บทที่ 1188 ได้โปรดหันมาดูก่อน

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 1,188 ได้โปรดหันมาดูก่อน

บนยอดสูงสุดของพนักเก้าอี้ประดับด้วยอัญมณีสีแดงสว่างไสว มันสาดแสงสว่างเจิดจ้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้องก่อให้เกิดเป็นภาพฝันแดนมายา

แม่นางหมิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวนี้ แต่นางนั่งหันหลังให้กับหลินเป่ยเฉิน

ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงไม่ยังไม่เห็นโฉมหน้าของสตรีผู้ถูกยกย่องให้เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันตกเฉียงเหนือ

ในเมื่อเขามองไม่เห็นนาง ….นางก็ไม่น่าจะมองเห็นเขา

แล้วแม่นางหมิงสามารถกล่าวได้อย่างไรว่าเขา ‘นับว่าดูน่าสนใจดี’?

หลินเป่ยเฉินตกใจเล็กน้อย

เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่รีบพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า “พี่สาว ทุกคนมาที่นี่ครบแล้ว ท่านอย่าได้กลั่นแกล้งผู้คนอีกเลย ได้โปรดหันมาดูก่อนเถิด รับรองว่าพี่สาวจะต้องไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน”

“อิ๋นหวงไหอู่ นับตั้งแต่ที่ข้ารู้จักเจ้ามา เจ้าไม่เคยลุ่มหลงในความสัมพันธ์ของบุรุษสตรีมาก่อน เหตุไฉนเจ้าไม่ลองมาติดตามข้าดูบ้าง หากเจ้าเปลี่ยนมาเป็นสตรีของข้า ข้าก็สามารถแนะนำบุรุษหนุ่มหน้าตาดีให้กับเจ้าได้อีกมากมาย และแต่ละคนก็ล้วนมีคุณสมบัติที่จะบรรจุเข้าสภาเทพเจ้าได้โดยไม่ต้องผ่านการแข่งขันด้วยซ้ำ”

เสียงอ่อนหวานของสตรีผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ตอบกลับมาด้วยความเกียจคร้าน

เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่มีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางไม่สนใจในข้อเสนอของอีกฝ่าย “ข้าน้อยเกรงว่าหากท่านเคยยลโฉมเด็กหนุ่มผู้นี้แล้วครั้งหนึ่ง ท่านก็จะไม่มีทางเหลือบตามองบุรุษหรือสตรีผู้อื่นได้อีกเลยเจ้าค่ะ”

“ไม่มีทาง ข้าขอเอาชื่อของพี่ชายเป็นเดิมพัน หากข้าหวั่นไหวใจต่อเด็กหนุ่มของเจ้า ข้าก็จะขอให้พี่ชายของข้ามีอันเป็นไปในระยะเวลาหนึ่งเดือน!”

แม่นางหมิงสาบานด้วยความมั่นใจ

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต

สตรีผู้เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันตกเฉียงเหนือมีนิสัยเช่นนี้เองหรือ?

คล้ายกับว่านางมีรสนิยมชื่นชอบสตรี?

นับว่าเป็นบุคคลที่แปลกประหลาดนัก

เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ปั้นหน้ายิ้มแย้ม ยื่นมือออกไปหมุนเก้าอี้ตัวใหญ่ให้หันกลับมา “พี่สาวได้โปรดสำรวจดูเขาก่อน”

“ก็ได้ ข้าจะเห็นแก่เจ้าแล้วกัน…”

เก้าอี้ใหญ่หันกลับมา เผยให้เห็นสตรีหน้าตางดงามผู้หนึ่งในชุดกระโปรงสั้นสีแดงสดนั่งอยู่บนนั้น

นางมีอายุประมาณยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปี ผิวขาวราวหิมะ ผมสีแดงยาวสลวย ริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงสด โครงหน้าสวยงามสมบูรณ์แบบ ดวงตากลมโต หางตาชี้เฉียงขึ้นด้านบน รับกับคิ้วที่โก่งงอนราวกับคันศร…

นี่คือความงามระดับราชินีที่แท้จริง

สายตาของนางไม่ต่างจากคมกระบี่ทิ่มแทงผู้คน

บัดนี้ ผมยาวสลวยของแม่นางหมิงแผ่สยายปกคลุมหัวไหล่ นางยกขานั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่นั้น เท้าของนางเปลือยเปล่า เผยให้เห็นฝ่าเท้าอันนุ่มนิ่มขาวเนียน เล็บเท้าตกแต่งเป็นสีแดงยิ่งกว่าอัญมณี กล่าวโดยสรุปก็คือ รูปลักษณ์ของแม่นางหมิงผู้นี้มีความเย้ายวนใจชนิดที่ทำให้ผู้คนสามารถละลายตายอยู่ตรงนั้นได้เลยทีเดียว

สมแล้วที่ได้รับการยกย่องให้เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันตกเฉียงเหนือ

