บทที่ 972

The king of War

คนของฝ่ายหลักจึงเงียบลง แต่สีหน้าของทุกคนไม่เข้าใจ ถึงขั้นที่ผู้มีอำนาจของฝ่ายหลักสองสามคน มีสีหน้าขุ่นเคือง

แต่พวกเขาทำได้เพียงโมโห ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพราะยังไงเจียงสยงก็เป็นผู้นำ แถมยังมีหมอเทวดาอันดับหนึ่ง อย่างเฝิงเสียวหว่านคอยช่วยเหลือ ไม่แน่วันใดวันหนึ่ง เจียงสยงอาจกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดได้อีกครั้ง

“ในเมื่อฉันให้คุณหยางขึ้นไปบนเวทีต่อสู้ ฉันมีเหตุผลของฉันอยู่แล้ว พวกนายรอดูแล้วกัน คุณหยางไม่ทำให้พวกนายผิดหวังแน่นอน”

เจียงสยงเอ่ยขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เหล่าคนที่สงสัยเป็นอย่างมาก ต่างพากันใจเย็นลง

เจียงสยงเป็นผู้นำ ต้องเอาสิทธิ์การเลือกผู้สืบทอด มาอยู่ในฝ่ายหลักอย่างแน่นอน

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขามีเหตุผลอะไร ที่จะจงใจแพ้การต่อสู้ล่ะ

อย่าบอกนะว่า คนหนุ่มที่เดินขึ้นไปเวที จะแข็งแกร่งจริง

“คุณหยางเป็นแขกผู้วีไอพีของตระกูลเจียง เขารับปากเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเจียง ตามธรรมเนียมแล้ว เขาสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ ทุกท่านคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

เจียงสยงกวาดตามองฝ่ายอื่น แล้วถามขึ้น

หัวหน้าแต่ละฝ่ายมองหน้ากัน แล้วส่ายหน้า “ไม่มีปัญหา!”

มีเพียงฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ที่ไม่ได้ตอบ

“ทำไม ฝ่ายรองกับฝ่ายสาม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”

เจียงสยงหรี่ตามองหัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม แล้วถามขึ้น

“ในเมื่อผู้นำให้เขามีชื่อเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเจียงแล้ว พวกเราจะมีปัญหาอะไรได้อีกล่ะ”

หัวหน้ารองย้อนถาม

หัวหน้าสามแสยะยิ้ม “ดูเหมือนผู้นำคงไม่มีคนที่สามารถใช้ได้แล้วจริงๆ ต้องอ้อมค้อมขนาดนี้ เพื่อจะให้เขาขึ้นมาบนเวที แถมยังให้เขามีชื่อเป็นผู้อาวุโสด้วย”

“ในเมื่อทุกท่านไม่มีปัญหา งั้นสู้ต่อเถอะ!”

เจียงสยงไม่สนใจคำพูดของหัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม รีบประกาศให้แข่งต่อทันที

“การแข่งต่อสู้แบบกลุ่ม รอบน็อคเอ้าท์ รอบที่สาม ฝ่ายหลักVSฝ่ายห้า เริ่มการแข่งอย่างเป็นทางการ!”

กรรมการประกาศเริ่มแข่งทันที

ตอนกรรมการประกาศเริ่มแข่ง ผู้แข็งแกร่งของฝ่ายหลัก พุ่งไปที่ผู้แข็งแกร่งฝ่ายห้า เริ่มต่อสู้ทันที

หยางเฉินเหมือนคนไม่เป็นอะไร ยืนกอดอกมองอยู่ข้างๆ

ผู้แข็งแกร่งฝ่ายหลักที่เดิมคาดหวังกับหยางเฉิน เมื่อเห็นภาพนี้ ต่างมีสีหน้าขุ่นเคือง

“ไอ้เลว นายแอบมองอยู่ข้างๆ ช่างเป็นภาพลักษณ์อันอัปยศของฝ่ายหลักจริงๆ!”

“ผู้นำ คุณให้เขาร่วมการต่อสู้แบบกลุ่ม เอาจริงใช่ไหม”

“ไอ้เลว รีบลงมือสิ!”

