ตอนที่ 1387 เก็บน่าหลานไว้ในความดูแล

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

แดนตะวันออกเกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ขึ้น ไป๋อู๋ห่ายจึงส่งคนไปตามหาผู้กระทำความผิดและสั่งฆ่าคนผู้นั้นทันที เป็นเวลาเดียวกันที่จู่ ๆ ตำหนักเป่ยหานก็มีแขกท่านหนึ่งมาเยือน

เป็นชายหนุ่มหน้าตางดงาม ท่าทางสง่าผ่าเผยและดูอ่อนโยนมากผู้หนึ่ง

รอยยิ้มของเขาดูอ่อนโยนราวกับสายลมในวสันตฤดู ดวงตาคู่นั้นส่องประกายความเจ้าเล่ห์อยู่เล็กน้อย

เมื่อมู่เฉียนซีเห็นคนผู้นี้แล้ว นางก็ยิ้มพลางกล่าวว่า “น่าหลาน ตอนที่ข้ารู้ข่าว ข้าก็รู้แล้วล่ะว่าที่การค้าในแดนตะวันออกย่ำแย่ถึงเพียงนี้เป็นฝีมือเจ้า”

น่าหลานอวี้ยิ้มอย่างอ่อนโยนพลางกล่าว “ก็ใช่น่ะสิ! เป็นฝีมือข้าเอง แต่ตอนนี้ข้าถูกคนของตำหนักตงจี๋ตามฆ่าอยู่ เฉียนซีเจ้าต้องรับดูแลข้านะ อย่างไรเสียก็ไม่มีที่ใดจะปลอดภัยไปกว่าตำหนักเป่ยหานอีกแล้ว”

ทันทีที่น่าหลานอวี้กล่าวจบ เขาก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว

ชายชุดขาวราวหิมะที่เย็นชาดุจดั่งรูปปั้นอันเย็นยะเยือกผู้หนึ่งกำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาอันหนาวเหน็บ

น่าหลานอวี้ยิ้มอย่างสงบพลางกล่าวว่า “ท่านผู้นี้ก็คงจะเป็นท่านหัวหน้าตำหนักเป่ยหานกระมัง!”

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ นี่คือน่าหลานอวี้ เขาเป็นสหายข้า! รู้จักกันตอนที่อยู่เซี่ยโจว เจ้าเห็นเขายิ้มแย้มสดใสเช่นนี้ แต่อันที่จริงเขาร้ายกาจมากนะ! เจ้าต้องระวังให้ดีล่ะ อย่าให้เขาหลอกเอาเจ้าไปขายแลกเงินได้!”

มุมปากของน่าหลานอวี้กระตุกขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ออกมาจากเซี่ยโจว ดินแดนสี่ทิศแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงยุ่งมาก!

เขารีบร้อนที่จะแข็งแกร่งขึ้น เช่นนี้ถึงจะมีพลังเพียงพอที่จะคอยช่วยนางอยู่ข้างกาย

แม้เวลาจะผ่านมานานมากเพียงใด แต่นางก็ยังเป็นนางเหมือนเดิม

กล้าเรียกหัวหน้าตำหนักเป่ยหานว่าเสี่ยวไป๋เช่นนี้ บนโลกนี้ก็มีเพียงแค่นางแล้วล่ะ

น่าหลานอวี้ยิ้มพลางกล่าว “เฉียนซีอย่าพูดเล่นเช่นนี้สิ ความสามารถอันน้อยนิดของข้าจะทำอะไรท่านหัวหน้าตำหนักเป่ยหานได้กันล่ะ”

มู่เฉียนซีกล่าวกับกู้ไป๋อีว่า “เสี่ยวไป๋ นี่คือน่าหลานอวี้! เขาเป็นเจ้าของโรงประมูลอันดับหนึ่ง”

กู้ไป๋พยักหน้าเบา ๆ แสดงให้รู้ว่าเขารับรู้แล้ว

โรงประมูลอันดับหนึ่งเป็นกองกำลังลึกลับที่สร้างขึ้นหลังหอหมอปีศาจ กู้ไป๋อีผู้นี้ไม่เคยให้ความสนใจมาก่อนเลย

เมื่อก่อน เขาคิดเพียงแค่เรื่องเดียว นั่นก็คือการฝึกบำเพ็ญเพื่อความแข็งแกร่ง!

และตอนนี้เขาก็คิดเพียงแค่สองเรื่องเท่านั้น ฝึกบำเพ็ญเพื่อความแข็งแกร่ง และเรื่องของซีเอ๋อร์!

