“ผู้นำ ห้ามรับปาก!”
ผู้มีอำนาจของฝ่ายหลักพูดขึ้นอีก
ขนาดเจียงหลงเฟย ก็พูดด้วยสีหน้าหนักใจ “พ่อ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา! พ่อต้องจริงจังนะครับ!”
หัวหน้ารองหัวเราะ แล้วมองเจียงสยง “ผมแค่พูดข้อเสนอของผมเท่านั้น ถ้าผู้นำกลัว ไม่ยินยอม ก็ไม่เป็นไร เพราะมีกฎอยู่ตั้งนานแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้ารองกำลังยั่วยุให้ทำ ขณะที่ทุกคนเข้าใจว่าเจียงสยงจะไม่ตกลง
จู่ๆ เจียงสยงหัวเราะอย่างเบิกบานใจ “ทำไมจะไม่กล้าล่ะ ไม่ว่าใครแพ้หรือชนะ ผู้สืบทอดตระกูลเจียงก็แซ่เจียง เป็นครอบครัวเดียวกัน ผู้สืบทอดอยู่ฝ่ายไหน จะเกี่ยวอะไรกันล่ะ”
“ฮ่าๆ ได้! ผู้นำเด็ดขาดมาก!”
หัวหน้ารองหัวเราะร่า แล้วเอ่ยขึ้น
“แต่ ฉันก็จะเสนออย่างหนึ่งเหมือนกัน”
เจียงสยงพูดต่อ
“ไม่มีปัญหา ผู้นำพูดมาได้เลย!”
หัวหน้ารองยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้น
“ทุกท่านคงเดาถึงจุดประสงค์ที่ฉันเอาวิธีการต่อสู้ มาตัดสินผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตำแหน่งผู้สืบทอดกันได้แล้ว”
เจียงสยงกวาดตามองทุกคน แล้วพูดเสียงดัง “ใช่แล้ว เป็นอย่างที่ทุกคนคาดเดาไว้ ฉันเอาอำนาจการเลือกผู้สืบทอดให้ทั้งหกตระกูล เพราะอยากบังคับให้แต่ละฝ่าย แสดงพละกำลังที่แท้จริงของตัวเองออกมา”
“ทุกท่านก็เห็นแล้ว ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการต่อสู้วันนี้ ล้วนเป็นคนแปลกหน้า แต่คนพวกนี้ ล้วนเป็นคนที่แต่ละฝ่าย เอาทุนทรัพย์ของตระกูลเจียงบ่มเพาะออกมา”
“เพื่อทำให้ตระกูลเจียงแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นฉันจึงเสนอว่า หลังการต่อสู้ครั้งนี้สิ้นสุดลง ไม่ว่าตำแหน่งผู้สืบทอดจะตกอยู่กับฝ่ายใด ทุกคนต้องส่งผู้แข็งแกร่ง ที่เข้าร่วมการต่อสู้ในวันนี้ มาสร้างเป็นทีมผู้แข็งแกร่ง ที่เป็นของตระกูลเจียง!”
เจียงสยงพูดอย่างจริงจัง สีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทุกคนพากันเงียบ
ล้วนเป็นคนของตระกูลเจียง พวกเขาอยากให้ตระกูลเจียง แข็งแกร่งและรุ่งเรืองขึ้นอยู่แล้ว
สิ่งที่เจียงสยงพูดทั้งหมด ล้วนทำเพื่อตระกูลเจียง
แต่ถ้าส่งเหล่าผู้แข็งแกร่งที่แอบบ่มเพาะออกมา ต่อไปแต่ละฝ่าย จะเหลือพละกำลังอีกเท่าไร
“ผมเห็นด้วย!”
ขณะที่แต่ละฝ่ายกำลังเงียบ หัวหน้าใหญ่พูดขึ้นทันที “ผู้นำพูดถูกต้อง คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่แต่ละฝ่าย ใช้ทุนทรัพย์ของตระกูลเจียง บ่มเพาะขึ้นมา”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเจียง เรามีเหตุผลอะไร ที่จะไม่ให้ความร่วมมือ แล้วทำให้พละกำลังของตระกูลเจียงอ่อนแอลงล่ะ”
เมื่อหัวหน้าใหญ่พูดจบ หัวหน้าห้าก็แสดงท่าทีออกมา “ฝ่ายห้ายอมส่งคนให้!”
