บทที่ 1942 จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

หยางเจาชิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเตือนว่า “คนเยอะเกินไป เกรงว่าที่นี่จะรองรับไม่ไหวขอรับ”

เหมียวอี้นิ่งไปชั่วขณะ เป็นตัวเองที่เลอะเลือนไป กำลังพลห้าสิบล้านนั่นไม่ใช่กำลังพลตามกฎเกณฑ์  ถ้าจะให้ทหารที่ถูกลดยศตำแหน่งมากันหมด เกรงว่าที่นี่จะยืนกันไม่หมด ถึงได้เปลี่ยนคำสั่งว่า “เช่นนั้นก็สั่งให้ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่เดิมแล้วกัน”

“รับทราบ!” หยางเจาชิงหยิบระฆังออกมาถ่ายทอดคำสั่ง

ส่วนเหมียวอี้ก็เปลี่ยนใส่เกราะรบของเแม่ทัพใหญ่หนึ่งแถบตรงนั้นเลย จากนั้นก็เดินก้าวยาวออกไป มุ่งตรงไปยังสวนรับแขก

ระหว่างทางบังเอิญเจอกับหยวนกงที่เดินผ่านมาพอดี หยวนกงรีบเข้ามาทำความเคารพ จากนั้นก็ถามว่า “ผู้ตรวจการใหญ่ เมื่อครู่นี้ข้าน้อยเห็นพ่อบ้านใหญ่เว่ยซูของตระกูลเซี่ยโห้วมาแล้ว เขามาทำอะไรถึงที่นี่ด้วยตัวเองขอรับ?”

เหมียวอี้พ่นเสียงทางจมูก “ไม่ใช่เพราะเรื่องเส็งเคร็งของตระกูลเซี่ยโห้วนั่นเหรอ เขามาขู่ข้า พอค่าไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเขา ก็เลยมาขู่ข้าแล้ว ข้าไม่ตกหลุมพรางหรอก ข้าก็อยากจะเห็นว่าใครกันแน่ที่จะได้สั่งสอนใคร!”

คำพูดนี้ฟังดูคลุมเครือ ซิงฟังแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างบิดเบือน ทว่ากลับเพียงพอที่จะทำให้หยวนกงครุ่นคิดถึงความหมายแฝงอันลึกซึ้งในคำพูด

คนที่มาถ่ายทอดคำสั่งให้ตำหนักสวรรค์กำลังรออยู่ในสวน เป็นทหารสวรรค์ทั้งหมดหนึ่งร้อยคน เป็นแม่ทัพใหญ่เกราะแดงเหมือนกันทั้งหมด จะเห็นได้ว่าตำหนักสวรรค์ค่อนข้างให้ความสำคัญกับการลดยศตำแหน่งของกำลังพลห้าสิบล้านนี้ ถ้าส่งมาแค่คนสองคนดูไม่โอ่อ่ามากพอ

กลุ่มทหารที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งกำลังกินดื่มพูดคุยแย้มกันอยู่ในตึกศาลา พอเหมียวอี้มาถึง กลุ่มคนก็ทยอยกันลุกขึ้น ถือว่าเป็นมารยาทพื้นฐาน

คนที่มาประกาศคำสั่งยังเป็นคนคุ้นเคยของเหมียวอี้ เขาคือเหวินเจ๋อนั่นเอง

เหวินเจ๋อเดินออกมาจากศาลากลางน้ำ ส่วนคนที่เหลือก็ทยอยกันเดินออกมาจากที่ต่างๆ เดินมาอยู่ข้างหลังเขา

เมื่อพบหน้ากัน เหมียวอี้ก็กุมหมัดขออภัย “ให้พี่เหวินรอนานแล้ว”

“ไล่เว่ยซูไปแล้วเหรอ?” เหวินเจ๋อถามกลั้วเราะ

“ไปแล้ว!” เหมียวอี้พยักหน้ายิ้ม “เริ่มได้เลยใช่มั้ย?”

เหวินเจ๋อขานรับ “ในเมื่อผู้ตรวจการใหญ่เสร็จงานแล้ว เช่นนั้นก็เริ่มเลยแล้วกัน!”

