เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า บทที่ 1799
จิ่วเซียวที่ว่าคือชิงเซียว ปี้เซียว ตันเซียว จิ่งเซียว ยู่เซียว หลางเซียว หั่วเซียว จื่อเซียวและเสินเซียว
ตอนอยู่ประเทศตันเซิ่ง ซั่งซินชุดดำผู้อาวุโสจื่อเซียวพูดเรื่องนี้กับเขาแล้ว
ตอนนั้นลู่ฝานจำขึ้นใจ ไม่กล้าลืมเลย
อีกทั้งมีตัวอย่างของผู้อาวุโสจื่อเซียว ลู่ฝานให้ความสำคัญกับแหวนของสำนักจิ่วเซียวตลอดเวลา เมื่อกี้แหวนบนนิ้วผู้อาวุโสซู่มั่นมันคือแหวนนั้นเลย
แม้คำว่าชิงเซียวบนแหวนเลือนรางแล้ว แต่ลู่ฝานจำได้
มีแหวนวงนี้อยู่ ยืนยันได้เลยว่าผู้อาวุโสซู่มั่นมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสำนักจิ่วเซียว
ลู่ฝานนึกถึงตอนที่ผู้อาวุโสจื่อเซียวคุยกับเขา นอกจากพูดถึงชื่ออาจารย์เขาแล้ว เขายังพูดชื่อใครอีกคนด้วย
ซู่มั่น!
ใช่แล้ว เธอนั่นแหละ
เมื่อคิดย้อนกลับไปเรื่อยๆ ลู่ฝานก็จำได้
ตอนเขาเพิ่งฝากตัวเป็นศิษย์ของอาจารย์หวูเฉิน เคยมีผู้หญิงคนหนึ่งมาหา
เธอพูดกับอาจารย์หวูเฉินไม่กี่ประโยค อาจารย์หวูเฉินรีบปิดร้านเหล้าแล้วหลบไปอยู่ในเขาซีซาน
ผู้หญิงคนนี้คือผู้อาวุโสซู่มั่น
ตอนนี้ลู่ฝานเข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ทำแบบนี้
เจอเพื่อนเก่าที่เข้าสู่สำนักมารมาเยี่ยม ไม่ว่าใครก็มีปฏิกิริยาแบบนี้
พอคิดขึ้นมา ถือว่าปฏิกิริยาของอาจารย์หวูเฉินเบามาก
ถ้าเป็นเขา คงมีโอกาสหนีออกจากประเทศอู่อานเลยมั้ง
เพราะผู้อาวุโสซู่มั่น คือคนที่ไม่เห็นสามราชาปีศาจอยู่ในสายตาเลย!
พูดอีกนัยหนึ่ง เธออาจน่ากลัวกว่าสามราชาปีศาจก็ได้
สูดหายใจลึก ในหัวลู่ฝานมีความคิดมากมาย จากนั้นจึงเดินออกไป
ตอนเขาเดินมาถึงหน้าประตูหิน ประตูค่อยๆ ปิดลง
ลู่ฝานมองเงามากมายด้านหน้า แอบเอามือซ้ายไพล่หลัง จากนั้นโยนเงาสีดำออกจากมือ
การกระทำของเขาคลุมเครือมาก ทำให้ไม่มีใครจับตามองเขา
ลู่ฝานเดินไปข้างหน้าต่อ ประตูหินด้านหลังปิดลงเสียงดัง
ด้านในประตูหิน ประมุขประเทศฉิงเทียนที่ยังไม่ตาย เห็นของอย่างหนึ่งกลิ้งมาตรงหน้าเขา
ประมุขประเทศฉิงเทียนเบิกตาโตทันที
เพราะสิ่งที่กลิ้งมาตรงหน้าเขาคือผลไม้ที่ส่องแสงกะพริบ
“ผลไม้แห่งวิถี!”
ประมุขประเทศฉิงเทียนพูดอย่างตกตะลึงด้วยเสียงอ่อนเพลีย
ขณะกำลังพูด แสงหนึ่งส่องออกมาจากผลไม้แล้วพุ่งไปทางหน้าผา
เขาหันไปมองหน้าผาข้างตัวเองทันที
ยังมีมีดสั้นปักอยู่ตรงนั้น เป็นมีดปราบมารที่หลุดออกจากมือลู่ฝานเมื่อครู่
แสงพันมีดสั้นไว้ มีเสียงดังขึ้นเบาๆ มีดปราบมารหล่นลงมาเสียงดังเคร้ง ลอยมาข้างผลแห่งวิถีด้านหน้าประมุขประเทศฉิงเทียน
เหมือนประมุขประเทศฉิงเทียนเข้าใจอะไรบางอย่าง เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ไอ้เด็กนี่ นายเป็นใครกันแน่!”