นางมีความงามเลิศล้ำ

นางมีความสมบูรณ์แบบในทุก ๆ ด้าน

ไม่ว่าจะเป็นความงามอันบริสุทธิ์ผุดผ่อง ผิวพรรณที่ขาวเนียนปราศจากตำหนิ กลิ่นกายหอมฟุ้งที่ไม่ว่าบุรุษหนุ่มผู้ใดได้สูดดมเข้าไป จิตใจก็จะต้องเกิดความหวั่นไหวสะทกสะท้าน

นี่คือสตรีที่สามารถทำให้บุรุษฆ่ากันตายได้เพื่อแย่งชิงนาง

นี่คือสตรีที่รู้ว่าความงามของนางคือข้อได้เปรียบ

ดังนั้น สำหรับสตรีอย่างแม่นางหมิง ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จึงอยู่ภายใต้กำมือของนางทั้งหมด…

ความงามสามารถครอบครองได้ทุกสิ่ง

สำหรับสตรีเช่นนี้ นับว่าเป็นบุคคลอันตรายอย่างยิ่ง

แล้วจะให้หลินเป่ยเฉินไปเป็น ‘บุตรบุญธรรม’ ของนางเนี่ยนะ?

ผู้ใดไม่เข้าใจคำเปรียบเปรยที่ว่า ‘เพียงคิดก็ทรมานจนแทบขาดใจตาย’ นั้น ก็สมควรไปเปิดพจนานุกรมดูแล้ว

บัดนี้ หลินเป่ยเฉินกำลังจ้องมองไปที่แม่นางหมิง แม่นางหมิงก็กำลังจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน

ทันใดนั้น หญิงสาวอีกสามคนที่อยู่ภายในห้องก็ทันสังเกตเห็นว่าดวงตาของสตรีผู้เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งได้ระเบิดแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับออกมา

“นี่มันอะไรกัน?”

แม่นางหมิงไม่สามารถละสายตาไปจากหลินเป่ยเฉินได้เลย มิหนำซ้ำ นางยังอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ “โลกนี้มีบุรุษหนุ่มที่หล่อเหลาเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ”

ฮ่า ๆๆ

หลินเป่ยเฉินลอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ

สงสัยนางจะไม่เคยเจอคนหล่อที่แท้จริงมาก่อนสินะ

“ฮื่อ น้องชาย เจ้ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่?”

แม่นางหมิงผุดลุกขึ้นยืน

เท้าเปล่าของนางที่ขาวผ่องนวลเนียนราวกับงานแกะสลักชั้นเลิศพาร่างอรชรเดินเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน ดวงตาของนางเป็นประกายวิบวาวด้วยความมหัศจรรย์ใจ

“หากคนเราเปรียบดั่งสายรุ้ง ท่านก็รู้ว่าตนเองกำลังได้พบเจอกับสายรุ้งที่สวยงามที่สุดแล้ว”

หลินเป่ยเฉินคุ้นเคยกับอาการตกตะลึงของสตรีเพศเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงรีบอาศัยจังหวะนี้ท่องกลอนเกี้ยวพาราสีออกมาอย่างรวดเร็ว

แม่นางหมิงหยุดชะงักด้วยความตกตะลึง

หลังจากนั้น นางก็หันมองกลับไปที่เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่และกล่าวว่า “เจ้าไม่อยากมาเป็นสตรีของข้าไม่ใช่หรือ? บัดนี้เจ้าเป็นอิสระแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ”

เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่พูดอะไรไม่ออก

แม่นางหมิงสามารถเปลี่ยนโฉมหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ?

ไม่มีการอ้อมค้อมใด ๆ ทั้งสิ้น

“แม่นาง ท่านลืมไปแล้วหรือไม่ว่าเมื่อสักครู่นี้ ท่านเพิ่งสาบานว่า…”

หลินเป่ยเฉินรีบย้ำเตือนขึ้นมาทันที

“อ้อ จริงด้วยสินะ”

แม่นางหมิงนึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน “แต่เมื่อเทียบกับความหล่อเหลาของเจ้า ความตายของพี่ชายข้าหาใช่สิ่งสำคัญไม่”

เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่พูดอะไรไม่ออก

เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงพูดอะไรไม่ออก

หลินเป่ยเฉินก็พูดอะไรไม่ออก

นี่คือบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าเหลือเชื่อมากเกินไป

เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่รีบลากเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเดินออกไปจากห้อง

ไม่รู้เพราะเหตุใด เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจึงได้เกิดท่าทีต่อต้านขัดขืนขึ้นมาเล็กน้อย

นางไม่อยากออกไป

หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ นางอยากจะพาหลินเป่ยเฉินกลับออกไปด้วย

“เร็ว ๆ เข้าสิ” เทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่ออกแรงฉุดกระชากเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงและพูดผ่านทางกระแสจิต “อย่าเพิ่งทำอะไรตอนนี้ อีกอย่างเขาไม่เป็นไรหรอกน่า”

กว่าที่หลินเป่ยเฉินจะตั้งสติได้ เทพธิดาทั้งสองก็ออกไปจากห้องแล้ว

เป็นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง

เขายกมือขึ้นมานวดขมับตนเอง

ไหนบอกว่าแม่นางหมิงชื่นชอบการรับบุตรบุญธรรมไม่ใช่หรือ?

