ในเวลานี้ เบื้องหน้าของพวกนางคือกำแพงภูเขาสูงตระหง่านซึ่งมีช่องโหว่ขนาดเล็กอยู่ตรงกลาง ณ ปากถ้ำดังกล่าวก็มีผลไม้สีแดงเข้มสามผลที่เติบโตท่ามกลางความหนาวเหน็บและส่งกลิ่นผลไม้หอมจาง ๆ ออกมา
“นั่นคือหล่อฮั้งก้วยที่เจ้ากำลังตามหา”
เสวียนปิงเงยหน้ามองไปยังผลไม้สีแดงเข้มทั้งสามและกล่าวต่อ “ในถ้ำนั้นมีคลื่นพลังที่รุนแรงมากซึ่งแม้แต่ข้าก็ต้านทานมันไม่ได้ อีกอย่าง…ข้าก็เคยทดสอบดูแล้วและต้องพบกับความล้มเหลว เพราะเหตุนั้น ไม่ว่าเจ้าจะครอบครองหล่อฮั้งก้วยมาได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับเจ้าเท่านั้น”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา เสวียนปิงก็ถอยหลังออกไปและโบกมือเพื่อสร้างม่านป้องกันขึ้นรอบตัว แม้ไม่สามารถช่วยฉินอวี้โม่ในการชิงหล่อฮั้งก้วยมาครองได้ แต่การสร้างม่านพลังเพื่อป้องกันตัวเขาก็มิใช่ปัญหา
ยิ่งไปกว่านั้น หากพลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน มันจะก่อให้เกิดพลังทำลายล้างที่ทรงอำนาจอย่างมาก ในทุ่งน้ำแข็งแห่งนี้ นอกเหนือจากน้ำแข็งเยือกเย็นที่ไม่เคยละลายมานานนับหมื่นปีก็ยังมีภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอีกหลายลูก เสวียนปิงจึงไม่ต้องการให้การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายก่อให้เกิดการถล่มของหิมะหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อทุ่งน้ำแข็งทางเหนือ
ฉินอวี้โม่เข้าใจดีและสบตากับมารยาเล็กน้อยก่อนพุ่งตรงเข้าไปหาหล่อฮั้งก้วยด้วยกัน
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ ทันทีที่เข้าไปใกล้หล่อฮั้งก้วย ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลและแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เคยเผชิญมาก่อนหน้านี้ ภายใต้แรงกดดันดังกล่าว พลังของฉินอวี้โม่ถูกยับยั้งไว้มากและสามารถใช้พลังได้เพียงไม่เกินเจ็ดในสิบส่วนเท่านั้น
มารยาเองก็รู้สึกถึงแรงกดดันเช่นกัน ดูเหมือนว่ามีบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ภายในถ้ำและทำให้อสูรสาวเริ่มกังวลที่จะบุกเข้าไป
“กรร !”
ทันใดนั้น เสียงคำรามดังขึ้นในโสตประสาทของทั้งสอง และหน้าปากถ้ำก็มี ‘อสูรมายา’ ที่ดูแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมา
ทั้งร่างของมันราวกับควบแน่นขึ้นมาจากน้ำแข็งและก้อนผลึก ร่างกายสีน้ำเงินของมันจึงดูเหมือนกับเป็นผลึกที่ส่องแสงประกายแวววับภายใต้แสงอาทิตย์จนดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง
ร่างของอสูรประหลาดนั้นไม่ได้ใหญ่นักโดยมีความยาวเพียงประมาณสามฉื่อและสูงเท่าครึ่งตัวคน อันที่จริงมันก็ดูไม่ต่างจากลูกสุนัขตัวน้อยนัก
สุนัขผลึกน้ำแข็งตัวนี้มีความเร็วที่สูงมากและปรากฏตัวตรงหน้าฉินอวี้โม่ภายในชั่วพริบตา จากนั้นมันก็อ้าปากกว้างและลมหายใจน้ำแข็งก็ถูกพ่นออกมาที่นาง
ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่อัดแน่นในลมหายใจดังกล่าวและไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย นางโบกมืออย่างรวดเร็วและสร้างม่านเพลิงป้องกันตรงหน้าเพื่อขัดขวางลมหายใจน้ำแข็งดังกล่าว
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันและม่านป้องกันตรงหน้าฉินอวี้โม่สลายหายไปทันที พลังธาตุน้ำแข็งที่พ่นออกมาจากปากของสุนัขผลึกน้ำแข็งทรงพลังยิ่งกว่าพลังธาตุน้ำแข็งของมายาถึงหนึ่งในสิบส่วน
“นี่มันพลังอะไรกัน ?!”