สหายเก่าพบเจอกัน ย่อมมีเรื่องราวมากมายให้พูดคุยกัน แต่กระนั้นกู้ไป๋อีที่ไม่ได้มีเรื่องจะพูดคุยกับพวกเขา ก็ยังคงอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีไม่ยอมไปไหน

และแม้ว่าเจ้าน่าหลานอวี้ผู้นี้จะดูเกะกะขวางตาเขามากก็ตาม

แต่อย่างไรเสีย น่าหลานอวี้ก็อยู่ในตำหนักเป่ยหานแล้ว เขายุ่งวุ่นวายมานานมาก พยายามมานานมาก ถึงแม้ว่าได้อยู่ด้วยกันเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็พอใจมากแล้ว

รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของน่าหลานอวี้ทำให้สีหน้าของกู้ไป๋อีก็เย็นยะเยือกลงมาก

เจ้าหมอนี่ช่างกล้ามาก เผชิญหน้ากับกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกเช่นนี้ของกู้ไป๋อีแล้วแต่ยังเลือกที่จะไม่สนใจ

น่าหลานอวี้รู้ดีว่าหัวหน้าตำหนักเป่ยหานผู้นี้คิดสิ่งใดอยู่!

ในขณะที่ไป๋อู๋ห่ายตกอยู่ภายใต้ความกดดันนี้ เฟิงอวิ๋นซิวก็ฟื้นขึ้นแล้ว ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “เฟิงอวิ๋นซิว เจ้ารีบหาทางติดต่อพระนางเร็วเข้า! ตอนนี้กู้ไป๋อีแข็งแกร่งขึ้นมาก พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย!”

เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “ใครใช้วิชาคำสาปให้ข้าต้องหลับใหลไป เอาตัวมันออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “นี่มันเวลาไหนกันแล้ว ตอนนี้ตำหนักตงจี๋ต้องหาทางเอาตัวให้รอดก่อนเป็นเรื่องสำคัญ ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเห็นแก่ความแค้นส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญกว่า!”

“หากไม่เอาตัวมันผู้นั้นมา ข้าก็ไม่ติดต่อองค์หญิงเด็ดขาด!”

“นี่เจ้า…” ไป๋อู๋ห่ายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว

ในตอนนี้เอง เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“นายน้อยเฟิง ติดต่อองค์หญิง จะติดต่อองค์หญิงด้วยเหตุอันใด?”

ไป๋อู๋ห่ายได้สติกลับมาก็หันไปเห็นร่างในชุดขาวหลายสิบร่างปรากฏตัวอยู่ที่ประตูตำหนัก

พวกเขาแผ่ซ่านกลิ่นอายความแข็งแกร่งอันมหาศาลออกมา ผู้ที่เป็นหัวหน้าของพวกเขาเป็นชายชราผมดำท่านหนึ่ง ชายชราผมดำผู้นี้ก้าวเท้าเดินมาข้างหน้าและกล่าวว่า “นานมากแล้วที่ไม่ได้ส่งข่าวไป นายน้อยเฟิงส่งข่าวให้องค์หญิงไม่ได้รึอย่างไร องค์หญิงถึงต้องส่งพวกข้ามาที่นี่”

เฟิงอวิ๋นซิวหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้น ส่วนไป๋อู๋ห่ายนั้นรีบพรวดออกไปและคุกเข่าลงทันที!

ตุบ!

“นายท่าน ช่วยด้วย! พวกท่านต้องช่วยตำหนักตงจี๋ด้วยนะขอรับ”

ชายชราผมดำกล่าว “เล่ามา ว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ไป๋อู๋ห่ายจึงเล่าเรื่องราวอันน่าสลดนี้ให้พวกเขาฟังอย่างละเอียด แต่พวกเขาไม่ได้เห็นใจไป๋อู๋ห่ายเลย อีกทั้งยังดูถูกเหยียดหยามเฟิงอวิ๋นซิวอีกด้วย

“นายน้อยเฟิง รู้ตั้งนานแล้วว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่ที่ใด แต่กลับยังเอามันมาไม่ได้!”

“ความสามารถอ่อนด้อย ก็อย่าได้ฝืนอีกเลย!”

“นั่นน่ะสิ! ทำไม่ได้ยังคิดจะเอาความดีความชอบคนเดียวอีก ไม่ดูตัวเองเอาซะเลยว่ามีความสามารถหรือไม่! เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่พวกข้าก็แล้วกัน”

มู่หลินหลางส่งคนไปที่ตำหนักตงจี๋ ทางด้านเป่ยกงจั๋วก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเหมือนกัน

ไม่นานนักวังใต้ดินก็ส่งข่าวมา เดิมทีกู้ไป๋อีไม่อยากให้มู่เฉียนซีไปพบกับเป่ยกงจั๋ว แต่มู่เฉียนซีกลัวว่าเขาจะถูกน้องชายผู้โหดร้ายของเขารังแก นางจึงยืนกรานที่จะไป