……

ทันใดนั้น คนฝ่ายหลักพากันพูดขึ้น ตำหนิหยางเฉิน

หยางเฉินไม่พูดอะไร ยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีท่าทีจะลงมือ

คนในฝ่ายอื่น เห็นท่าทีของหยางเฉิน ถึงกับอ้าปากค้าง

“อย่าบอกนะว่า ฝ่ายหลักไม่มีคนให้ใช้แล้วจริงๆ”

ทางฝ่ายรอง หัวหน้าฝ่ายรองสีหน้าสงสัย

หัวหน้าฝ่ายสามก็ไม่เข้าใจ พึมพำกับตัวเองว่า “เจียงสยง กำลังเล่นอะไรอยู่กันแน่ อย่าบอกนะว่า ใช้การแข่งขันต่อสู้ มาตัดสินผู้มีสิทธิ์เลือกผู้สืบทอด เพียงเพราะต้องการให้แต่ละฝ่าย ระเบิดพลังที่แท้จริงออกมา”

ไม่มีใครสามารถให้คำตอบพวกเขาได้

การต่อสู้แบบกลุ่มดุเดือดมาก ผู้แข็งแกร่งฝ่ายหลักเก้าคน แข็งแกร่งมาก ในสถานการณ์ที่ “ขาด” คนไปหนึ่งคน ยังกดฝ่ายห้าได้อย่างอยู่หมัด

ส่วนหยางเฉิน โดนผู้แข็งแกร่งฝ่ายห้าเมินเฉยใส่

ระยะเวลาสั้นๆ เพียงห้านาที ตามมาด้วยผู้แข็งแกร่งฝ่ายห้า ที่โดนโจมตีจนตกเวทีเป็นคนแรก จากนั้น ผู้แข็งแกร่งฝ่ายห้าคนอื่น ต่างพ่ายแพ้ย่อยยับ

“การแข่งต่อสู้แบบกลุ่ม รอบน็อคเอ้าท์ รอบที่สาม ฝ่ายหลัก ได้รับชัยชนะ!”

กรรมการประกาศว่าฝ่ายหลักได้รับชัยชนะ ต่อหน้าทุกคน

“อันดับคะแนนสะสมในตอนนี้ อันดับหนึ่ง ฝ่ายสาม สิบเก้าคะแนน!”

“อันดับสอง ฝ่ายรอง สิบหกคะแนน!”

“อันดับสาม ฝ่ายหลัก สิบคะแนน!”

……

ถึงฝ่ายหลักไม่ได้คะแนนในการต่อสู้แบบเดี่ยวและแบบคู่ แต่ชนะการแข่งแบบกลุ่มเพียงรอบเดียว กลับได้คะแนนสิบคะแนน

ต่อไป เป็นการช่วงชิงกันระหว่าง ฝ่ายหลัก ฝ่ายรอง และฝ่ายสาม

ถึงเป็นเช่นนี้ ฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ก็ยังไม่เห็นฝ่ายหลักอยู่ในสายตา

การต่อสู้ของฝ่ายหลักกับฝ่ายห้าเมื่อกี้ ถึงฝ่ายหลักชนะ แต่ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมแข่งทั้งเก้าคน พละกำลังยังห่างชั้นกับฝ่ายสามและฝ่ายรอง

ตอนนี้ตัวแปรเพียงสิ่งเดียว คือหยางเฉิน

แต่ถึงคนจำนวนมากที่อยู่ในนี้ จะอยากรู้ตัวตนของหยางเฉินมาก แต่ไม่มีใครมองเขาดีสักคน

“ลำบากทุกท่านแล้ว!”

มองคนที่เดินลงจากเวที เจียงสยงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

“ผู้นำ ไม่เรียกว่าลำบากหรอก แต่สวะคนหนึ่งที่คุณให้ขึ้นไปบนเวที ไม่ค่อยเหมาะสมหรือเปล่า”

“ในเมื่อขึ้นไปบนเวทีต่อสู้แล้ว ก็ต้องเข้าร่วมสู้ ถึงพละกำลังของเขาด้อย อย่างน้อยก็ต้องล้มบนเวที เขากลับหลบอย่างขี้ขลาด นี่มันเกินไปแล้ว”

