“โฮ่ง โฮ่ง ! โฮ่ง โฮ่ง !”
ทันใดนั้น เสียงเห่าระลอกใหญ่ก็ดังมาจากปากของสุนัขผลึกน้ำแข็งราวกับมันกำลังพยายามสื่อสารอะไรบางอย่าง ความเป็นปฏิปักษ์ในแววตาของมันก็จางหายไปขณะมองตรงมาที่ฉินอวี้โม่อย่างไม่กะพริบตาราวกับมองเห็นใครบางคนบนร่างของนาง
“นี่มันพลังอะไรกัน ?”
ทันทีที่พลังลึกลับปรากฏออกมา เสวียนปิงก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล ถึงแม้ว่าพลังนั้นจะปรากฏออกมาเพียงน้อยนิด มันก็ทำให้เขาเกิดความรู้สึกของการยอมจำนนอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อเผชิญหน้ากับพลังเช่นนั้น เขาไม่มีความคิดที่จะต้านทานแม้แต่น้อยและกลายเป็นเพียงมดตัวน้อยที่ไร้ซึ่งพลังอำนาจใด ๆ
มารยาและซิวถอนหายใจอย่างโล่งอกพลางสังเกตปฏิกิริยาของสุนัขผลึกน้ำแข็ง เป็นจริงดังที่คิดไว้ พลังในร่างของสุนัขผลึกน้ำแข็งคล้ายกับพลังลึกลับของฉินอวี้โม่ เพราะเหตุนั้น พลังจากร่างของนางจึงทำให้สุนัขผลึกน้ำแข็งแสดงปฏิกิริยาที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ฉินอวี้โม่เรียกสติกลับคืนมาและเกิดความสงสัยใคร่รู้เมื่อเห็นว่าสุนัขผลึกน้ำแข็งตรงหน้าไม่แสดงความเป็นปฏิปักษ์อีก
หรือผู้ที่เคยมาที่นี่ในอดีตจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับข้า…
มิเช่นนั้น สุนัขผลึกน้ำแข็งก็คงจะไม่มีท่าทางเช่นนี้
“โฮ่ง โฮ่ง !”
สุนัขผลึกน้ำแข็งเข้ามาใกล้ฉินอวี้โม่อย่างระมัดระวัง ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าในน้ำเสียงของมันซึ่งชวนให้งุนงงไม่น้อย
เมื่อหยุดลงตรงหน้าฉินอวี้โม่ จู่ ๆ สุนัขผลึกน้ำแข็งก็แลบลิ้นห้อยด้วยท่าทางน่ารักน่าชังและแววตาของมันก็ดูทั้งเชื่องและใสซื่อ
หากมิใช่เพราะเคยต่อสู้กับมันด้วยตัวเองและทราบถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวของมัน ฉินอวี้โม่ก็คงหลงเชื่อไปว่านี่คือสุนัขขี้เล่นที่ไร้ซึ่งพิษภัย
ทั้งร่างของฉินอวี้โม่ยังคงปกคลุมไปด้วยพลังลึกลับนั้นและสุนัขผลึกน้ำแข็งก็ไม่ต่อต้านหรือแสดงตัวเป็นเป็นปฏิปักษ์อีกต่อไป เพราะเหตุนั้น นางจึงสามารถเอื้อมมือไปเก็บหล่อฮั้งก้วยมาได้สำเร็จ
มารยาและซิวเหาะตรงเข้าไปหาฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว ทว่าก่อนที่จะถึงตัวนาง สุนัขผลึกน้ำแข็งก็เห่าเสียงดังชุดใหญ่และจ้องเขม็งตรงไปที่อสูรทั้งสองราวกับพร้อมจะโจมตีทุกเมื่อ
“เงียบลงเถิดเจ้าตัวน้อย ทั้งสองคืออสูรพันธสัญญาของข้า”
ฉินอวี้โม่นั่งยอง ๆ ลงและลูบศีรษะของสุนัขผลึกน้ำแข็งอย่างแผ่วเบา
เห็นได้ชัดว่าสุนัขผลึกน้ำแข็งเข้าใจวาจาของนางขณะแลบลิ้นเลียฝ่ามือของฉินอวี้โม่และสงบสติอารมณ์ลง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ? เหตุใดมันจึงเชื่อฟังคำพูดของนายหญิงอย่างว่าง่ายเช่นนี้ ?”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เสี่ยวเฮยและบรรดาอสูรอดหารือกันด้วยความสงสัยใคร่รู้ไม่ได้ การที่สุนัขผลึกน้ำแข็งเชื่อฟังคำสั่งของฉินอวี้โม่เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของพวกมันไปมาก แม้มีข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ว่าพลังของฉินอวี้โม่อาจจะควบคุมมันได้ แต่พวกมันก็ไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้นมา
“นายหญิง เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านเป็นคนทิ้งมันไว้ที่นี่ เพียงแต่ลืมไปแล้ว ?”