“เชิญ!” เหมียวอี้ยื่นมือหลีกทางให้ แล้วเดินเคียงข้างเหวินเจ๋อเข้าไป แล้วกลุ่มทหารก็เรียงแถวกันเดินตามหลัง

พอออกจากสวน กลุ่มคนที่ได้รับแจ้งก็รอยู่ด้านนอกแล้ว

สวีถังหราน ปี้เยว่ สงเวย ฝูชิง อิงอู๋ตี๋ หงเทียนรวมทั้งกลุ่มวีรบุรุษของทะเลดาวนักษัตรล้วนยืนเรียงแถวรออยู่ด้านนอก ฉวยโอกาสจากคำสั่งของตำหนักนารีสวรรค์ เหมียวอี้ย้ายลูกน้องเก่าเหล่านี้มาหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าบุคคลระดับบนของตลาดสวรรค์ไม่ปล่อยคน เขาเองก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน

อ้อมไปอ้อมมา วนไปวนมา สุดท้ายเหมียวอี้ก็ใช้งานกลุ่มคนที่สำรองไว้จากพิภพเล็ก

“ผู้ตรวจการใหญ่!”

เมื่อเหมียวอี้เดินออกมา สวีถังหรานก็นำทำความเคารพ ทั้งหมดเปลี่ยนใส่เกราะรบตามตำแหน่งขุนนางแล้ว

เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ ให้พวกเขา จากนั้นพวกเขาก็เดินตามขึ้นไป เสียงเกราะรบกระทบกันจนเกิดเสียงดัง ค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่ถูกปิดชั่วคราว กลุ่มคนเหาะออกไป ดึงดูดสายตาของทหารยามที่เฝ้าอยู่รอบๆ คนส่วนใหญ่ตระหนักได้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ ดีไม่ดีครั้งนี้ทหารยามที่อยู่ตรงนั้นจะต้องปล่อยกำลังพลกลุ่มใหญ่ใต้บังคับบัญชาของตัวเองไปคุมทัพอย่างเป็นทางการแล้ว

ดังนั้นกลุ่มทหารยามจึงยกระดับการเตรียมพร้อมป้องกัน อย่าให้เกิดเรื่องขึ้นตอนที่กำลังความพยายามครั้งสุดท้ายเด็ดขาด

ในถ้ำภูเขาแห่งหนึ่งบนยอดเขา ลิ่งหูโต้วจ้งที่ได้รับแจ้งจากหยางเจาชิงรีบเดินออกมาที่ปากถ้ำ แล้วตะโกนบอกทหารที่เฝ้าอยู่ตรงปากถ้ำ “ถ่ายทอดคำสั่งลงไป บัญชาสวรรค์มาถึงแล้ว ให้กำลังพลทั้งหมดรวมตัวกัน!”

ตามเสียงถ่ายทอดคำสั่งของเขา ระหว่างแนวเทือกเขาที่สูงต่ำสลับกันรอบด้านคึกคักทันที กำลังพลทยอยกันเหาะออกมา พวกเขามารวมตัวกันบนที่ราบ ยิ่งใหญ่เกรียงไกรสุดลูกหูลูกตา ครอบคลุมทั้งพื้นที่ราบไว้แล้ว

ระหว่างแนวเทือกเขาคึกคักไม่หยุด สมาชิกครอบครัวเหล่านั้นทยอยกันโผล่หน้าออกมาแล้ว ต่างก็รู้ว่าช่วงเวลาที่จะเปลี่ยนอนาคตของเสาหลักในครอบครัวตัวเองมาถึงแล้ว ส่วนใหญ่ทุกคนรู้เรื่องแล้ว ทุกคนต้องถูกลดยศตำแหน่ง รู้แล้วว่าจะถูกลดตำแหน่งกลายเป็นอะไร!

ให้ความสนใจ กังวล กลัดกลุ้ม อารมณ์ต่างๆ ปรากฏอยู่บนใบหน้าของบรรดาคนในป่า ต่างก็กำลังยื่นคอรอฟังข่าว

รอไม่นาน พวกเหมียวอี้ก็เหาะลงมาจากฟ้า ลิ่งหูโต้วจ้งก้าวขึ้นมาทำความเคารพและรับบัญชา!

