่ในเมืองปิงหลางแล้ว เวลาผ่านมาเนิ่นนานจนแม้แต่เสวียนปิงก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ดูเหมือนเขาจะลืมเลือนหลายสิ่งหลายอย่างไปแล้ว ทว่ายังมีความรู้สึกที่เลือนรางว่าตนเองยังมีภารกิจที่สำคัญบางอย่างอยู่และกำลังเฝ้ารอใครสักคน…
อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้นและเขามิอาจมั่นใจได้นัก
ร่องรอยของความโดดเดี่ยวฉายชัดในแววตาของเขาทว่ามันก็หายไปอย่างรวดเร็วจนฉินอวี้โม่รู้สึกราวกับมันเป็นเพียงภาพลวงตา
“มาถึงแล้ว !”
สีหน้าของเสวียนปิงกลายเป็นความเรียบเฉยอีกครั้งขณะชี้ไปเบื้องหน้าด้วยใบหน้าที่ไม่บ่งบอกความรู้สึกใด