เสี่ยวจิ่วตั้งข้อสันนิษฐาน ทว่าถูกอสูรอื่น ๆ คัดค้านและปัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าโง่เอ๋ย นายหญิงจดจำเรื่องราวในชีวิตภพก่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ อีกทั้งนางก็ยังอาศัยอยู่ที่ดินแดนระดับต่ำตั้งแต่เด็ก นางจะทิ้งสุนัขผลึกน้ำแข็งไว้ที่นี่ได้อย่างไรกัน ? ข้าเดาว่าน่าจะเป็นเพราะเจ้าของเดิมของสุนัขผลึกน้ำแข็งและนายหญิงของเรามีความเกี่ยวข้องบางอย่างต่อกัน สุนัขตัวนี้จึงได้เปลี่ยนไปกลายเป็นสุนัขที่เชื่องและเชื่อฟังนายหญิงทันทีที่รับรู้ถึงพลังนั้น”
บรรดาอสูรทั้งหมดคล้อยตามข้อสันนิษฐานนี้และมั่นใจแปดในสิบส่วนว่าสุนัขผลึกน้ำแข็งมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับฉินอวี้โม่
ต่อให้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนางโดยตรง มันก็จะต้องเกี่ยวข้องกับพลังที่ถูกปิดผนึกไว้ในร่างของนางอย่างแน่นอน
เวลานี้ เสวียนปิงเรียกสติกลับคืนมาเช่นกันและก้าวออกมาข้างหน้าขณะมองฉินอวี้โม่อย่างสงสัยใคร่รู้ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใด
เขาทราบดีว่าทุกคนย่อมมีความลับที่เก็บซ่อนไว้ เห็นได้ชัดว่าพลังที่ปรากฏจากร่างของฉินอวี้โม่เมื่อครู่ถือเป็นไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของนาง เขาจึงไม่จำเป็นต้องถามสิ่งใดอีก
“ฉินอวี้โม่ ข้าขอพูดคุยบางอย่างด้วยได้รึไม่ ?”
เขามองตรงไปที่ฉินอวี้โม่และเอ่ยขึ้น
“ท่านเสวียนปิง ท่านมีสิ่งใดโปรดว่ามาเถิด”
แม้เสวียนปิงจะไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้นี้แม้แต่น้อย แต่เขาก็เป็นคนนำทางพวกนางมาถึงที่นี่ซึ่งถือเป็นความช่วยเหลือที่สำคัญไม่น้อย แม้ยังไม่ทราบว่าอีกฝ่ายต้องการพูดคุยเรื่องใด ฉินอวี้โม่ก็ไม่รีบร้อนปฏิเสธ
“ข้ารู้สึกละอายใจที่ต้องกล่าวเช่นนี้ อันที่จริงหล่อฮั้งก้วยเป็นประโยชน์ต่อการฝึกยุทธ์ของข้ามาก ก่อนหน้านี้ข้าสังเกตเห็นว่ามีหล่อฮั้งก้วยรวมทั้งหมดสามผลด้วยกัน ข้าจึงอยากจะหารือและขอแลกเปลี่ยนกับหล่อฮั้งก้วยหนึ่งผล หากมีเงื่อนไขใดก็เชิญว่ามาได้เลย ตราบใดที่ข้าตอบสนองได้ ข้าจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน”
พลังมายาที่เขาบ่มเพาะฝึกฝนมามีความพิเศษอย่างมากและหล่อฮั้งก้วยก็มีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อมัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาต้องการครอบครองหล่อฮั้งก้วยมาโดยตลอด ทว่าน่าเสียดายที่ไม่เคยเอาชนะสุนัขผลึกน้ำแข็งได้เลย
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ทว่าข้ายังไม่ต้องการสิ่งใดในตอนนี้ หากท่านเสวียนปิงยินดีติดค้างข้าและช่วยเหลือข้าเมื่อถึงคราวเดือดร้อนในอนาคต ข้าก็จะแบ่งหล่อฮั้งก้วยหนึ่งผลให้กับท่าน”
ฉินอวี้โม่ตัดสินใจตอบตกลงหลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและตั้งเงื่อนไขออกไป
