วานรตัวน้อยเอนตัวพิงฉินอี้เฟยขณะมองคนอื่น ๆด้วยแววตาระแวดระวังเล็กน้อยและหันมองฉินอี้เฟยพร้อมรอยยิ้มไร้เดียงสาเป็นระยะ ๆ
มันแสดงออกถึงความไว้วางใจในตัวฉินอี้เฟยอย่างไม่ปิดบังซึ่งส่งผลให้คนอื่น ๆ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดสังหารมันอีกต่อไป
หากวานรยังแสดงท่าทางที่ก้าวร้าวหรือแสดงท่าทางที่เป็นปฏิปักษ์มากกว่านี้ พวกเขาก็คงเลือกสังหารมันเสีย อย่างไรก็ตาม วานรตัวน้อยที่มีแววตาใสซื่อในตอนนี้ทำให้พวกเขาใจอ่อนจนมิกล้าเริ่มต้นลงมือด้วยซ้ำ
“หรือว่าเราจะพามันกลับไปก่อนเจ้าคะ ? บางทีอวี้โม่อาจจะมีวิธีบางอย่างอยู่”
อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวเสนอออกไป ในเมื่อหญ้าเทียนหมาที่ต้องการอยู่บนศีรษะของอสูรวานรและพวกตนไม่อาจคิดหาทางอื่นได้ การพาตัววานรน้อยกลับไปด้วยและค่อยคิดหาทางออกต่อไปน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
“ข้าขอถามมันก่อน”
ฉินอี้เฟยพยักศีรษะและหันไปเอ่ยถามวานรข้างกาย
วานรน้อยลังเลไปครู่หนึ่งเนื่องจากไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่จะเกิดขึ้นเท่าใดนัก ทว่าท้ายที่สุดมันก็พยักหน้าตอบตกลง
“ไปกันเถอะ”
ฉินอี้เฟยลุกขึ้นและวานรตัวน้อยก็ทำตามเช่นเดียวกันก่อนกระโดดขึ้นบนไหล่ของเขา จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเมืองราชวงศ์
อย่างไรก็ตาม เมื่อลงไปจากภูเขามหาเทพ พวกเขากลับพบกับฉินอวี้โม่ที่กำลังมุ่งหน้ามาที่นี่
เมื่อเห็นว่าฉินอี้เฟยและทุกคนสบายดี ฉินอวี้โม่จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางใช้เวลาเกือบครึ่งเดือนในการเดินทางอย่างเร่งรีบจากทุ่งน้ำแข็งทางเหนือมาที่นี่
“อวี้โม่ เหตุใดเจ้าจึงมาที่นี่ได้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ ?”
เมื่อฉินอวี้โม่มาถึงที่นี่ อวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ ก็กล่าวทักทายพร้อมรอยยิ้มก่อนเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอก หลังจากได้หล่อฮั้งก้วยมาครอง ข้าก็ติดต่อหาใครไม่ได้และคิดว่าอาจเกิดเรื่องบางอย่าง ข้าจึงรีบเดินทางมาที่นี่ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อทุกคนสบายดี ข้าก็โล่งใจได้”
ฉินอวี้โม่อธิบายเพียงสั้น ๆ ก่อนสายตาจะเลื่อนไปบรรจบที่วานรตัวน้อยซึ่งเกาะอยู่บนไหล่ของฉินอี้เฟย
“นั่นคือหญ้าเทียนหมาอย่างนั้นหรือ ?”