เป่ยกงจั๋วกล่าว “มู่หลินหลางส่งคนไปที่ตำหนักตงจี๋แล้ว อีกไม่นานคนของข้าจะไปถึงตำหนักเป่ยหาน แต่ทางที่ดีที่สุด พวกเจ้าเปิดศึกก็กันอย่าทำให้ดินแดนสี่ทิศเกิดความวุ่นวายล่ะ มิเช่นนั้นจะเดือดร้อนไปถึงผู้คุมแดน”

แดนแต่ละแดนล้วนแต่มีผู้คุมแดนอยู่ มิเช่นนั้นคนในแดนสูงจะลงมาก่อความวุ่นวายให้คนในแดนต่ำ เช่นนั้นแล้วแผ่นดินก็จะเกิดความโกลาหลวุ่นวายเอาได้

มู่เฉียนซีกล่าว “หากคนของตำหนักตงจี๋ไม่คิดจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ พวกเราก็ไม่ทำแน่! หวังว่าคนที่องค์รัชทายาทเป่ยกงส่งมาจะมีความสามารถและมีความแข็งแกร่งมากพอ หากสุ่มส่งคนอ่อนแอปะปนกันมา ข้าจะถือว่าองค์รัชทายาทเป่ยกงผิดคำสัญญา”

เป่ยกงจั๋วกล่าว “วางใจได้! คนที่ข้าส่งไป ไม่อ่อนแอกว่าคนที่มู่หลินหลางส่งไปแน่นอน”

“เช่นนั้นก็ดี! หากไม่มีอะไรแล้ว ข้ากับไป๋อีต้องขอตัวไปเตรียมทำศึกใหญ่ก่อน! เชิญองค์รัชทายาทเป่ยกงตามสบาย!”

เมื่อคร้านจะสนใจเจ้าหมอนี่ มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีจึงจากไปทันที

นางเมินเฉยต่อเป่ยกงจั๋ว และปฏิบัติกับกู้ไป๋อีราวกับเป็นของล้ำค่าก็มิปาน สิ่งนี้ทำให้เป่ยกงจั๋วโกรธเกรี้ยวมาก เมื่อเดินออกมาจากวังใต้ดิน มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ คนที่เป่ยกงจั๋วส่งมาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าคนที่มู่หลินหลางส่งมา แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งแน่นอน! เขาไม่ได้ใจดีมากถึงเพียงนั้น! และข้าก็กลัวว่าทางตำหนักตงจี๋จะมีคนจากแดนนรกมาเข้าร่วมด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความปลอดภัยของเจ้าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

กู้ไป๋อีกล่าวเสียงต่ำว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าพูดผิดแล้ว!”

“ข้าพูดผิดอย่างนั้นเหรอ?”

“ความปลอดภัยของซีเอ๋อร์ต่างหากที่สำคัญที่สุด! ห้ามให้ตัวเองมีอันตรายเด็ดขาด”

“ก็สำคัญเหมือนกันนั่นแหละ!”

และเพื่อป้องกันไม่ให้แดนนรกลอบโจมตีได้ ดังนั้นจื่อโยวจึงเดินทางมาที่ตำหนักเป่ยหานอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร

“คนงาม ข้ามาช่วยเจ้าพิชิตดินแดนสี่ทิศแล้ว”

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย “เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้จะคิดพิชิตดินแดนสี่ทิศอะไร แค่อยากจะฆ่าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นก็เท่านั้น ทางที่ดีกำจัดไป๋อู๋ห่ายกับไป๋เหยียนเอ๋อร์ที่เกะกะขวางหูขวางตานั่นไปด้วยก็จะดีมาก”

“อา หมิงจีอีกคน!” แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี

จื่อโยวกล่าว “ก็จริง! คนงามพิชิตคนอย่างเยี่ยได้แล้ว การจะพิชิตดินแดนสี่ทิศก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”

แม้ว่าตำหนักตงจี๋กับตำหนักเป่ยหานจะมีความขัดแย้งกันตั้งแต่ก่อตั้งตำหนักมา แต่ก็ไม่เคยเกิดศึกใหญ่จนถึงขั้นจะทำลายล้างเช่นนี้มาก่อน

เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเพราะถูกกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขากำหนดมา และราชวงศ์ตงหวงกับราชวงศ์เป่ยกงก็ยังไม่เคยร่วมศึกรบกันมาก่อน

ในตอนนี้เป็นเพราะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ศึกของสองตำหนักจึงได้เริ่มขึ้น!

ในขณะที่สองตำหนักกำลังเตรียมพร้อมจะทำศึกกันอยู่ หัวหน้าแคว้นแห่งแคว้นเทพฟ้านอินที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดกลับมีการเคลื่อนไหวแล้ว เขาส่งสารเสียงไปยังตำหนักเป่นหานกับตำหนักตงจี๋!

.

.