แล้วทำไมบรรยากาศมันถึงดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเช่นนี้ล่ะ?

“เจ้ามาจากที่ใด?”

แม่นางหมิงยกมือขึ้นมาจับแขนหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มผงะถอยหลังพร้อมกับตอบไปว่า “ข้าน้อยมาจากเขตพื้นที่ระดับ 3 มีนามว่าเจี๋ยนเซียวเหยา บิดาของข้าน้อยชื่นชอบการร่ายรำกระบี่ ข้าน้อยหวังว่าตนเองจะได้เจริญเติบโตยิ่งใหญ่ในอนาคต…”

“อิอิ ช่างโง่เขลานัก”

แม่นางหมิงมองหน้าหลินเป่ยเฉิน แววตาเปิดเผยถึงความชื่นชอบอย่างชัดเจน “ถ้าอย่างนั้นมานั่งดื่มสุรากับข้าหน่อยเป็นไร เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จะสอนสิ่งที่น่าสนใจให้เจ้าได้เรียนรู้”

พูดจบ นางก็ยื่นมือมาพยายามจะดึงแขนหลินเป่ยเฉินกลับไปอีกครั้ง

เด็กหนุ่มยิ่งถอยหลังหนีออกไปไกลมากกว่าเดิม “กราบเรียนแม่นาง ได้โปรดอย่าแตะต้องตัวข้า”

นี่เขาดีดดิ้นเกินไปหรือเปล่านะ?

“แม่นาง? นี่ข้าแก่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“ท่านยังไม่แก่หรอกขอรับ”

“ก็ใช่ไงล่ะ มาเถอะ”

“กราบเรียนแม่นาง ข้าน้อยไม่ใช่คนชอบร่ำสุรา”

“ไม่ชอบร่ำสุราแล้วจะเป็นอะไรไป? อิอิ คนที่หวงเนื้อหวงตัวเช่นเจ้า ข้าเคยเห็นมามากมายแล้ว ข้าแค่ชื่นชอบร่างกายเจ้า รับรองว่าไม่ทำอะไรให้เสียหายหรอกน่า…”

“แม่นาง ข้าคิดว่าท่านเข้าใจผิด…”

หลินเป่ยเฉินถอยหลังหนีอย่างต่อเนื่อง

บัดนี้ เขาอยากจะควงกระบี่ไล่ฟันเทพธิดาอิ๋นหวงไหอู่กับเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงนัก

ไหนบอกว่าให้มาพูดคุยเฉย ๆ ไงล่ะ

สุดท้าย พวกนางก็หลอกลวงเขาให้มาเสียตัวนี่นา

พวกนางต้องได้รับค่าจ้างก้อนโตแน่ ๆ

อีกอย่าง เขาเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ที่เป็นพ่อพันธุ์สักหน่อย

หลินเป่ยเฉินไม่ใช่สินค้า

ร่างกายของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อให้ผู้ใดเชยชมง่าย ๆ

อย่าว่าแต่นี่เป็นการบังคับขืนใจ

หลินเป่ยเฉินหมุนตัวหมายเดินหนีออกไปจากห้อง

“หยุดนะ”

ทันใดนั้น เสียงของแม่นางหมิงก็เย็นชาขึ้นมาทันที นางหัวเราะเยาะแล้วกล่าวต่อ “เด็กน้อย ข้ากำลังพูดกับเจ้า อย่าได้คิดว่าข้าจะใจดีเสมอไป”

หลินเป่ยเฉินหันกลับไปกล่าวตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ท่านเองก็อย่าได้เข้าใจว่าข้าจะใจดีเสมอไปเช่นกัน”

“เจ้า…”

แม่นางหมิงชักสีหน้าด้วยความเดือดดาล

ไม่ว่าจะเป็นสถานะของนาง ทรัพย์สินของนาง หรืออำนาจของนาง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีบุรุษและสตรีจำนวนมากพยายามเข้าหานางนับไม่ถ้วน

ทุกคนต่างก็อยากจะครอบครองหัวใจนาง

ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานเสน่ห์ของแม่นางหมิงผู้นี้ได้

ดังนั้นบุคคลเช่นหลินเป่ยเฉินจึงหาได้ยากยิ่ง

ในขณะที่หญิงสาวมัวแต่ยืนตกตะลึง เด็กหนุ่มก็เดินหนีออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว

“เหอะ น่าสนใจจริง ๆ”

“แตกต่างจากบุรุษผู้อื่นที่ข้าเคยพบเจอมาทั้งสิ้น”

“เด็กน้อย เจ้าดึงดูดใจข้าได้แล้วสิ”

“อีกไม่นาน เจ้าจะต้องเสียใจ”

แม่นางหมิงแสยะยิ้ม “ไม่มีบุรุษผู้ใดในเมืองเยี่ยเฉิงที่จะหนีรอดเงื้อมมือของข้าไปได้สำเร็จ!!”