นางชี้ไปยังต้นหญ้าสีม่วงบนศีรษะของวานรตัวน้อยด้วยแววตาประหลาดใจ
ฉินอี้เฟยพยักศีรษะและเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้ฉินอวี้โม่ได้ทราบ
ฉินอวี้โม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้ทันที ทว่าสิ่งที่นางสงสัยใคร่รู้มากยิ่งกว่าคือภูเขามหาเทพที่ลึกลับแห่งนี้
มันสามารถปิดกั้นอุปกรณ์สื่อสารได้อย่างสิ้นเชิงและมีอสูรมายาระดับสูงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีอีกหลายสถานที่ที่แม้แต่ฉินอี้เฟยและคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าเหยียบย่างเข้าไป บนภูเขามหาเทพแห่งนี้ เกรงว่ายังมีปริศนาซ่อนไว้อีกมากมายนัก
อย่างไรก็ตาม นี่มิใช่เวลาสำหรับการสำรวจภูเขามหาเทพ ในเมื่อได้หล่อฮั้งก้วยและหญ้าเทียนหมามาแล้ว ตราบใดที่กลับไปยังเมืองราชวงศ์และหลอมโอสถกร่อนวิญญาณได้สำเร็จ หลุมดำมิติก็จะสิ้นสลายไป
“อวี้โม่ ตอนนี้เรามีปัญหาใหญ่อยู่ หากเราเด็ดหญ้าเทียนหมาไป เจ้าวานรจะต้องตาย เราไม่อยากทำร้ายเจ้าตัวน้อยนี่และอยากรู้ว่าจะมีทางออกอื่นที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราทั้งสองฝ่ายหรือไม่”
ทุกคนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวด้วยกันและฉินอี้เฟยก็เอ่ยถามฉินอวี้โม่ด้วยสีหน้าที่จริงจัง
สายตาของทุกคนบรรจบลงที่ฉินอวี้โม่เป็นตาเดียวและต้องการทราบว่านางจะมีวิธีอยู่หรือไม่
วานรตัวน้อยที่กำลังเล่นสนุกกับเสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ เงี่ยหูฟังเช่นกันและสีหน้าของมันก็แสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ในเมื่อหญ้าเทียนหมาผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าวานรแล้ว เลือดของวานรก็น่าจะมีสรรพคุณของมันอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น พลังของเจ้าวานรน้อยก็ถือว่าเป็นประโยชน์เช่นกัน หากพี่ใหญ่ทำพันธสัญญากับมัน ท่านก็คงจะใช้มันเพื่อหลอมโอสถกร่อนวิญญาณได้โดยที่ไม่เป็นปัญหา”
ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งและกล่าวเสนอวิธีการออกไป
ในเมื่อร่างกายของวานรผสานเข้ากับหญ้าเทียนหมาแล้ว โลหิตของมันก็น่าจะมีสรรพคุณทางยาที่เหมือนกับหญ้าเทียนหมา การใช้โลหิตบางส่วนของมันเป็นส่วนผสมจะช่วยให้ฉินอี้เฟยหลอมโอสถกร่อนวิญญาณได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ปริมาณโลหิตที่ต้องใช้ก็คงจะมากพอสมควรและวานรตัวน้อยอาจเสียเลือดมากจนเกินไปซึ่งส่งผลให้พลังของมันลดน้อยลงไปมากหรืออาจเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิต
ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเรื่องนี้คือการให้วานรทำพันธสัญญากับฉินอี้เฟย เช่นเดียวกับตัวนางและซิว เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะสามารถใช้พลังของกันและกันได้ และการหลอมโอสถกร่อนวิญญาณก็จะง่ายดายมากขึ้น
แต่ทว่า การที่วานรมีพลังที่แกร่งกล้าเช่นนี้แต่ไม่สามารถพูดภาษามนุษย์ได้ ก็หมายความว่าร่างกายของมันคงจะมีปริศนาบางอย่างซ่อนไว้ เพราะเหตุนั้น การทำพันธสัญญากับมันอาจจะมิใช่เรื่องง่ายนัก
“ข้าเองก็เคยคิดถึงวิธีการนี้ แต่ข้าทำพันธสัญญากับมันไม่ได้ ในร่างของเจ้าวานรน้อยมีพลังบางอย่างซ่อนอยู่ ตราบใดที่พลังวิญญาณของข้าแผ่เข้าไป พลังนั้นจะต้านทานโดยอัตโนมัติและขับไล่พลังวิญญาณของข้าออกมา”
ฉินอี้เฟยขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย เขาเองก็เคยทดลองวิธีการนี้มาก่อนแล้ว หากมิใช่เพราะทำพันธสัญญากับวานรน้อยไม่ได้ เขาก็คงไม่อับจนหนทางเช่นนี้
“เจ้าตัวน้อย มานี่สิ”