แน่นอนว่านางไม่มีทางมอบหล่อฮั้งก้วยให้กับอีกฝ่ายไปเปล่า ๆ อย่างไรก็ตาม หากทำให้ราชันแห่งเมืองปิงหลางติดค้างนางได้ เพียงการแลกหล่อฮั้งก้วยหนึ่งผลก็ไม่ถือว่ามากจนเกินไป
พลังของเสวียนปิงด้อยกว่าฟู่ชางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าตอนนี้เมื่อมีหล่อฮั้งก้วย พลังของเขาอาจจะเพิ่มขึ้นจนเหนือกว่าฟู่ชางเสียอีก การที่ทำให้ผู้แกร่งกล้าเช่นนี้ติดค้างได้โดยที่แลกมาด้วยหล่อฮั้งก้วยเพียงผลเดียว ฉินอวี้โม่ย่อมรู้สึกว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
“ตกลง เจ้าจงเก็บป้ายหยกนี้ไว้ หากต้องการความช่วยเหลือใดในอนาคต เจ้าก็เพียงทำลายมันและข้าจะรีบไปหาโดยเร็ว”
เสวียนปิงไม่ลังเลและตอบตกลงทันที ฉินอวี้โม่เป็นคนที่ไว้วางใจได้และเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่านางจะเรียกร้องสิ่งใดที่ล้ำเส้นจนเกินไป เขาเพียงติดค้างนางครั้งหนึ่งเท่านั้นและมันก็มิใช่สิ่งที่มากจนเกินไป
ฉินอวี้โม่รับป้ายหยกไว้และยื่นหล่อฮั้งก้วยผลหนึ่งให้กับเสวียนปิง
“ขอบคุณมาก”
เสวียนปิงกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจและเก็บหล่อฮั้งก้วยอย่างระมัดระวังและนุ่มนวล ราวกับเป็นสมบัติที่ล้ำค่า
“เจ้าตัวน้อย ขอบใจมาก”
ฉินอวี้โม่ลูบศีรษะของสุนัขผลึกน้ำแข็งและขอบคุณมัน
“โฮ่ง โฮ่ง !”
สุนัขผลึกน้ำแข็งเห่าสองคราและถูศีรษะกับฝ่ามือของฉินอวี้โม่อย่างรักใคร่
“ในเมื่อได้หล่อฮั้งก้วยมาครองแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเถอะ”
เสวียนปิงกล่าวขึ้น เดิมทีเขาไม่คิดว่าภารกิจจะราบรื่นเช่นนี้ ทว่าในเมื่อได้หล่อฮั้งก้วยมาครองแล้วและมีวิธีที่จะสะสางวิกฤตของดินแดน มันก็ถือเป็นข่าวดีสำหรับทุกคน
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและมองสุนัขผลึกน้ำแข็งพร้อมกล่าว “เจ้าตัวน้อย เราจะต้องกลับแล้ว หากเจ้ายินดีที่จะไปกับข้าก็เพียงพยักศีรษะเท่านั้น หากไม่ตกลง ข้าจะกลับมาเยี่ยมเยียนเจ้าใหม่เมื่อมีโอกาสเหมาะสมในอนาคต”
สุนัขผลึกน้ำแข็งเข้าใจความหมายของฉินอวี้โม่เป็นอย่างดีและฉินอวี้โม่เองก็รู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างประหลาด ทว่าหากต้องการพามันไปจากที่นี่ นางจะต้องเอ่ยถามหาความสมัครใจของมันเสียก่อน
สุนัขผลึกน้ำแข็งลังเลครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นมันก็หันหลังกลับและวิ่งหายเข้าไปในถ้ำที่อาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ก่อนกลับออกมาอีกครั้งพร้อมแหวนสีทองอร่ามที่คาบมาในปาก
“โฮ่ง โฮ่ง !”
มันกระโดดขึ้นบนไหล่ของฉินอวี้โม่และวางแหวนวงนั้นไว้บนฝ่ามือของนางก่อนจับจ้องไปที่มันและเห่าสองครั้ง
“เจ้าต้องการจะมอบมันให้ข้าอย่างนั้นหรือ ?”
ฉินอวี้โม่คาดเดาความหมายของสุนัขผลึกน้ำแข็งได้ทันทีและสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับแหวนมิติสีทองวงนี้ขึ้นมา