เหมียวอี้ยกตำแหน่งหลักบนเนินเขาให้เหวินเจ๋อแล้ว เหวินเจ๋อถือบัญชาสวรรค์ หันมองไปรอบๆ พร้อมร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนประกาศเสียงดัง “ฝ่าบาทมีบัญชา หนิวโหย่วเต๋อ หัวหน้าภาคแดนรัตติกาล ควบตำแหน่งผู้ตรวจการใหญ่ตลาดสวรรค์และทูตลาดตระเวนตลาดสวรรค์ จำนวนของกำลังพลใต้สังกัดไม่เพียงพอให้ควบตำแหน่งหลายพื้นที่พร้อมกัน จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลกกลังจะเปลี่ยนเป็นจวนผู้สำเร็จราชการ มีกำลังพลห้าจวนอยู่ใต้บังคับบัญชา หนิวโหย่วเต๋อรับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล ยศไม่เปลี่ยน!”

พวกลิ่งหูโต้วจ้งมองไปที่เหมียวอี้โดยไม่รู้ตัว

เหมียวอี้งงไปชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่าประมุขชิงยังมีบัญชานี้อีก เรื่องเลื่อนขั้นจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลให้เป็นจวนผู้สำเร็จราชการ ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อย เหวินเจ๋อเองก็ไม่ได้แพร่งพรายข่าวให้เขารู้สักนิด แม้ตัวเขาเองจะไม่ได้เลื่อนยศ แต่อาณาเขตก็ได้เลื่อนระดับแล้ว เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าประมุขชิงจะมีน้ำใจขนาดนี้ สร้างความตื่นเต้นประหลาดใจให้เขานิดหน่อย ในภายหลังจะได้ไม่ยุ่งยากเรื่องความชอบธรรม ไม่รู้ว่าเป็นผลจากที่เฟยหงรายงานความลับไปยังหน่วยตรวจการซ้ายว่าเขาปฏิเสธก่วงลิ่งกงหรือเปล่า

“ข้าน้อยน้อมรับบัญชา!” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะพร้อมกล่าวเสียงดังทันที มีเรื่องดีก็ย่อมต้องรับไว้ ถ้าถอดตำแหน่งของเขาออก เกรงว่าเขาจะต้องยื่นอยู่ท่ามกลางกำลังพลของตัวเองเพื่อซักถามความจริงของบัญชานี้ทันที

พวกลิ่งหูโต้วจ้งกลับแอบทอดถอนใจ ดูจากปฏิกิริยาของหนิวโหย่วเต๋อแล้วเหมือนจะไม่รู้ความจริง ไม่น่าเชื่อว่าจะมีผู้สำเร็จราชการโผล่มาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินตำหนักสวรรค์เอ่ยถึงตำแหน่งนี้ เพื่อที่จะให้หนิวโหย่วเต๋อควบคุมกำลังพลกลุ่มนี้ได้สะดวก ประมุขชิงช่างเอาใจใส่จริงๆ!

เหวินเจ๋อพูดต่อไปว่า “กำลังพลห้าสิบล้านของสายขาลที่นำโดยลิ่งหูโต้วจ้ง ไม่สำนึกบุญคุณสวรรค์ มีเจตนาช่วยอิ๋งจิ่วกวงก่อกบฏ เดิมทีมีโทษประหารทั้งตระกูล แต่เห็นแก่ที่กลับตัวกลับใจได้ทันเวลา จึงลดหย่อนโทษให้เป็นพิเศษ ลดยศตำแหน่งให้ทุกคนมาสร้างผลงานชดใช้ความผิดที่จวนผู้สำเร็จราชการ!” พูดจบก็กวาดสายตามองกลุ่มคนแวบหนึ่ง

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ลิ่งหูโต้วจ้งและบรรดาแม่ทัพกล่าวขอบคุณ แต่ในใจกลับยิ้มเจื่อน ถ้าต้องการจะฆ่าพวกเขา เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่มีคำว่ากลับตัวกลับใจอะไรนั่นแล้ว สรุปก็คือไม่ว่าจะพูดดีหรือพูดร้าย อำนาจการตัดสินใจก็ล้วนอยู่ในมือของคนที่ควบคุมแนวโน้มของสถานการณ์