ฉินอวี้โม่ตกตะลึงทันที มารยาสืบทอดมรดกจากราชินีเหมันต์แล้วและแทบจะเรียกได้ว่าเป็นราชินีเหมันต์คนต่อไปซึ่งมีพลังธาตุน้ำแข็งที่อยู่ในระดับสูงสุด ทว่าสุนัขผลึกน้ำแข็งที่ดูจะไม่มีพลังการต่อสู้มากนักกลับมีพลังธาตุน้ำแข็งที่มากกว่ามารยาเสียอีก นั่นเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
มารยาส่ายศีรษะเบา ๆ ด้วยความจนปัญญายิ่งกว่า ข่ายอาคมของมันไม่ส่งผลกระทบใดต่อสุนัขผลึกน้ำแข็งแม้แต่น้อย สุนัขประหลาดสามารถฝ่าทะลวงผ่านข่ายอาคมของมารยาได้อย่างง่ายดายจนสามารถโจมตีทั้งมันและฉินอวี้โม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น การเคลื่อนไหวของสุนัขผลึกน้ำแข็งก็รวดเร็วมากและรวดเร็วยิ่งกว่าฉินอวี้โม่เสียอีก เพราะเหตุนั้นพวกนางจึงเห็นเพียงภาพติดตาของมันเท่านั้นและไม่มีทางที่จะโจมตีถูกตัวมันได้ นับประสาอะไรกับการทำให้มันบาดเจ็บ
ฉินอวี้โม่อยู่ในสภาวะที่ไม่น่าอภิรมย์นัก สุนัขผลึกน้ำแข็งมีขนาดเล็กและมีความเร็วที่สูง รวมถึงสีของร่างกายมันก็แทบจะไม่แตกต่างไปจากสภาพแวดล้อมโดยรอบ การโจมตีหลายคราของฉินอวี้โม่จึงไร้ประโยชน์และไม่สามารถแตะต้องตัวคู่ต่อสู้ได้เลย
พลังน้ำแข็งที่สุนัขผลึกน้ำแข็งพ่นออกมาทำให้ฉินอวี้โม่ปวดหัวไม่น้อย แม้แต่เพลิงแห่งชีวิตของซิวก็ไม่อาจต้านทานพลังธาตุน้ำแข็งดังกล่าวได้ ลมหายใจน้ำแข็งที่พ่นมาจากปากของสุนัขผลึกน้ำแข็งสามารถเอาชนะเพลิงของซิวได้อย่างง่ายดาย
ฉินอวี้โม่ก็พยายามจะโฉบตัวเข้าไปใกล้หล่อฮั้งก้วย ทว่าทันทีที่เข้าไปใกล้ สุนัขผลึกน้ำแข็งก็จะออกมาขวางหน้าอยู่เสมอ
หล่อฮั้งก้วยเติบโตอยู่ที่ทางเข้าถ้ำซึ่งเป็นจุดที่อีกฝ่ายป้องกันได้ง่ายและยากที่จะบุกรุกเข้าไป เห็นได้ชัดว่าตราบใดที่เอาชนะสุนัขผลึกน้ำแข็งไม่ได้ พวกนางก็จะไม่มีทางครอบครองหล่อฮั้งก้วยมาได้อย่างแน่นอน
“ข้าเคยต่อสู้กับเจ้านี่มาก่อนและมันมิใช่อสูรมายาทั่วไปที่เรารู้จัก มันมีปัญญาที่ชาญฉลาดและไม่รักตัวกลัวตาย อีกทั้งในระหว่างการต่อสู้ พลังงานของมันก็เรียกได้ว่าไร้ที่สิ้นสุด ในทุ่งน้ำแข็งทางเหนือแห่งนี้ พลังของมันจะได้รับการเติมเต็มอย่างต่อเนื่อง หากต้องการหล่อฮั้งก้วยมาครอง พวกเจ้าจะต้องหาวิธีอื่น”
เสวียนปิงกล่าวเตือนฉินอวี้โม่ว่าหากมิใช่เพราะมีสุนัขประหลาดตัวนี้คุ้มกันอยู่ หล่อฮั้งก้วยก็คงจะถูกใครคนอื่นเด็ดเอาไปนานแล้ว
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะแสดงความเข้าใจและชำเลืองมองสุนัขผลึกน้ำแข็งอีกครั้งก่อนถอยออกไปกับมารยา
หลังจากถอยออกไปหลายสิบก้าว สุนัขผลึกน้ำแข็งก็หยุดไล่ล่าทั้งสองก็หันหลังกลับเข้าไปในถ้ำตามเดิม
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจว่าสุนัขผลึกน้ำแข็งจะต้องถูกส่งมาประจำอยู่ที่นี่โดยที่มีจุดประสงค์แอบแฝงและมิใช่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ ภารกิจที่สุนัขผลึกน้ำแข็งได้รับมอบหมายคงจะเป็นการปกป้องหล่อฮั้งก้วย ตราบใดที่ไม่มีผู้ใดเข้าใกล้หล่อฮั้งก้วย มันก็จะไม่ลงมือโจมตีก่อน