“ฝ่ายสี่ยอมส่งคนให้!”
หัวหน้าสี่ก็พูดขึ้นมา
ทันใดนั้น เหลือเพียงแค่ฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ที่ไม่แสดงท่าทีออกมา สองฝ่ายนี้ ล้วนมีพละกำลังในการต่อสู้แข็งแกร่งมาก
สายตาของทุกคน มองไปยังหัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม รอให้พวกเขาตัดสินใจ
หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม มีสีหน้าหนักใจ พวกเขารู้ดี ถ้ารับปาก พวกเขาจะสูญเสียกำลังอำนาจในมือไปทันที
ถึงพวกเขาได้ตำแหน่งผู้สืบทอด แต่ผู้นำในตอนนี้ ยังคงเป็นเจียงสยง
ขืนเจียงสยงได้รวบรวมกำลังอำนาจ แล้ววกกลับมาเล่นงานพวกเขา แถมยังไม่ยอมรับผลการต่อสู้ในวันนี้ จะรับมือยังไงล่ะ
“ผมไม่เชื่อคุณ!”
จู่ๆ หัวหน้าสามมองเจียงสยง แล้วเอ่ยขึ้น
“ผมก็ไม่เชื่อคุณเหมือนกัน!”
หัวหน้ารองก็เอ่ยขึ้น
เจียงสยงถามว่า “งั้นจะเอายังไง พวกนายถึงจะเชื่อฉัน”
“เว้นเสียแต่คุณออกจากตำแหน่งผู้นำ!”
หัวหน้าสามพูดอย่างไม่ลังเล
ถึงหัวหน้ารองไม่ได้พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเขาก็คิดเช่นนี้
เจียงสยงแสยะยิ้ม “พวกนายอยากให้ฉันออกจากตำแหน่งผู้นำขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ถ้าคุณเอาผู้แข็งแกร่งแต่ละฝ่าย ไปรวมไว้ที่ฝ่ายหลัก แล้ววกกลับมาเล่นงานพวกเรา พวกเราจะทำยังไงล่ะ”
หัวหน้ารองย้อนถาม
“ได้ ในเมื่อพวกนายอยากให้ฉันวางมือให้คลื่นลูกใหม่ งั้นฉันจะสนองให้พวกนาย”
จู่ๆ เจียงสยงเอ่ยขึ้น
“จริงเหรอ”
หัวหน้ารองกับหัวหน้าสามดีใจมาก แทบจะถามขึ้นพร้อมกัน
“ผู้นำ!”
คนของฝ่ายหลักต่างมีสีหน้าตกใจ และพากันพูดห้าม
คนของฝ่ายอื่น ก็ช็อกเหมือนกัน สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“จุดประสงค์ของการต่อสู้วันนี้ เพราะต้องการแต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ ถ้าฉันออกจากตำแหน่งผู้นำ งั้นหมายความว่า ถ้าฝ่ายใดชนะการต่อสู้ ผู้นำตระกูลเจียงคนใหม่ ก็จะอยู่กับฝ่ายนั้นใช่ไหม”
“นั่นแสดงว่า การต่อสู้วันนี้ คนที่เราจะแต่งตั้ง ไม่ใช่ผู้สืบทอด แต่เป็นผู้นำคนใหม่ พูดแบบนี้ คงไม่มีปัญหาใช่ไหม”
เจียงสยงถามขึ้น
“ใช่ ฝ่ายไหนชนะ ฝ่ายนั้นก็เลือกผู้สืบทอด และเป็นผู้นำคนใหม่ของตระกูลเจียง!”
หัวหน้ารองยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
หัวหน้าสามก็พยักหน้า “ใช่ หลักการนี่แหละ”
“ได้ งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน การต่อสู้แบบกลุ่มรอบสุดท้าย ผู้แข็งแกร่งของสามฝ่าย จำนวนสามสิบคน ขึ้นไปต่อสู้พร้อมกันบนเวที สุดท้ายเหลือผู้แข็งแกร่งของฝ่ายใด ฝ่ายนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ ผู้นำคนใหม่ ก็มาจากฝ่ายนั้น!”