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” กำลังพลหลายสิบล้านข้างหลังส่งเสียงดังเกรียวกราว

รอจนกระทั่งเสียงเงียบลง เหวินเจ๋อก็ประกาศต่อ “ลิ่งหูโต้วจ้งเป็นตัวการทำผิด ควรได้รับโทษหนักเพื่อให้สำนึก ปลดตำแหน่งจอมพลสายขาลของลิ่งหูโต้วจ้ง ลดยศจากแม่ทัพใหญ่หกแถบเป็นแม่ทัพสามแถบ รับตำแหน่งรองผู้สำเร็จราชการที่จวนผู้สำเร็จราชการชั่วคราว รอดูผลงานในภายหลัง!”

ลดยศรวดเดียวสิบขั้น เส้าเซียงหัวที่อยู่ไกลๆ เอามือปิดปากโดยไม่รู้ตัว หยดน้ำตาไหลออกจากดวงตาแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเกียรติยศความร่ำรวยในยุคสมัยหนึ่งจะตกต่ำจนถึงขนาดนี้

อวิ๋นจือชิวที่อยู่ข้างๆ ปลอบใจทันที ประมาณว่าตราบใดที่ฝ่าบาทมีความตั้งใจนั้น ลดขั้นเร็วก็เลื่อนขั้นเร็วเช่นกัน หนิวโหย่วเต๋อผู้ชายของนางก็เป็นประเภทนั้น

ลิ่งหูโต้วจ้งยิ้มอย่างขื่นขมในใจ กุมหมัดขอบคุณอีกครั้ง “ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

เหวินเจ๋อมองเขาแวบหนึ่งด้วยแววตาที่แฝงความหมายล้ำลึก จากนั้นก็ประกาศรายชื่อคนถูกลดยศตำแหน่งที่อยู่ข้างหลัง

เมื่อคำบัญชาหลังจากนั้นประกาศออกมา ทุกคนก็รู้สึกผิดคาดนิดหน่อย แม่ทัพคนสำคัญทั้งหมดถูกจัดให้เป็นผู้กระทำความผิดหลัก นอกจากจะปลดออกจากตำแหน่งแล้ว ยังลดยศรวดเดียวเก้าขั้น ลดลงจนถึงระดับผู้บัญชาการใหญ่เท่านั้น ส่วนแม่ทัพคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญก็ถูกจัดให้เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ถูกปลดออกจากตำแหน่งและลศยศเพียงสามขั้น เรื่องตำแหน่งจะให้หนิวโหย่วเต๋อจัดเตรียมรายงานขึ้นไปในภายหลัง สว่นระดับผู้บัญชาการเบื้องล่างก็จัดอยู่ในประเภทเชื่อฟังคำสั่งคนอื่น ลศยศเพียงขั้นเดียว ไม่ได้ปลดจากตำแหน่ง ถูกปรับเป็นค่าจ้างหนึ่งร้อยปี ส่วนคนที่อยู่ระดับล่างกว่านั้นก็ถูกปรับเป็นค่าจ้างเพียงไม่กี่ปี ยศตำแหน่งไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

หรือพูดได้อีกอย่างว่า ในบรรดากลุ่มแม่ทัพใต้บังคับบัญชาของลิ่งหูโต้วจ้ง มีจำนวนไม่น้อยที่ยังอยู่ในยศแม่ทัพใหญ่เกราะแดง เพราะส่วนใหญ่ยศถึงขั้นสี่ห้าหกแล้ว พอลดยศสามขั้นก็ไม่ถึงขนาดต่ำกว่าระดับแม่ทัพใหญ่ พอเป็นแบบนี้ส่วนใหญ่จึงมียศสูงกว่าลิ่งหูโต้วจ้ง เพียงแต่ลิ่งหูโต้วจ้งกลับได้ครอบตำแหน่งรองผู้สำเร็จราชการแล้ว