หลังจากทดสอบซ้ำ ๆ หลายรอบ ฉินอวี้โม่ก็มั่นใจเต็มร้อย ตราบใดที่เข้าไปใกล้หล่อฮั้งก้วย สุนัขผลึกน้ำแข็งก็จะโผล่ออกมาทันที หากถอยห่างออกไป สุนัขผลึกน้ำแข็งก็จะไม่แสดงตัวและทุกอย่างจะกลับสู่ความเงียบสงบ ข้อพิสูจน์ดังกล่าวยืนยันข้อสันนิษฐานของฉินอวี้โม่ให้ชัดเจนมากขึ้นและนึกถึงตัวเลือกที่พอจะทำได้ในตอนนี้
นางเริ่มจากการเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวและขับเคลื่อนเข้าไปใกล้หล่อฮั้งก้วยเพื่อดูว่าจะสามารถชิงมันมาอย่างเงียบ ๆ ได้หรือไม่
น่าเสียดายที่วิธีนี้ไม่ได้ผลเช่นกัน เมื่อเข้าไปใกล้หล่อฮั้งก้วย สุนัขผลึกน้ำแข็งก็รับรู้ได้ทันทีและกระโจนออกมาจากในถ้ำก่อนหยุดตรงหน้าพวกนาง
“แม้แต่คฤหาสน์เฟิงหัว..มันก็ยังสัมผัสได้ เป็นอสูรที่มีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมดีจริง ๆ”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม เนื่องจากคาดการณ์ผลลัพธ์ทำนองนี้ไว้แล้ว นางจึงไม่ผิดหวังแต่อย่างใดและเพียงถอยกลับไปเพื่อทดลองด้วยวิธีอื่น
หลังจากนั้น ฉินอวี้โม่ก็พยายามใช้วิธีการอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างข่ายอาคมเพื่อซ่อนกลิ่นอาย หรือวางข่ายอาคมลวงตาบริเวณหน้าปากถ้ำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสุนัขผลึกน้ำแข็ง ทว่าวิธีการเหล่านั้นก็ไม่ได้ผลแม้แต่วิธีเดียว
ฉินอวี้โม่ไม่ทราบเช่นกันว่าสุนัขผลึกน้ำแข็งสัมผัสได้อย่างไร ทว่าทุกคราที่เข้าไปใกล้หล่อฮั้งก้วย สุนัขผลึกน้ำแข็งก็จะปรากฏตัวและขวางหน้าไว้แทบจะทันที
ซิวก็ลองพยายามด้วยตัวเองเช่นกัน ทว่าพลังของสุนัขผลึกน้ำแข็งทำให้มันปวดหัวยิ่งนัก
เห็นได้ชัดว่าสุนัขผลึกน้ำแข็งมิใช่อสูรมายาธรรมดาและแรงกดดันอันทรงพลังของซิวก็ไม่มีผลต่อมันแม้แต่น้อย อีกทั้งร่างของสุนัขผลึกน้ำแข็งก็ไม่มีกลิ่นอายของอสูรมายาแผ่ออกมา หากเป็นอสูรมายาทั่วไป ซิวคงจะควบคุมมันได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันกลับทำอะไรสุนัขประหลาดตัวนี้ไม่ได้เลย
บรรดาอสูรรวมตัวกันในคฤหาสน์เฟิงหัวและคิดหาทางรับมือกับสถานการณ์ต่อไป
หากชิงหล่อฮั้งก้วยมาได้สำเร็จ ฉินอวี้โม่ก็สามารถเมินเฉยต่อสุนัขผลึกน้ำแข็งและเดินทางออกไปจากที่นี่ได้ทันที
น่าเสียดายที่พวกนางเข้าไปใกล้เป้าหมายไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีทางเลยที่นางจะชิงหล่อฮั้งก้วยและซ่อนไว้ในคฤหาสน์เฟิงหัวได้
นอกจากนี้ ฉินอวี้โม่ก็ได้พยายามหลอกล่อสุนัขผลึกน้ำแข็งให้เข้ามาในคฤหาสน์ล่องหนของตน ทว่าวิธีการนั้นก็ไม่เป็นผลเช่นกันและอีกฝ่ายไม่แยแสแม้แต่น้อย
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ ฉินอวี้โม่จึงติดอยู่ในสภาวะจนมุมเป็นพักใหญ่…