มองมีดสั้นกับผลไม้ด้านหน้า ประมุขประเทศฉิงเทียนสูดหายใจแล้วพูดว่า “บางทีอาจมีโอกาสจริงๆ!”
ด้านนอก ลู่ฝานตามผู้ฝึกชั่วร้ายคนอื่นออกมาแล้ว
ไม่นาน เขาเดินตามหนานกงสิงทันแล้ว
ตอนนี้ไม่รู้ผู้อาวุโสซู่มั่นหายไปไหนแล้ว ลู่ฝานเดินมาข้างหนานกงสิงแล้วพูดว่า “ตอนนี้พ่อนายยังไม่เป็นอะไร นายไม่ต้องคิดมาก”
หนานกงสิงหันมามองลู่ฝานด้วยแววตาสับสน “เมื่อกี้นายจะฆ่าพ่อฉันจริงเหรอ”
ลู่ฝานมองเขาอย่างราบเรียบ “ถ้าบอกว่าฉันแสร้งทำ นายจะเชื่อไหม”
หนานกงสิงอึ้งเล็กน้อย จู่ๆ เขาคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตโลหิต ตอนนั้นลู่ฝานก็เคยแสร้งทำเหมือนกัน
หนานกงสิงรีบพูดว่า “ฉันเชื่อนาย”
ลู่ฝานพยักหน้าพูดว่า “เชื่อฉันน่ะถูกต้องแล้ว ฉันทิ้งของไว้ให้พ่อนาย แม้ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์หรือเปล่า แต่อาจช่วยเขาได้!”
หนานกงสิงกำหมัดทันที เขากัดฟันพูดว่า “ผู้ฝึกชั่วร้ายพวกนี้ต้องตายทุกคน อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
ลู่ฝานพยักหน้า “ใช่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ สหายหนานกงต้องเห็นแก่ส่วนรวมนะ!”
หนานกงสิงพยักหน้าจริงจัง
……
หลังผ่านไปสิบวัน
ลู่ฝานกับหนานกงสิงกำลังนั่งจิบชาในจวนองค์ชายใหญ่
หนานกงสิงเอาหินศักดิ์สิทธิ์มาวางบนโต๊ะ จากนั้นพูดว่า “ตอนนี้ดูเหมือนฉันเป็นรองหัวหน้าหน่วยที่ 15 แล้ว เมื่อวานฉันเอาหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้ไปบอกให้พวกฟางหยู่กลับไปรวมกำลังคน พวกเขาทำตามคำสั่งจริงด้วย เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ในจวนฉันเต็มไปด้วยผู้ฝึกชั่วร้ายของหน่วยที่ 15”
ลู่ฝานพูดว่า “งั้นองค์ชายตัวปลอมคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน ยังเจออะไรอีกไหม”
หนานกงสิงส่ายหน้า “ไม่มีแล้ว พวกผู้ฝึกชั่วร้ายเก็บความลับดีมาก แต่ละคนทำแค่ภารกิจของตัวเอง ภารกิจของคนอื่น ถึงถามไปก็ไม่ได้อะไร เขาไม่มีทางบอกนายอย่างละเอียด อย่างมากก็แค่พูดว่ารู้ พวกเขากำลังรวบรวมอะไรบางอย่าง อีกทั้งยังส่งคนมาที่ประเทศฉิงเทียนอย่างต่อเนื่องด้วย”
“แล้วคนพวกนี้ไปไหนเหรอ”
ลู่ฝานขมวดคิ้วถาม
หนานกงสิงส่ายหน้า “ไม่รู้ คงต้องรอลูกน้องหน่วยที่ 15 มาถึงก่อน แล้วค่อยดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
ลู่ฝานถอนหายใจ ดูเหมือนการสืบเรื่องราวไม่ง่ายขนาดนั้นแล้วล่ะ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกัน มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นด้านนอก