ท่ามกลางทัพใหญ่ที่มารวมตัวกัน มีคนไม่น้อยเผยสีหน้าดีใจเหนือความคาดหมาย กำลังพลห้าสิบล้านของสายขาลที่มาที่นี่ล้วนเป็นกำลังพลสายตรงของลิ่งหูโต้วจ้ง มีเยอะกว่าระดับผู้บัญชาการตามสถานการณ์ปกติ ตามหลักแล้วกำลังพลห้าสิบล้านมีเพียงผู้บัญชาการประมาณห้าพันคนเท่านั้น แต่ที่นี่กลับมีหมื่นกว่าคน ตอนที่คนส่วนใหญ่ติดตามลิ่งหูโต้วจ้งมา พวกเขาไม่ได้มีลูกน้องติดตามาด้วย

คนนับหมื่นระดับผู้บัญชาการยังนับว่าเป็นส่วนน้อย แค่แม่ทัพใหญ่เกราะแดงที่นี่ก็มีหลายพันคนแล้ว เกราะม่วงก็ยิ่งมีหลายล้าน ในกำลังพลเดิมของลิ่งหูโต้วจ้ง ทหารยศเกราะม่วงที่ติดตามมาด้วยก็มีมากถึงหนึ่งล้านแล้ว แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นแม่ทัพที่เตรียมสำรองไว้ใช้งาน ส่วนใหญ่ยศสูงแล้ว แต่กลับไม่ได้ครองตำแหน่งแม่ทัพตัวหลัก ยิ่งตำแหน่งสูงอำนาจมาก ยอดฝีมือใต้สังกัดก็ยิ่งมีเยอะ จึงถูกจัดไว้เตรียมใช้งานในกองทัพ เพราะไม่มีตำแหน่งมากมายขนาดนั้นมารองรับ

ลดยศเพียงขั้นเดียวเท่านั้น ปรับเป็นค่าจ้างหนึ่งร้อยปี ตำแหน่งก็ยังรักษาไว้เหมือนเดิม ที่อยู่ตำแหน่งต่ำกว่านั้นก็แทบจะไม่มีอะไรเสียหาย การลงโทษนี้เหนือความคาดหมายของบรรดาผู้บัญชาการจริงๆ

เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ สมาชิกครอบครัวที่อยู่ในป่าบางส่วนก็ดีใจไม่หยุด รู้สึกโล่งใจแทนเสาหลักของครอบครัวตัวเอง

แม่ทัพที่ยศค่อนข้างสูงแต่ไม่ได้นั่งตำแหน่งสำคัญก็ค่อนข้างดีใจเหนือความคาดหมาย เมื่อก่อนไม่พอใจที่ไม่ได้นั่งตำแหน่งสำคัญ ตอนนี้พอมาคิดดูแล้วกลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องดี เดิมทีไม่ได้ครองตำแหน่งสำคัญ จะโดนปลดหรือไม่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบเยอะ โดนลดยศเพียงสามขั้นเท่านั้น เมื่อเทียบกับพวกแม่ทัพคนสำคัญที่โดนลดยศรวดเดียวเก้าขั้น ก็ถือว่าดีกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว สุขทุกข์เป็นสิ่งไม่เที่ยงจริงๆ!

“ขอบคุณเมตตาจากสวรรค์!” ทันใดนั้นกำลังพลหลายสิบล้านก็กล่าวขอบคุณเสียงดังต่อเนื่องเป็นระลอก ในเสียงตะโกนเผยความรู้สึกดีใจ

ลิ่งหูโต้วจ้งและบรรดาแม่ทัพคนสำคัญกลับทำสีหน้าพยับเมฆ พาหันมองไปที่เหมียวอี้ ส่วนเหมียวอี้กลับยักไหล่อย่างจนใจ ถึงขั้นถ่ายทอดเสียงบอกว่า “ข้าไม่ได้เห็นบัญชาล่วงหน้านะ นึกไม่ถึงด้วยว่าจะเป็นแบบนี้ นึกไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะลดยศตำแหน่งแบบนี้เพื่อลงโทษ ข้าถึงขนาดไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลจะเลื่อนระดับเป็นจวนผู้สำเร็จราชการ!”