“ผมคิดว่า ในเมื่อเขาไม่กล้าเข้าทีมสู้ สู้ไม่ต้องขึ้นไปบนเวทีดีกว่า กลับทำให้ฝ่ายอื่นหัวเราะด้วยซ้ำ”

……

ผู้แข็งแกร่งฝ่ายหลักทั้งเก้าคน ต่างพากันไม่สบอารมณ์

เจียงสยงมองหยางเฉินด้วยสีหน้าขอโทษ แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “พวกนายยังไม่รู้ความสามารถของคุณหยาง เดี๋ยวรอดูแล้วกัน เขาไม่ทำให้พวกนายผิดหวังแน่นอน”

“แต่……”

มีคนกำลังจะเถียง แต่โดนเจียงสยงพูดขัด “ถ้านายไม่ยอมขึ้นไปบนเวทีกับคุณหยาง นายออกจากการต่อสู้ได้!”

คำพูดนี้รุนแรงมาก ผู้แข็งแกร่งคนนั้นรีบหุบปากทันที แต่แววตาที่มองไปยังหยางเฉิน ยิ่งเต็มไปด้วยความโมโห

“ต่อไป ตามหลักแล้วยังมีอีกสามรอบ แต่เพียงสองรอบ ก็สามารถตัดสินผู้แพ้ชนะได้แล้ว เรามาปลุกความตื่นเต้นกันหน่อยไหม”

ทางฝ่ายรอง จู่ๆ หัวหน้ารองหัวเราะ แล้วหันไปถามเจียงสยง

“นายจะเปลี่ยนกฎการต่อสู้เหรอ”

เจียงสยงขมวดคิ้วถาม

หัวหน้าสามก็มองหัวหน้ารองอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้เขาจะเอายังไง

หัวหน้ารองหัวเราะ แล้วส่ายหน้า “ไม่เรียกว่าเปลี่ยนกฎหรอก แค่เปลี่ยนวิธีเล่น”

“ลองพูดมาสิ!”

เจียงสยงพูดด้วยหน้าไร้อารมณ์

“ยังเหลือการแข่งอีกสามรอบ แต่ในความเป็นจริง อีกแค่สองรอบ ก็รู้ว่าใครแพ้ชนะแล้ว”

“ถ้าใช้วิธีจับฉลาก ไม่ว่าฝ่ายไหนจะเริ่มสู้ก่อน ฝ่ายที่ชนะ จะต้องสู้กับอีกฝ่ายหนึ่ง สองฝ่ายที่ต่อสู้ก่อน สูญเสียพละกำลังไปมาก ถ้าสู้ต่อ จะไม่ยุติธรรม”

“ดังนั้นผมจึงเสนอะว่า ผู้แข็งแกร่งทั้งสามฝ่าย สามสิบคน ขึ้นไปสู้พร้อมกันทั้งหมด เมื่อผู้แข็งแกร่งที่เหลือบนเวที เป็นผู้แข็งแกร่งของฝ่ายเดียว จะถือว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชนะ เป็นไง”

หัวหน้ารองหัวเราะ แล้วพูดขึ้น

“ไม่ได้!”

เจียงสยงยังไม่ทันพูดอะไร คนของฝ่ายหลักพูดค้านออกมาทันที

คนที่อยู่ในนี้ล้วนรู้ดี ฝ่ายรองกับฝ่ายสาม เป็นพวกเดียวกัน ถ้าให้ทั้งสามฝ่ายสู้กันทีเดียว ฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ต้องร่วมมือกันแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นฝ่ายหลักจะไม่มีโอกาสชนะเลย

“ผู้นำ ห้ามรับปากเด็ดขาด!”

ผู้มีอำนาจฝ่ายหลักที่พูดค้านเมื่อครู่ รีบพูดเกลี้ยกล่อม “เดิมทีโอกาสชนะของฝ่ายหลักก็ไม่มากแล้ว ถ้าฝ่ายรองกับฝ่ายสามร่วมมือกัน ฝ่ายหลักจบเห่แน่!”

“ฉันไม่มีปัญหา!”

หัวหน้าสามรู้ความหมายของหัวหน้ารอง จึงรีบแสดงท่าที

ทันใดนั้น เหลือแค่ฝ่ายหลักเท่านั้น

เจียงสยงไม่ได้โง่ เขาเข้าใจจุดนี้ดี