ฉินอวี้โม่โบกมือเรียกวานรน้อยให้เข้ามาหา
แม้ว่าวานรตัวน้อยจะมีปฏิกิริยาต่อต้านอวิ๋นซื่อเทียนและคนอื่น ๆ เล็กน้อย ทว่ามันกลับไม่แสดงปฏิกิริยาเช่นนั้นกับฉินอวี้โม่เลยสักนิด กลิ่นอายที่แผ่มาจากร่างของนางทำให้วานรน้อยรู้สึกเป็นมิตรและอยากจะเข้าไปใกล้เสียด้วยซ้ำ
มันกระโจนเข้าไปหาฉินอวี้โม่และกะพริบดวงตากลมโตด้วยท่าทางที่ดูน่ารักน่าชัง
“เจ้าตัวน้อย อย่าต่อต้านข้าล่ะ ข้าจะขอดูสักหน่อยว่าพลังในร่างของเจ้าคือสิ่งใด”
ฉินอวี้โม่ลูบศีรษะของวานรตัวน้อยและค่อย ๆ แผ่พลังวิญญาณเข้าไปในจิตของมัน
เป็นจริงดังที่ฉินอี้เฟยกล่าวไว้ ในร่างของวานรมีอาคมบางอย่างอยู่ หากทำลายอาคมนั้นไป ไม่เพียงแต่วานรจะตายไปเท่านั้น ทว่าหญ้าเทียนหมาบนศีรษะของมันก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านและสลายไปโดยเร็ว
และหากต้องการทำพันธสัญญากับวานร ฉินอี้เฟยก็จำเป็นต้องแตะต้องอาคมนั้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง เว้นแต่ว่าอาคมนั้นจะหายไป การทำพันธสัญญาก็จะเกิดผล
อย่างไรก็ตาม นี่มิใช่สิ่งที่ซับซ้อนหรือยุ่งยากเกินไปสำหรับฉินอวี้โม่ เพราะถึงอย่างไร นางก็เคยพานพบสถานการณ์ที่โหดหินยิ่งกว่านี้มานักต่อนัก
แม้อาคมในร่างของวานรจะทรงพลังมาก หากฉินอวี้โม่ต้องการทำลายมัน นางก็ย่อมมีหนทางอยู่
“เจ้าวานร เจ้ายินดีที่จะทำพันธสัญญากับพี่ใหญ่ของข้ารึไม่ ?”
แม้มีวิธีทำลายอาคมนั้น นางก็ต้องได้รับความยินยอมจากวานรน้อยเสียก่อน หากมันไม่เห็นชอบ การฝืนทำเช่นนั้นก็คงมิใช่เรื่องง่าย
เพราะเหตุนั้น ฉินอวี้โม่จึงถามความเห็นจากวานรน้อยโดยตรงและได้เพียงหวังว่ามันจะเข้าใจและเห็นด้วย
วานรตัวน้อยลังเลครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าหงึกหงัก ด้วยสติปัญญาที่มากพอสมควร มันทราบดีว่าสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเองคือสิ่งใด หากมีสิทธิ์เลือก มันก็ยินดีที่จะทำพันธสัญญาเป็นอสูรของผู้ที่มันถูกชะตา แทนที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวเพียงลำพัง
ฉินอวี้โม่เรียกฉินอี้เฟยและวานรตัวน้อยเข้าไปในห้องห้องหนึ่งก่อนเรียกมารยาตามเข้าไป
หากต้องการทำลายอาคมที่ปิดกั้นจิตของวานรน้อยโดยไม่ทำร้ายมัน นางเพียงลำพังยังไม่ถือว่าเพียงพอและจำเป็นต้องเรียกมารยามาช่วยเหลือด้วยเช่นกัน
ในเวลานี้ ทุกคนทราบดีว่าฉินอวี้โม่กำลังช่วยให้ฉินอี้เฟยทำพันธสัญญากับอสูรวานร พวกเขาจึงไม่คิดเข้าไปรบกวนและทำได้เพียงรอฟังข่าวดีเท่านั้น
ภายในห้องนั้น ฉินอวี้โม่และมารยาวางข่ายอาคมรอบบริเวณเพื่อป้องกันการรบกวนทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น ในขณะเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้จะไม่ส่งผลกระทบออกไปข้างนอกเช่นกัน
หลังจากบอกให้ฉินอี้เฟยและวานรน้อยนั่งลง ฉินอวี้โม่ก็กล่าวขึ้น “ไม่ว่าข้าจะทำอะไรหลังจากนี้ อย่าขัดขืนเด็ดขาด จงให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไม่ต้องกังวล ข้ายืนยันว่าจะไม่มีใครเป็นอะไรไป”
นางเริ่มจากการกล่าวปลอบประโลมเพื่อให้ทั้งสองสงบจิตสงบใจลงเสียก่อน กระบวนการที่จะเกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและต้องให้ทั้งสองผ่อนคลายจิตใจให้มากที่สุด
ฉินอี้เฟยและวานรตัวน้อยก็พยักศีรษะแสดงความเข้าใจอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนประกบมือเข้าด้วยกันและผ่อนคลายลง
จากนั้นฉินอวี้โม่ก็ก้าวไปข้างหน้าก่อนแผ่พลังวิญญาณเข้าไปในร่างของฉินอี้เฟยและวานรน้อยพร้อมกัน ในขณะที่พลังวิญญาณของมารยาก็แผ่เข้าไปในจิตของวานรน้อยเช่นกัน