ลิ่งหูโต้วจ้งและบรรดาแม่ทัพคนสำคัญสีหน้าค่อนข้างแย่ รับปากหนิวโหย่วเต๋อแล้วว่าจะยอมรับการลดยศตำแหน่ง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะใช้วิธีการนี้ลดยสตำแหน่ง สังเกตได้ถึงความโหดร้ายในบัญชานี้แล้ว

ผู้บัญชาการใหญ่เหล่านั้นถูกลดขั้นจนกลายเป็นตำแหน่งทั่วไปในรวดเดียว ถึงขั้นสู้พวกผู้ช่วยผู้บัญชาการไม่ได้ด้วยซ้ำ ต่อให้เบื้องล่างเคยเป็นลูกน้องคนสนิทของพวกเขาแล้วอย่างไรล่ะ ตอนนี้ลูกน้องคนสนิทกลายเป็นผู้บังคับบัญชาเจ้าแล้ว จะให้ลูกน้องคนสนิทมอบตำแหน่งให้เจ้าคงไม่ได้หรอกใช่มั้ย? ตัวเองยังคิดจะไต่เต้าขึ้นข้างบนอีก เพื่อที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง แค่คิดก็รู้แล้วว่าต้องพยายามไปพึ่งพิงหนิวโหย่วเต๋อสุดชีวิต ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ทุกระดับล้วนเป็นอย่างนี้ อย่างไรเสียงคนเบื้องล่างก็มีจำนวนเยอะที่สุด เท่ากับทำลายกำลังพลสายตรงของเขาในรวดเดียว ปล้นอำนาจของพวกเขาในครั้งเดียวแล้ว

นี่คือการใช้ประโยชน์คนของเขามาควบคุมคนของเขา แล้วค่อยควบคุมกำลังพลของเขาให้ครบทั้งหมด!

แต่พวกเขาดันไม่มีหนทางต่อต้าน หรือจะให้บอกกำลังพลเบื้องล่างว่า พวกเราโดนทำโทษหนักเกินไป ส่วนพวกเจ้าโดนทำโทษแรงเกินไป อย่างนั้นหรือ?

ถ้าใครกล้าพูดจาแบบนี้ ก็จะทำให้ฝูงชนโกรธแค้นทันที จะสงสัยว่าผู้บังคับบัญชาอย่างพวกเจ้าคงไม่อยากให้พวกเราได้ดีสินะ!

ตอนนี้ต่อให้ดึงกำลังพลเบื้องล่างมาก่อกบฏด้วยกัน แต่กำลังพลเบื้องล่างได้รับผลกระทบจากการทำโทษไม่เยอะ หลบพ้นวิกฤติที่ร้ายแรงที่สุดได้แล้ว เมื่อยกหินหนักอึ้งในใจออกไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายอีก ได้เจอหนทางท่ามกลางความยากลำบาก มีหรือที่จะยังมาเสี่ยงหัวหลุดเพราะการก่อกบฏร่วมกับเจ้า?

ดังนั้นคำบัญชานี้ดูเหมือนทั้งข้างล่างข้างบนถูกทำโทษอย่างทั่วถึง ดูเหมือนผู้กระทำความผิดและผู้สมรู้ร่วมคิดมีความแตกต่างกัน การลงโทษหนักเบาดูสมเหตุสมผลมาก แต่ความจริงแล้วดโหดร้ายที่สุด พวกลิ่งหูโต้วจ้งค่อนข้างขนลุก ไม่รู้ว่าใครกันที่คิดวิธีการโหดเหี้ยมร้ายกาจอย่างนี้ออกมาได้!

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ตกก็คือ ตำแหน่งผู้บัญชาการเบื้องล่างมีเยอะกว่าจำนวนคนปัจจุบัน ถ้าปลดออกจากตำแหน่งหมดแล้วจะแบ่งกันอย่างไร? ค่าจ้างไม่เกี่ยวข้องกับการจ่ายของตำหนักสวรรค์ แต่ตำแหน่งมีจำกัด อย่าบอกนะว่าเตรียมจะกวาดล้างทีหลัง? ถ้าเป็นอย่างนี้ เมื่อเวลานั้นมาถึงแล้วใจคนสั่นคลอนก็ยังมีโอกาส!

………………