เจียงสยงตัดสินใจทันที โดยไม่ลังเลสักนิด
เขารับปากอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ทำให้หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม ที่พอใจอยู่เมื่อครู่ กลับรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี
แต่พวกเขารับปากไปแล้ว เจียงสยงก็รับปากว่าจะวางมือให้คลื่นลูกใหม่ ถ้าพวกเขาจะปฏิเสธ ก็สายไปแล้ว
“ไม่ได้นะผู้นำ!”
คนฝ่ายหลักพูดห้าม
“เริ่มการต่อสู้รอบสุดท้ายเถอะ!”
เจียงสยงพูดกับกรรมการ
ผู้แข็งแกร่งของฝ่ายรองกับฝ่ายสาม รีบขึ้นไปบนเวที เพราะกลัวว่าเจียงสยงจะเปลี่ยนใจ และผู้แข็งแกร่งทั้งสิบคนของฝ่ายหลัก ก็ขึ้นไปบนเวทีต่อสู้เช่นกัน
ตอนนี้คนตระกูลเจียง ทั้งคาดหวังและเป็นกังวล
แต่ใครๆ ก็รู้ดี หลังการต่อสู้ครั้งนี้จบลง ตระกูลเจียงจะไปถึงจุดสุดยอด อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“การต่อสู้ระยะประชิด เริ่มอย่างเป็นทางการ!”
กรรมการประกาศเสียงดังทันที
เมื่อกรรมการออกคำสั่ง เสียงการต่อสู้ก็ดังขึ้นทันที!
เป็นไปตามที่คนตระกูลเจียงคิดเอาไว้ ผู้แข็งแกร่งฝ่ายรองกับฝ่ายสาม พุ่งเข้าไปล้อมผู้แข็งแกร่งฝ่ายหลัก พร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“ผู้นำ พวกเขาร่วมมือกันจริงๆ!”
คนฝ่ายหลัก เห็นภาพตรงหน้า ต่างพากันตะลึง
“ฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ไร้ยางอายจริงๆ!”
“ถ้ามีความสามารถ พวกนายก็สู้กับฝ่ายหลัก อย่างยุติธรรมสิ ร่วมมือกันเล่นงานฝ่ายหลัก นี่เรียกว่าอะไร”
……
มีคนทนไม่ไหว พูดตำหนิฝ่ายรองกับฝ่ายสามออกมาทันที
หัวหน้ารองกับหัวหน้าสาม ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร ทั้งสองมองไปบนเวทีต่อสู้ ด้วยสีหน้าหนักใจ
ถึงคนของพวกเขาร่วมมือกัน แต่พวกเขายังเป็นกังวล
เว้นเสียแต่ผู้แข็งแกร่งของฝ่ายหลักบนเวทีต่อสู้ จะโดนโจมตีจนร่วงจากเวที ไม่งั้นพวกเขาไม่มีทางวางใจ
บนเวทีต่อสู้ ดูวุ่นวายเป็นอย่างมาก มีเพียงตรงมุมเวที ที่มีคนหนุ่มยืนกอดอกอยู่ ไม่เข้ากับความวุ่นวายบนเวทีเสียเลย
ครั้งนี้ ไม่มีใครตำหนิหยางเฉินอีกแล้ว ถ้าให้เทียบความโกรธที่มีต่อหยางเฉิน พวกเขาโกรธที่ฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ร่วมมือกันมากกว่า
ผู้แข็งแกร่งฝ่ายหลักแต่ละคน ต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งสองคน ถึงขั้นที่ผู้แข็งแกร่งฝ่ายหลักเพียงคนเดียว ต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งสามคนโจมตี
“หัวหน้าใหญ่ หัวหน้าห้า พวกนายคิดว่า ฝ่ายไหนจะชนะ”
หัวหน้าสี่หาจังหวะถาม
หัวหน้าใหญ่หัวเราะ แล้วส่ายหน้า “ยังไม่รู้แพ้ชนะ ยังตัดสินไม่ได้!”
“เฒ่าหัวเจ้าเล่ห์จริงๆ!”
หัวหน้าสี่แอบคิดในใจ จากนั้นจึงมองหัวหน้าห้า แล้วถามว่า “หัวหน้าห้าคิดว่าไง”
“ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ โอกาสชนะของฝ่ายรองกับฝ่ายสาม ดูมากกว่าเล็กน้อย แต่ฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ ฉันไม่รู้”
หัวหน้าห้าพูดแบบคลุมเครือ